[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 15
[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (เลเวล 36)
◇◆◇
เมื่อสายลมพัดผ่าน เสียงทั้งหมดนั้นถูกลบหายไปเมื่อโอเกอร์เหวี่ยงขวานลงมา
“กูรูราาาาาาาาาา!”
“กูรูวอาาาาาา!”
ผมตะโกนด้วยทักษะ <<คำรามอย่างรุนแรง>> แต่มันก็ถูกกลบด้วยเสียงร้องของศัตรู ด้วยการถือดาบทั้งสองมือ ผมปัดการโจมตีจากขวานหินนั่น ที่ทำให้มือของผมเริ่มชา แต่ผมยังโจมตีต่อไป
ดาบของผมได้รับความช่วยเหลือจาก <<ความชำนาญการใช้ดาบ B+>> ฟันโค้งไปในอากาศพุ่งไปหาแขนของโอเกอร์ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นผมพยายามใช้ <<ดวงตามรกตของงู>> แต่มันล้มเหลว
ลิ้นของผมสาปแช่งกับความเลวร้ายของกับดักในป้อมปราการแห่งนี้
“น่ารำคาญ!”
และเมื่อผมคิดว่าดาบใหญ่ทำให้แขนของโอเกอร์บาดเจ็บอย่างรุนแรง ทันใดนั้นมันก็ใช้กล้ามเนื้ออันโหดร้ายผลักแขนของตัวเองไปอย่างแรง จนมาถึงดาบของผม
ในที่สุดผมก็สามารถตัดแขนของมันออกไปได้ แต่ผมก็ถูกกระแทกจนกระเด็นไปด้วยเช่นกัน ผมไถลไปกับพื้นนับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะหยุดลง ผมพยายามจะประคองสติเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวด
ศัตรูไม่ใช่ไก่อ่อนที่จะหยุด เมื่อมีบางคนล้มลุกคลุกคลาน!
ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้น หมัดของโอเกอร์ก็รออยู่ตรงหน้าแล้ว กำปั้นนั้นพุ่งเข้ามาหาโดยมีเป้าหมายที่จะฆ่าผม ผมบิดร่างกายเพื่อตอบสนองและรับมันด้วยดาบ
แรงปะทะอันน่ากลัว ราวกับรถบรรทุกที่กำลังพุ่งชนเข้ามาและผมก็สูญเสียความรู้สึกทั้งหมดที่ฝ่ามือ
เลือดพุ่งออกมาจากมือของโอเกอร์ แต่มันก็ยกกำปั้นขึ้นอีกครั้งโดยไม่รู้สึกกังวลกับร่างกาย
––– ไอ้บ้านี้! มันไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยรึไง!!?
“เปลี่ยนตัวข้าให้กลายเป็นดาบ (enchant) ”
ผมพยายามหุ้มดาบด้วยเปลวเพลิง แต่มันล้มเหลว
–––– ใจเย็น ๆ! ผมยังไม่แพ้!
ผมบังคับแขนที่ชาทั้งสองข้างให้ค่อย ๆ กลับมามีความรู้สึก จากนั้นผมก็แทงไปที่อกของโอเกอร์ตัวนั้น
มีเสียงร้องอันแผ่วเบาดังมาถึงหูผม แต่ถึงกระนั้นผมก็วิ่งตามมันไป ผมยึดติดกับความหวังอันเลือนรางเพื่อโจมตีไปยังโอเกอร์
<<สัญชาตญาณ>> เปิดใช้งานและมือของผมก็ขยับด้วยตัวเองเพื่อใช้ดาบเป็นโล่ แต่แรงปะทะนั้นมากเกินไป ทำให้ดาบของผมลอยไปด้านหลังกำแพง
มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก ร่องรอยของเลือดสามารถเห็นได้ชัดบนพื้น ขณะที่ร่างกายของผมไถลไป แต่โชคดีที่ผมยังมีชีวิตอยู่
“ฮา ฮ่า…”
ผมพยายามลุกขึ้นยืน แต่ผลของแรงปะทะทำให้ผมเจ็บปวด
เลือดพุ่งออกมาจากปากและแรงของผมก็หายไป มีเพียงตาของผมเท่านั้นที่สามารถมองเห็นมันได้
ถ้ามันมาหาผมตอนนี้ มันคงจบไม่สวยแน่ แต่…สภาพของโอเกอร์ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าผมเช่นกัน แขนทั้งสองข้างที่ห้อยปวกเปียก มันมีแค่เสียงคำรามเท่านั้นที่ดังก้องไปทั่ว
–––– และดาบของผม …
ด้วยชัยชนะที่วางอยู่ตรงหน้า ผมมองหาดาบของตัวเอง ผมเห็นมันฝังอยู่ในกำแพงครึ่งหนึ่ง
ผมกำหมัดแน่น
––– ถ้าผมไม่มีดาบ ผมจะเปลี่ยนร่างนี้ให้กลายเป็นอาวุธแทน!
“กูรูวอาาา!”
เราทั้งคู่ต่างไม่มีอาวุธ จึงมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขของ <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา I>> และเนื่องจากความเสียหายที่ผมได้รับ <<การเต้นรำแห่งความตาย>> ขั้น 2 จึงเปิดใช้งาน
กล้ามเนื้อของผมพองตัวขึ้น แขนของผมหดเกร็งและความตั้งใจในการฆ่าของผมก็โหมกระหน่ำ
โอเกอร์ต้องรู้สึกได้แน่ ๆ เพราะมันหยุดคำรามและจ้องมองมาที่ผม
มันอ้าปากขนาดใหญ่และส่งเสียงคำรามออกมา ดังนั้นผมจึงร้องกลับ
“กูรูวอาาาาา!”
––– ไปลงนรกซะ!
เราถีบตัวเองจากพื้น ผมยกหมัดขึ้นและโอเกอร์ก็อ้าปาก ระยะห่างระหว่างเราหดสั้นลง…
––– ผมจะไม่แพ้!!
เมื่อเส้นทางมาบรรจบกัน ผมก็กระแทกหมัดไปที่หัวของโอเกอร์ มีเสียงเสียดสีของกระดูกที่ดังกระทบกันและกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดดังเข้าหู กล้ามเนื้อของผมมีเลือดพุ่งออกมา และผมก็กัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“รูอาาาาาา!”
แต่ผมไม่ได้หยุดลง ผมฟาดหมัดลงที่หัวของโอเกอร์อีกครั้ง บดขยี้สิ่งที่น่ารังเกียจนั่นเหมือนลูกแตงโมที่แตกออก
และด้วยเหตุนี้ ลมหายใจของโอเกอร์ตัวนี้จึงสิ้นสุด
แขนหนึ่งข้างสำหรับหนึ่งชีวิต …มันคงจะไม่ขยับไปอีกสักพัก
ที่จริงมันเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก เนื่องจากยังมีโอเกอร์ลอร์ดอยู่ข้างหลัง
“… แต่แล้วไงล่ะ”
ผมหยุดที่นี่ไม่ได้
มีสิ่งเดียวที่ผลักดันผม คือไฟที่ลุกโชนจากภายในอก
ผมต้องชนะ
เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเช่นกัน – สำหรับผู้ที่ยังต่อสู้อยู่ข้างหลัง
◆◆◇
ความเสียใจเติมเต็มทุกครั้งที่ผมคิดถึงมัน ผมตัดสินใจถูกต้องจริง ๆ? ไม่มีทางอื่นจริง ๆ เหรอ?
แต่ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนั้นอีกต่อไป
อาจเป็นเพราะเราสามารถเอาชนะโอเกอร์ได้ ในขณะที่ติดตามคุซาน เราก็ลดการเฝ้าระวังลง
ใช่ …เป็นเพราะเหตุนั้นเราจึงตกหลุมพราง
เมื่อเราออกจากทางเดิน เราพบว่าตัวเองอยู่ในห้องกว้างและมีก้อนหินตกลงมาจากด้านบน ส่วนใหญ่เป็นกับดักที่พวกโอเกอร์วางไว้
คุซานแน่ใจว่าก่อนหน้าไม่เคยมีอะไรแบบนี้ ดังนั้นผมจึงสั่งให้คนของเราตรวจสอบพื้นที่ นี่คือการตัดสินใจที่จะทำให้เราแยกจากกัน
เพราะมีเสาหินต้นหนึ่งที่สูงถึงชั้นสองล้มลง
“มันล้มลง!!”
ทุกคนกระโดดหนีตามคำเตือนของผม แต่แล้วสถานที่ทั้งหมดก็พังทลาย
“กูว…”
อย่างน้อยผมก็สามารถหลบมันได้ จากนั้นผมก็ร้องเรียกคนของตัวเอง
“พวกเจ้าปลอดภัยมั้ย!? กิซาร์!? กิโก!?”
ภูเขาหินบดบังการมองเห็นของผม
“กิกิ! กิลมิ! รัสกา!”
ผมเรียกชื่อพวกเขาทีละคน แต่กำแพงหินเบื้องหน้าอันสิ้นหวังทำให้ผมไม่สามารถข้ามไปได้
“คุซาน! อลูฮาลิฮาล! นาร์ซา! กิจิ!?”
ผมตีมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะเรียกชื่อพวกเขา แต่ไม่มีใครตอบกลับ
ผมทุบไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจความเจ็บปวดที่มือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของพวกเขา ความรู้สึกนั้นก็ปลิวหายไป
“ราชาไปโดยที่ไม่มีพวกเรา!”
มันคือเสียงของกิซาร์ที่คำราม แต่นั่นจะทำให้โอเกอร์ที่ได้ยินมารวมตัวกัน
คนของผมอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงนี้
พวกเขากำลังต่อสู้
ในสงครามผมไปไม่ถึง…พวกเขากำลังต่อสู้…เพื่อผม
ผมกัดฟัน
––– ถ้าเพียงผมสามารถเปลี่ยนความโกรธให้เป็นพลังได้! ผมจะไม่คิดแม้แต่วินาทีเดียวที่จะทำลายกำแพงนี้!
“ข้าจะไปต่อ”
ผมจะเอาชนะโอเกอร์ลอร์ด พวกโอเกอร์มารวมกันจะสลายตัวไป
ถ้าผมเอาชนะโอเกอร์ลอร์ดได้ บางทีพวกมันอาจหันกลับมาสู้กันเอง
ในขณะที่ผมยับยั้งความอดทนและความโกรธในตัว ผมก็ออกวิ่ง
◆◇◆
“อืม”
รูปปั้นปีศาจเรียงรายอยู่ในห้องอันมืดมิด บางรูปเหมือนมนุษย์และบางรูปก็เป็นงู พวกมันยืนอยู่รอบ ๆ สตรีผู้โดดเดี่ยว ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ เสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะพันรอบตัวเธอและด้านหน้าคือกระจกวิเศษที่สะท้อนให้เห็นโลกของสิ่งมีชีวิตอันน่ารังเกียจและเป็นที่รัก ในโลกใบนั้นมีก็อบลินตัวหนึ่ง
“อา เขากำลังจะไป เขากำลังจะไป เด็กน้อยของข้า”
ริมฝีปากที่สวยงามกำลังพูดคำเหล่านั้น คำพูดแห่งความหลงใหลที่สามารถสัมผัสได้จากเธอ
“แต่เจ้าควรจะรีบ”
ดวงตาสีทองของเธอคมชัดขึ้นเมื่อพูดคำเหล่านั้น และด้วยความคิดบางอย่าง ภาพบนกระจกเปลี่ยนไปเป็นทีมค้นหาหลายทีมที่นำโดยมนุษย์สามคน พวกเขาแต่ละคนมีพลังบางอย่างที่แปลกประหลาด พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกองกำลังของอาณาจักรเจอร์เมียน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ขณะเธอลูบผมสีฟ้าที่ด้านหลัง
“…ข้าไม่เคยเบื่อเจ้าเลย เด็กน้อย ความโกลาหลและการทำลายล้างคอยติดตามทุก ๆ ที่ที่เจ้าไป ต่อให้บุตรสาวแห่งโชคชะตาจะยังไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวก็ตาม”
งูที่ปลายเท้ารู้สึกได้ถึงความสุขของเธอ พวกมันเงยหน้าขึ้นมองและเอียงศีรษะ
“พลังของเจ้าถูกปิดผนึก อาวุธของเจ้าก็ถูกยึดไป คนของเจ้าอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงโดยไม่มีทางออก ร่างกายของเจ้าถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลและข้างหน้าคือโอเกอร์ลออร์ด …แต่เจ้ารู้ไหม ข้าพนันอยู่ข้างเจ้า”
ไม่มีทางที่เขาจะได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่เมื่อกระจกวิเศษปรากฏภาพของเขา …
ผู้ที่ครอบครองจิตวิญญาณอันสูงส่งและแข็งแกร่งแบบเดียวกับเธอ
“หากเจ้ามาที่นี่ด้วยความเสียใจ ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน… ทุกอย่างของเจ้าจะกลายเป็นของข้า น้ำตาแห่งความเจ็บปวดนั้นจะหวานไหม? รสชาติของมันจะเข้ากับความสิ้นหวังของเจ้าหรือเปล่า? และใบหน้าของเจ้าบิดเบี้ยวเพราะความอัปยศที่ไม่สามารถปกป้องคนที่เจ้าต้องการได้ จะเป็นยังไง?
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ขณะที่เธอลูบไล้แก้มที่แดงระเรื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารอคอยอยู่นะเด็กน้อย จงเข้มแข็งขึ้น ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น”
แต่ทำไมล่ะ?
“…ข้าอยากจะเฝ้าดูเจ้าแบบนี้ตลอดไป”
เทพธิดาที่ร่วงหล่นชอบแกล้งเขา เธอหวังว่าเขาจะสามารถเอาชนะการทดสอบที่เกิดขึ้น ด้วยจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขา
ในดินแดนแห่งความตายที่ไม่มีใครอยู่ นอกจากรูปปั้นและงูเท่านั้นที่เฝ้าดูเธอ
‘น่าเสียดาย’เธอคิด ที่พวกเขาสามารถพบกันได้แค่พรมแดนระหว่างชีวิตและความตายเท่านั้น
เทพธิดาแห่งนรกมองผ่านกระจกวิเศษอีกครั้ง
◇◆◇
เลเวลเพิ่มขึ้น
15 → 24
◆◇◇◆◆◇◇◆
อ่านนิยายล่วงหน้าได้ในกลุ่ม ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล (ตอนนี้แปลถึงตอน 400 กว่าแล้วนะครับ)
https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/