… เห็นท่าทีของวู่จวี้เอ๋อ เซียนสวรรค์พักพิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ
บางสิ่งเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทำได้แค่ยอมรับความเป็นจริงเท่านั้น
ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าจะมีปาฎิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถบอกได้ว่าฟางเจิ้งจือกำลังอยู่ท่ามกลางความอันตรายสูงสุด ทั้งไป่ฉือและเทพปีศาจผู้ควบคุมพื้นที่ว่างได้ รวมถึงราชาอสูรอีกจำนวนหนึ่ง ฟางเจิ้งจือไม่มีทางที่จะรับมือพวกเขาได้ทั้งหมด
วู่จวี้เอ๋อกัดริมฝีปากแน่นนางสัมผัสได้ถึงความไร้พลังของตัวเอง นางไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ นางทำได้เพียงมองสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆเท่านั้น
ทันใดนั้นแสงสีเงินอ่อนราวกับแสงจากดวงดาวได้ปรากฎขึ้น
ฉือกูเหยียนเคลื่อนไหว
ชายกระโปรงสีชมพูที่เต็มไปด้วยเลือดของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม
กลุ่มดาวในดวงตาของนางหมุนวนอย่างต่อเนื่องทำให้ดวงตาของนางส่องประกายเป็นพิเศษ
ก่อนที่ร่างของนางจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด
จวี้เอ๋ออย่า! เซียนสวรรค์พักพิงรีบกดไหล่ของวู่จวี้เอ๋อไว้ทันที นั่นเป็นเพราะเขาเห็นร่างของนางส่องแสงออกมาเหมือนกัน
ท่านอาจารย์!ข้าเองก็อยากช่วยฉือกูเหยียนเหมือนกัน!
ข้าเห็นด้วยกับเจ้าทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้!
ทำไมกัน?
เจ้าน่าจะเข้าใจว่าไม่มีใครช่วยฟางเจิ้งจือได้นอกจากตัวเขาเอง เซียนสวรรค์พักพิงจับร่างของวู่จวี้เอ๋อเอาไว้แน่น
แต่…ฉือกูเหยียน..
ฉือกูเหยียน? เซียนสวรรค์พักพิงหันไปมองร่างที่พุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยสีหน้าอันซับซ้อน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉือกูเหยียนต้องรนหาที่ตาย
ด้วยความฉลาดของฉือกูเหยียนนางต้องเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันแน่นอน ยิ่งเข้าไปช่วยก็เท่ากับมีคนตายมากขึ้นเท่านั้น
แต่ฉือกูเหยียนก็เลือกที่จะพุ่งขึ้นไป
…
หลังจากเห็นฉือกูเหยียนปรากฎตัวขึ้นเทพปีศาจแสดงความตกใจออกมาเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะความเร็วของนางแต่เขาแปลกใจที่มีคนกล้าเผชิญหน้ากับเขาอีกหลังจากเก็นพลังที่แท้จริงของเขา
แน่นอนว่าเขาไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
มีราชาอสูรหลายสิบตนขวางฉือกูเหยียนไว้อยู่นางจะผ่านเข้ามาง่ายๆได้ยังไง? ฉือกูเหยียนเจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ราชาอสูรหลายสิบตนร้องคำราม
ด้านฉือกูเหยียนแม้นางจะต้องเผชิญหน้ากับราชาอสูรนับสิบนางไม่ได้พูดอะไรนางเพียงแค่หยิบดาบออกมาพร้อมโจมตีเท่านั้น
นางเคลื่อนไหวด้วยกระบวนท่าที่เรียบง่าย…
มันให้ความรู้สึกราวกับนางไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับราชาอสูรนางทำราวกับนางกำลังสู้สัตว์ร้ายทั่วๆไปเท่านั้น
หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนางยังคงมีท่าทีหยิ่งยโสเช่นเคย ไป่ฉือยิ้มเมื่อเห็นฉือกูเหยียนกำลังเข้ามา
ใช่ หยุนชิงวูพยักหน้าขณะมองดูฟางเจิ้งจือ ท่านแม่ท่านคิดว่าจะมีปาฎิหาริย์เกิดขึ้นไหม?
ปาฏิหาริย์?ฮ่าฮ่า…
ไป่ฉือหัวเราะออกมาแม้นางจะไม่ได้ตอบหยุนชิงวูตรงๆ แต่การที่นางหัวเราะออกมานั่นเท่ากับว่านางไม่เชื่อ
หยุนชิงวูไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมนางเงยหน้ามองประตูเทพเจ้าทั้งสองบาน
โฮก!!!เสียงคำรามของราชาอสูรดังขึ้น
สนามรบที่เคยเงียบสงบกลับสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
ความเย่อหยิ่งของฉือกูเหยียนทำให้เหล่าราชาอสูรหัวเสียพวกเขาพยายามโจมตีฉือกูเหยียนด้วยกรงเล็บอันแหลมคม
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือไม่มีเวลาทักทายฉือกูเหยียนนั่นเป็นเพราะความเร็วของเทพปีศาจนั้นมากเกินไป
เพียงแค่เขาขยับนิ้วฟางเจิ้งจือที่หนีออกไปก็ต้องกลับมาอยู่ที่เดิม
ข้าเกือบจะลืมไปแล้วว่าหลังจากที่ท่านฟื้นคืนชีพท่านยังไม่ได้กินอะไรเลยทำไมไม่กินอะไรก่อนที่พวกเราจะสู้กันต่อไป? ฟางเจิ้งจือพูดพร้อมจับดาบไร้ร่องรอยในมือแน่นดูเหมือนเขาจะยอมแพ้ที่จะหลบหนีแล้ว
ฮ่าฮ่า… เทพปีศาจยิ้มออกมาด้วยความเยือกเย็นในขณะยิ้มเขาก็ยกมือขวาขึ้นทีละเล็กน้อย
เขาไม่คิดจะเสียเวลาอีก
อย่างไรก็ตามเมื่อเขายกมือขึ้นเขากลับต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ
นั่นเพราะฟางเจิ้งจือได้หนีไปอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไถลลงไปตามภูเขาด้วยความเร็วที่แม้แต่เขาก็มองได้ไม่ชัดเจน
อะไรคือเป้าหมายที่ฟางเจิ้งจือทำเช่นนี้?
โง่ในครั้งแรกนั้นอาจจะเป็นเรื่องปกติอย่างไรก็ตามหากยังทำเรื่องโง่เขลาอย่างต่อเนื่องหลังจากผิดพลาดครั้งแรก นั่นหมายถึงความไร้เดียงสาเกินไป
กลับมา! เทพปีศาจยิ้มอย่างเยือกเย็น รอยแผลเป็นบนหน้าผากของเขาเปล่งสีทองออกมาเล็กน้อย
อย่างที่คิดไว้… ฟางเจิ้งจือกลับมาอีกครั้ง
มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเล็กน้อยเขาคิดว่าฟางเจิ้งจือน่าจะตัดสินใจทำอะไรได้ฉลาดกว่านี้ แต่เขากลับเลือกที่จะหนีอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือถูกนำตัวกลับมาใกล้กว่าครั้งก่อนเพราะเทพปีศาจไม่ต้องการเสียเวลากับฟางเจิ้งจืออีกต่อไป
เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถวิ่งหนี…เอ๊ะ! ก่อนที่เขาจะพูดจบดาบเล่มหนึ่งปรากฎขึ้นบนหัวของเขา
มันเร็วมาก!
แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับความเร็วของเขาได้แต่เขาต้องยอมรับว่าดาบนั้นพุ่งเข้ามาเร็วมากจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นการโจมตีที่ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
แสงสีม่วงอันชั่วร้ายส่องประกายราวกับเป็นมังกรที่แหวกว่าย
ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับคลื่นระเบิดที่กระจายไปทุกทิศทาง
ความจริงฟางเจิ้งจือได้เตรียมการโจมตีนี้ไว้แล้วเพราะเขารู้ว่าตัวไม่สามารถหนีได้แน่นอน
เขาไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากโจมตี!
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถโจมตีเทพปีศาจตามปกติได้เขาต้องโจมตีจากระยะใกล้ แม้มันจะฟังดูไร้สาระเพราะตามเหตุผลยิ่งใกล้เทพปีศาจนั่นหมายความว่าเทพปีศาจก็เร็วขึ้นเช่นกัน
ใช่แต่ฟางเจิ้งจือเลือกโจมตีโดยที่เทพปีศาจไม่คาดคิด
เทพปีศาจต้องใช้เวลาในการพจิารณาสถานการณ์แม้มันจะเป็นแค่เสี้ยววิแต่ก็ทำให้ฟางเจิ้งจือมีเวลามากพอ
นอกจากนี้ขณะที่เขาโจมตีฟางเจิ้งจือยกข้าข้างหนึ่งขึ้นเล็งไปที่เป้าของเทพปีศาจ
กล้าดียังไง! เทพปีศาจสัมผัสได้ถึงสายลมที่ผ่านระหว่างขาของเขา
ไม่มีใครกล้าทำเรื่องไร้ยางอายกับเขาเช่นนี้
เขาหุบขาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วเพื่อหนีบขาของฟางเจิ้งจือที่พุ่งเข้ามาอย่างไรก็ตามก่อนที่จะทำอย่างนั้นด้านหน้าเขามีผงสีขาวปรากฎขึ้น
…
…
ในฐานะเทพปีศาจผู้ทรงพลังเขาจะรู้สึกยังไงผงปูนใส่หน้าและถูกโจมตีใส่อย่างต่อเนื่อง?
ไม่มีใครรู้
อย่างน้อยก็จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือก็ไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้นางอ้าปากค้างราวกับเห็นผี รวมถึงเหล่าราชาอสูรก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางเจิ้งจือไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
สิ่งเดียวที่สนใจตอนนี้คือความเร็วเขาต้องเร็วที่สุดเท่าทีจะทำได้ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเทพปีศาจจะไม่สามารถโจมตีเขากลับหรือป้องกันเขาได้
นี่เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดที่เขาได้จากซิงหยวนกัว
ใช้การโจมตีเพื่อป้องกัน!
ดูเหมือนเจ้าจะคิดออกแล้วสินะว่าทำไมข้าถึงถูกเรียกว่าเทพปีศาจผู้ควบคุมพื้นที่ว่าง หลังจากป้องกันการโจมตีทั้งหมดของฟางเจิ้งจือ เขาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นพร้อมกลับยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
อย่างไรก็ตามเพราะผงสีขาวที่ติดหน้าเขาอยู่มันเลยทำให้ดูตลกมากกว่าดูน่ากลัว
ข้าแนะนำให้ท่านหาอะไรกินก่อน! ฟางเจิ้งจือพูดพร้อมต่อยไปด้านหน้า
ฮ่าฮ่าข้าค่อยกินหลังจากที่ฆ่าเจ้าก็ได้! เทพปีศาจเข้าใจความคิดของฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือก็มีข้อได้เปรียบเทพปีศาจไม่สามารถเคลื่อนที่ออกไปจากที่เดิมได้ ดังนั้นเขาไม่สามารถใช้ความเร็วเพื่อได้เปรียบฟางเจิ้งจือได้
เขาสามารถถ่วงเวลาได้นานขนาดนี้?!
เจ้าเด็กเหลือขอนั่น…เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?
หยานหยิงได้โจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแต่เจ้าเด็กนี่โจมตีไปแล้วถึงห้าครั้ง? ยิ่งไปกว่านั้นเทพปีศาจยังไม่ได้มีโอกาสโจมตีกลับเลย?!
โฮก!
ทุกคนกำลังให้ความสนใจการต่อสู้ระหว่างฟางเจิ้งจือและเทพปีศาจแม้แต่พวกราชาอสูรก็ตกตะลึง
ฉากที่เกิดขึ้นไม่น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่ง
เพราะดูเหมือนฟางเจิ้งจือกำลังได้เปรียบเทพปีศาจอยู่
เจ้าเป็นเด็กที่เก่งแต่น่าเศร้าที่เจ้าเป็นเพียงแค่มนุษย์ ข้าจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า! หลังจากป้องกันการโจมตีทั้งหมดของฟางเจิ้งจือ ท่าทีของเทพปีศาจดูจริงจังขึ้น
เขาไม่สนใจที่จะเล่นกับฟางเจิ้งจืออีกต่อไป
ตูม!ท้องฟ้ารอบๆเทพปีศาจตกอยู่ในความมืดมิดพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น จากนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาตบฟางเจิ้งจือ
บรรยากาศอันน่าสะพรึงกดกับมาที่ร่างของเขาราวกับเขาเป็นแค่มดตัวเล็กๆ
ขณะที่มือข้างหนึ่งโจมตีใส่ฟางเจิ้งจืออีกสองมือของเขายังคงป้องกันการโจมตีของฟางเจิ้งจืออย่างต่อเนื่อง
มือที่สาม?! หน้าผากของฟางเจิ้งจือเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเมื่อเห็นมือขนาดมหึมากำลังตบลงมาที่เขา
’มีพลังควบคุมพื้นที่ว่างได้ยังต้องมีมือที่สามอีกงั้นรึ?’
’ท่านจะมีพลังมากมายไปทำไม?!’ มันจะสู้กันสนุกที่ไหนถ้าอีกฝ่ายมีพลังมากเกินไป?’
’หรือข้าควรปล่อยให้ท่านฆ่าตายง่ายๆดี?’
ฟางเจิ้งจือกำลังจะสิ้นหวังแม้เขาอาจจะไม่ตายจากการถูกมือมหึมาตบ เขาก็ต้องตายเพราะอย่างอื่นอยู่ดี
ไม่!
เขาต้องไม่ยอมแพ้!
ฟางเจิ้งจือกัดฟันแน่นพร้อมกับพยายามหาวิธีรับมือกับมือขนาดมหึมาที่อยู่เหนือหัวของเขา
แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง
ตรึง!
ฟางเจิ้งจือค่อนข้างคุ้นเคยกับเสียงนั้นแน่นอนเขายังรู้สึกตกใจด้วย ตกใจที่ฉือกูเหยียนไม่ได้หนีไป!
ในเวลาเดียวกันขาของเขาก็โจมตีเข้าเป้าสำเร็จ ตูม!เสียงขาของเขากระทบบางอย่างอย่างรุนแรง เทพปีศาจเบิกตากว้าง เขารู้สึกว่าบางอย่างของเขากำลังถูกบดขยี้
……………………………………..