[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 15
[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (เลเวล 36)
◇◆◇
เวลาผ่านไปหนึ่งปีนับตั้งแต่คุซานเกิดมา
ด้วยร่างกายที่อ่อนแอ เธอจึงไม่สามารถออกไปข้างนอก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาสนามเด็กเล่นของเธอคือถ้ำที่คับแคบและมืดมิดแห่งนี้มาโดยตลอด
เดิมทีชื่อคุซานเป็นชื่อของผู้ก่อตั้งเผ่ากอร์ด็อบ ตั้งแต่นั้นชื่อนี้ก็ได้รับสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
เมื่อคุซานคนปัจจุบันได้รับนามนี้ มันก็นำมาซึ่งหน้าที่อันโหดร้าย หน้าที่ที่เธอต้องแบกรับไว้กับร่างกายที่อ่อนแอ
…หน้าที่นั้นคือการได้ยินเสียงของลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรม
และ 10 วันหลังจากที่เธอได้รับชื่อ ‘คุซาน’ เธอก็ได้ยินเสียงของลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมเป็นครั้งแรก
“ความชั่วร้ายจะมาจากทิศตะวันออก…ด้วยสมบัติทั้งสี่…ต่อหน้าข้า…”
เมื่อเสียงที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันกล่าวมาถึงหู ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้าน
เลือดของบรรพบุรุษที่หลับใหลอยู่ในตัวเธอตื่นขึ้นมา เธอถูกทำให้กลายเป็นคุซานอย่างกะทันหันและมีชีวิตอยู่ภายใต้ความทรงจำของบรรพบุรุษ แม้ว่าความทรงจำเก่าของเธอจะถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครแตะต้อง แต่ตอนนี้ความทรงจำของบรรพบุรุษกำลังครอบงำเธอ
ด้วยความยินดี เธอจึงรับหน้าที่เฝ้าประตู
แต่…
ลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมหมายถึงอะไร “ความชั่วร้าย”? สมบัติทั้งสี่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าอย่างแน่นอน แต่…เขาหมายถึง “ความชั่วร้าย” ?
หญิงสาวที่เพิ่งได้ยินเสียงของลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมเป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ดังนั้นเธอจึงหันไปขอความช่วยเหลือไปจากพ่อของเธอ ‘เยลโล่’ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอะไรจะมาจากทิศตะวันออกกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอไปที่ประตู เธอก็เห็นร่างของโอเกอร์ขนาดใหญ่กาะอยู่เหนือป้อมปราการ มันไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่มีพวกโอเกอร์เต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีพลังมากกว่าตัวอื่นอย่างมหาศาล เป็นไปได้ว่ามันจะเป็นหัวหน้าฝูง
หลังจากเห็นเช่นนั้น เธอจึงรีบหนีออกจากป้อมปราการกลับไปปรึกษาเยลโล่
พวกเขาสรุปว่าจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากชนเผ่า
ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกหัวหน้าเผ่าอื่น ๆ อีกสามเผ่า: คนที่แข็งแกร่งที่สุดตอนนั้นคือกิแลนแห่งเผ่ากันระ รัสกาจากเผ่าเกิร์ดและอลูฮาลิฮาลที่มีอายุมากที่สุดในหมู่พวกเขา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถตกลงกันได้
ก็อบลินจะไม่ฟังใครหากไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ เมื่อได้รับแจ้งเตือน พวกเขาจึงคิดว่าคุซานเสนอแผนภายใต้การหลอกลวงของคำทำนาย
พวกเขาประกาศว่า 400 ปีในการหยุดพักที่เทพธิดาแห่งนรกทิ้งพวกเขาไว้ได้ถูกทำลายแล้ว แต่แน่นอนว่าขณะนี้ป้อมปราการถูกครอบงำโดยโอเกอร์ คำทำนายดังกล่าวจึงไม่ได้ถูกยอมรับ
ก็อบลินเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในหมู่พวกเขาพูดถึงคำทำนาย
––– “ความชั่วร้าย” ต้องหมายถึงศัตรู
––– ด้วยความช่วยเหลือจากราชาเท่านั้น ที่เราจะสามารถยืนหยัดได้
คำพูดเหล่านั้นกลายเป็นแรงผลักดันทำให้รัสกาผู้ทะเยอทะยานสร้างกองกำลังของตัวเอง เมื่อเห็นเช่นนั้นคุซานซึ่งตระหนักถึงความสามารถของเขา เธอสอนวิธีใช้อีเธอร์ให้กับรัสกา แล้วเธอก็ชักนำให้เขาพูดเช่นนี้
“ข้าจะเป็นคนเปิดประตูสู่นรกตามคำทำนาย”
คำพยากรณ์ของนรก จากจุดเริ่มต้นที่เผ่ากอร์ด็อบการประกาศเช่นนั้น เป็นเหมือนกับการบอกว่าตอนนี้เผ่ากอร์ด็อบจะอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา ถ้ามีการกบฏใด ๆ จากเผ่ากอร์ด็อบ คุซานจะทำให้พวกเขาเงียบลงทันที
รัสกาตกใจ แต่คุซานและเยลโล่พยักหน้าให้เขาเท่านั้น
––– ถึงเวลาแล้ว เจ้าจะกลายเป็นราชาเพื่อช่วยเหลือเผ่าทั้งสี่
คำพูดหอมหวานเหล่านั้นเหมือนน้ำผึ้งและรัสกาก็ตกลงไปในหลุมพราง
“ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาราชาในเทพนิยาย” รัสกาประกาศ “ข้าจะเปิดเส้นทางนั้นด้วยตัวเอง!”
คุซานผู้เยาว์วัยที่ได้รับความทรงจำจากบรรพบุรุษกำลังชักนำเขา
รัสกานำกองกำลังของเผ่าเกิร์ดการ์เข้าท้าทายชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้เผชิญหน้าของเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกาดิเอต้านักธนูคนแรก หัวหน้าเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด กิแลน
ในตอนแรกการต่อสู้เป็นความได้เปรียบของกิแลน แต่ด้วยการที่รัสกาสามารถใช้อีเธอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลงด้วยชัยชนะของเขา
แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น
พวกโอเกอร์ที่อยู่ข้างหลังประตูเริ่มเคลื่อนไหวในป้อมปราการ
รัสกาและชนเผ่าของเขาพยายามหยุดยั้งพวกมัน แต่เขาก็ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ แต่นั่นก็ไม่น่าแปลกเพราะพวกโอเกอร์ทุกตัวล้วนแข็งแกร่ง
ดังนั้นแม้จะมีเวทมนตร์ของรัสกาและอลูฮาลิฮาลที่ร่วมมือกัน แม้จะมีก็อบลินทั้งหมดอยู่ข้างหลัง แต่ภัยคุกคามของโอเกอร์ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะกำราบได้ง่าย ๆ
เวลานั้นเองที่กิลมิแห่งเผ่ากันระขอความช่วยเหลือจากก็อบลินจากทิศตะวันออก
–––ความชั่วร้ายจะมาจากทางตะวันออก
เมื่อคุซานได้ยินถึงความแข็งแกร่งของก็อบลินจากเยลโล่ ในที่สุดเธอก็รู้ว่าคำทำนายนั้นหมายถึงอะไร
สิ่งที่พวกเขาโหยหามาตลอด ในที่สุดก็มาถึงแล้ว
เมื่อรู้เช่นนั้น ก็เกิดความอับอายจากแผนการที่เธอสร้างขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ต้องทำตามหน้าที่ของเธอให้สำเร็จ
เธอต้องการเติมเต็มคำทำนายของผู้ที่ปกป้องประตูแห่งนรก
ก็อบลินผู้ “ชั่วร้าย” จะรวบรวมสมบัติทั้งสี่
ภายใต้คำสั่งของเธอ เยลโล่ใช้ทักษะเชิดหุ่นเพื่อควบคุมนกแห่งความโชคร้ายและติดตามการเคลื่อนไหวของเขา
ครั้งแล้วครั้งเล่าการกระทำของก็อบลินตัวนั้นชักนำหัวใจของพวกเขาออกมา การกระทำเหล่านั้นได้ยืนยันความสงสัยของพวกเขา
พวกเขาคิดว่านี่คือก็อบลินที่จะช่วยเรา
ดังนั้นพวกเขาจึงเชิญก็อบลินที่เอาชนะรัสกามายังหมู่บ้านเผ่ากอร์ด็อบ
ในผนังถ้ำอันมืดมิด คำพูดของเขาดังก้อง
“ข้าจะเปิดประตูสู่นรกเอง!”
คำพูดเหล่านี้
สำหรับก็อบลินที่อ่อนแอเ ในที่สุดความหวังในการอยู่รอดก็มาถึง
◇◆◇
ผมที่เคยเป็นแค่มนุษย์ แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผมจะคาดเดาได้ทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หรืออย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อ แต่…นี่คือผลลัพธ์ที่ผมกำลังมองหางั้นเหรอ?
สงครามที่ไม่จำเป็นระหว่างก็อบลิน
แต่เพราะผลลัพธ์ที่เราพูดถึง ผมจึงสามารถรวบรวมพวกเขาได้
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต่อสู้กันเอง ผมคงไม่สามารถรวมพวกเขามา
กิแลนผู้ยิ่งใหญ่แห่งในที่สุดกันระ เขาจะเป็นผู้นำเผ่าทั้งสี่ และแม้ว่าความทะเยอทะยานของรัสกาจะยอดเยี่ยม แต่ผมสงสัยว่าเขาจะเริ่มก่อจลาจลจริง ๆ หรือไม่
แต่ถึงกระนั้น…ด้วยเหตุผลบางอย่างผมก็ไม่สามารถสลัดความรังเกียจนี้ออกไปได้
แผนการที่เยลโล่และคุซานบอกผม – ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง พวกเขาไม่ได้บอก แต่เมื่อผมถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจึงตอบ
ผมกำลังรู้สึกพ่ายแพ้
คุซานหมอบกราบลงต่อหน้า แต่ … ผมจะทำอย่างไรดี?
“ข้าแด่ราชาผู้เคารพ ได้โปรดช่วยพวกเราจากพวกโอเกอร์ที่ยึดครองป้อมปราการ”
สิ่งนั้นก็รบกวนผมด้วย
ทำไม? ทำไมต้องตอนนี้? ในเมื่อตลอดเวลาพวกโอเกอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาโดยตลอด?
ในขณะที่ผมคิดแบบนั้น มันรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังหัวเราะอยู่ภายใน
––– พิชแบล็ค’เวริด’ ที่ขดตัวอยู่รอบแขน ราวกับว่าเขากำลังหัวเราะกับปัญหาของผม
“ได้”
ผมต้องดึงตัวเองกลับมา ผมต้องค้นหาให้ได้ว่าใครกันแน่ ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตูนรก
“หลังจากนาร์ซามาถึง เราจะมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการแห่งนรก”
คุซานคุ้นเคยมากที่สุดเมื่อพูดถึงป้อมปราการ ผมต้องการความรู้ของเธอในฐานะคุซาน แต่ผมสงสัยว่า…ผมจะกอดความขยะแขยงเหล่านี้ได้หรือไม่?
เรื่องนั้นต้องพับไปก่อน แต่การพบกับสิ่งที่เรียกว่าลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรม ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของผมต้องพบเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ
ตัดสินใจว่าผมควรทำอย่างไรกับเธอ
แต่แล้วอีกครั้ง … ที่ผมรู้สึกถึงความไร้เดียงสาของตัวเอง
ผมที่เคยปฏิญาณไว้ว่าผมจะเสียสละทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย
เมื่อรู้ดังนั้น…ผมจะตัดสินเธอได้จริง ๆ เหรอ?
ในดวงตาของคุซานสะท้อนให้เห็นเพียงสิ่งเดียวนั่นคือความปรารถนาที่จะพูดคุยกับลอร์ดแห่งความเสื่อมโทรมที่อยู่อีกด้านของประตู
หรือบางทีแทนที่จะเรียกมันว่าความปรารถนา ผมควรเรียกมันว่าความลุ่มหลง
ไม่ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ผมมีสิทธิ์ตัดสินหรือไม่?
นั่นคือราชาแบบที่ผมปรารถนาจะเป็นงั้นเหรอ?
ผมรอให้นาร์ซามาถึง โดยที่ไม่มีคำตอบใด ๆ
◇◆◇
“ไม่พบกันนาน หัวหน้าแห่งตะวันออก”
นาร์ซาใช้เวลาสองวันในการนำธนูดาวตกมา
ตอนนี้ใบหน้าของเธอสงบลงมาก ราวกับว่าเธอได้ปลดปล่อยตัวเองจากข้อสงสัยบางอย่าง
“…เกิดอะไรขึ้น?”
คำพูดเหล่านั้นหลุดออกไปโดยไม่ต้องคิด นาร์ซาเหลือบมองกิลมิครู่หนึ่งแล้วเธอก็ยิ้ม
“ไม่ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
” อืม”
ผมสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับกิลมิ นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องเข้าใจ ไม่ว่าในกรณีใด หากนี่เป็นประโยชน์ มันไม่ควรเป็นเรื่องเลวร้าย
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าทำไมข้าถึงเรียกเจ้ามาที่นี่”
“ข้าทราบ”
ทันใดนั้นเธอก็คุกเข่าข้างหนึ่งลง
“ข้าได้ยินมาจากลอร์ดคุซานว่าเราจะปราบโอเกอร์ในป้อมปราการ”
ผมเข้าใจ…ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของเธอเป็นเพราะคุซาน
“เพราะเหตุนั้นสมบัติทั้งสี่ของเราจึงจำเป็น ได้โปรดใช้มันให้เป็นประโยชน์”
ในอดีตเธอปฏิบัติกับผมอย่างเท่าเทียมกันเนื่องจากเราเป็นพันธมิตร แต่ตอนนี้เธอทำตัวเหมือนคนรับใช้
“ข้าจะไปที่ป้อมปราการแห่งนรก จงเป็นพลังให้กับข้านาร์ซา”
” ตามที่ท่านต้องการ! “
ด้วยเหตุนี้เผ่ากันระจึงเข้ามาอยู่ใต้การปกครองของผมอย่างเป็นทางการ
◆◇◇◆◆◇◇◆
อ่านนิยายล่วงหน้าได้ในกลุ่ม ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล (ตอนนี้แปลถึงตอน 400 กว่าแล้วนะครับ)
https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/