“ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่สหายอู๋เท่านั้นที่สงสัย คนอื่นๆก็คงจะสงสัยอยู่เหมือนกัน”
เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเล็กน้อยและมองผู้คนที่อยู่รอบๆ “เดิมทีข้าก็คิดที่จะบอกพวกเจ้าในภายหลัง ทว่าในเมื่อเจ้าถามขึ้นมาเช่นนี้นั้น จากนั้นข้าก็จะใช้โอกาสนี้ในการบอกกับทุกๆคนล่วงหน้า”
เขาได้หยิบขวดแก้วที่โปร่งใสออกมาจากร่างกาย ข้างในนั้นเหมือนกับว่ามีหมอกสีแดงอยู่ “สิ่งที่อยู่ในขวดนี้คือหมอกพิษ ซึ่งมีชื่อว่าหมอกแดง”
“เชื่อว่าทุกๆคนก็คงจะล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของหมอกพิษนี้ เมื่อใดที่สิ่งมีชีวิตหายใจเอาหมอกแดงนี้เข้าไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็จะหมดสติเป็นระยะเวลาสามวันสามคืน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะตื่นขึ้นมาได้”
“หากวันพรุ่งนี้ข้าใช้หมอกพิษนี้ จากนั้นก็จะสามารถทำให้ชาวพื้นเมืองส่วนใหญ่หมดสติไปในทันที เมื่อถึงเวลานั้นการที่พวกเราจะจัดการกับกลุ่มของชาวพื้นเมืองนั้น จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”
เขาได้บอกแผนการของตนเอง
อะไรนะ?!
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็มีความสุขอย่างมาก พวกเขานั้นก็เคยได้ยินถึงหมอกแดงซึ่งเป็นหมอกพิษนี้มาก่อน ตำนานกล่าวไว้ว่ามันมาจากดาวเคราะห์ที่มีพิษร้ายแรงดวงหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าที่ไม่ได้น้อยเลย ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะในระดับแกนทองที่ได้สูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยนั้น ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานฤทธิ์ของมันได้
เพราะว่ามันนั้นหายากอย่างมากและมีราคาที่ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้นนักวิทยายุทธปกติธรรมดาจึงไม่มีทางที่จะครอบครองมันได้ ต่อให้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับสูงก็ไม่สามารถที่จะหาซื้อได้
หลิวหยูหลานก็แอบตกใจเล็กน้อย เจ้าพวกปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งของที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เธอเริ่มที่จะคิดว่าพลังอำนาจของพวกปีศาจต่างถิ่นนั้นช่างล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้
“หากเจ้ามีหมอกแดงนี้ล่ะก็ ทำไมเจ้าถึงไม่กำจัดชาวพื้นเมืองทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นด้วยตัวเองกัน? ทำไมถึงจะต้องให้พวกเราช่วยเหลือ?” เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา
“นี่ก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน”
เฉินเหว่ยพูดออกมา “ถึงแม้ว่าข้านั้นจะมีหมอกแดงนี่อยู่ แต่ปัญหาก็คือว่าปริมาณของหมอกแดงนี้นั้นมีน้อยเกินไป ไม่สามารถที่จะครอบคลุมทั่วทั้งเหมืองแร่ได้ ต่อให้จะใช้ไป คาดการณ์ได้ว่าก็ยังคงมีชาวพื้นเมืองบางส่วนที่ยังคงมีสติอยู่”
“ถึงแม้ว่าจะมีชาวพื้นเมืองส่วนน้อยที่หลงเหลืออยู่นั้น ทว่าด้วยพลังอำนาจของพวกเรา ก็เป็นไปได้ยากมากที่จะกำจัดพวกเขาทั้งหมดไป บางทีภายใต้การตอบโต้ของฝ่ายตรงข้ามนั้น อาจจะส่งผลให้พวกเราเผชิญกับการบาดเจ็บล้มตายได้”
“ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ พวกเราจึงต้องการที่จะขอยืมพลังอำนาจของทุกๆคน ร่วมมือกันเพื่อทำให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี”
“แต่แน่นอนว่าการที่ข้าได้ลงทุนไปมากเช่นนี้ ดังนั้นการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ข้าก็จะต้องครอบครองส่วนแบ่งที่มากกว่าคนอื่นๆเช่นกัน”
เขาได้บอกเหตุผลของตนเอง
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่คาดคิดว่าพี่ใหญ่เฉินจะมีเหตุผลเช่นนี้อยู่”
“หากมีหมอกแดงนี้ล่ะก็ แน่นอนว่าพวกเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
“การที่พี่ใหญ่เฉินจะได้ส่วนแบ่งมากกว่าคนอื่นๆนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดา หากปราศจากหมอกแดงของพี่ใหญ่เฉินนั้น มีที่ไหนที่พวกเราจะสามารถสังหารกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้นได้โดยที่ไร้รอยขีดข่วน ครอบครองหินวิญญาณมา”
“ถึงแม้ว่าแผนการจะยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ทว่าข้าก็เห็นได้ถึงความสำเร็จในอนาคต”
“ขอบคุณพี่ใหญ่เฉินที่ให้โอกาสพวกเราได้ครอบครองหินวิญญาณ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ”
ผู้คนต่างก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจอย่างยิ่ง อีกทั้งยังรู้สึกมั่นใจว่าแผนการนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน การที่ศัตรูหมดสติไปและถูกสังหารโดยไม่รู้ตัวนั้น นี่ถือว่าเป็นเครื่องมือสังหารที่น่าสะพรึงกลัว เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะล้มเหลวในแผนการครั้งนี้?
ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตื่นเต้นเช่นกัน เดิมทีอัตราการสำเร็จของภารกิจนั้นก็ต่ำมาก เป็นไปได้ยากที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จด้วยตัวพวกเขาเอง ทว่าการที่มีความช่วยเหลือของเฉินเหว่ยนั้น นี่จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
“สหายอู๋ มีคำถามอะไรอีกหรือไม่?” เฉินเหว่ยมองไปที่เซี่ยปิง
คนอื่นๆต่างก็มองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ หากเซี่ยปิงต้องการที่จะจับผิดอีกล่ะก็ จากนั้นก็อย่าโทษพวกเขาหากว่าพวกเขาจะทำตัวเสียมารยาท
เซี่ยปิงส่ายหัว “ไม่มี”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงแม้ว่าเขานั้นจะรู้สึกสงสัยอยู่ไม่มากก็น้อย ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ใกล้ที่จะมืดเต็มที เกือบที่จะถึงเวลาอาหารค่ำ ก่อนหน้านี้ข้าได้ออกไปล่าข้างนอกและบังเอิญสังหารอสูรดุร้ายได้เป็นจำนวนมาก คาดการณ์ได้ว่านี่คงจะเพียงพอที่ทำให้ทุกคนได้กินกันจนอิ่มหนำสำราญ”
เฉินเหว่ยโบกมือออกไป ทันใดนั้นซากศพของอสูรดุร้ายจำนวน5-6ตัวก็ออกมาจากแหวนห้วงมิติของเขาในทันที
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ได้เปลี่ยนสถานที่ตั้งแคมป์ไปในอีกสถานที่หนึ่ง ตั้งเต็นท์ขึ้นมาใหม่ พวกเขาทั้งหมดเข้าไปอยู่ในเต็นท์เดียวกัน แต่ละคนต่างก็หยิบเนื้ออสูรดุร้ายที่ผ่านการปรุงสุกมารับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตื่นเต้นที่ได้ทานอาหารที่เอร็ดอร่อยเช่นนี้
“สหายอู๋ ก่อนหน้านี้ขอบคุณเจ้ามาก ไม่อย่างนั้นข้าคงจะตายไปแล้วจริงๆ”
ฉางเซวียมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้ง
“ไม่มีปัญหา ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะข้าที่ทำให้เจ้าต้องเผชิญกับเรื่องเช่นนั้น” เซี่ยปิงกวักมือ
ฉางเซวียพูดออกด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม “โชคดีที่ศิษย์พี่เฉินเข้ามาช่วยเหลือพวกเราไว้ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ออกมานั้นอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายจนไม่กล้าคิด”
“ใช่ หากปราศจากความช่วยเหลือของเฉินเหว่ย ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปถึงขั้นไหน”
“เฟิงเจ๋อและฟ่านหมิงทั้งสองนั้นเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจ ไม่คาดคิดว่าเฉินเหว่ยที่เป็นคนที่ใจกว้างเช่นนี้นั้นจะเป็นลูกศิษย์ภายในนิกายหวนคืนปรโลกเช่นเดียวกับพวกเขา ทำไมความแตกต่างถึงได้มีมากขนาดนี้”
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเก้าลูกมังกรที่ไม่เป็นมังกร มีความแตกต่างกันออกไป นี่คือความจริง ทว่าสรุปสั้นๆก็คือการที่พวกเราได้พบกับศิษย์พี่เฉินเหว่ยนั้นเป็นโชคดีของพวกเรา”
“อย่ามัวแต่พูดเลย รีบกินเถอะ เนื้ออสูรดุร้ายเช่นนี้เป็นสิ่งที่หายากอย่างมาก พวกมันมีพลังงานที่บริสุทธิ์ เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของพวกเราอย่างมาก”
หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็หยิบเนื้ออสูรดุร้ายขึ้นมากัดกิน ง่ำ ง่ำ พวกเขาวางแผนที่จะกินจนอิ่มท้อง การที่พรุ่งนี้จะมีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นั้น จะต้องมีพลังงานมหาศาลในการรับมือ
“หืมม?!”
เซี่ยปิงก็คิดที่จะกินอาหารของตนเองเช่นกัน ทว่าทันใดนั้น สายเลือดในร่างกายของเขาก็เกิดอาการพลุ่งพล่านขึ้นมา ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเนื้ออสูรดุร้ายเหล่านี้ ทันใดนั้นก็เกิดความลังเล
“เซี่ยปิง ระวังด้วย ออร่าของที่นี่มีความแปลกประหลาดทีเดียว”
ทันใดนั้นเสียงของแมวนักปราชญ์ก็ได้ดังขึ้นมา มีน้ำเสียงที่เคร่งขรึมอย่างมาก
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยปิงขมวดคิ้ว
แมวนักปราชญ์พูดออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้ระบบการสำรวจเพื่อตรวจสอบองค์ประกอบของอากาศรอบๆและค้นพบว่าอากาศของที่นี่นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของดอกน้ำค้าง”
“เป็นจริงอย่างที่ว่า ข้าก็ได้กลิ่นบางอย่างที่แปลกประหลาดเหมือนกัน”
เซี่ยปิงกวาดสายตามองออกไปรอบๆและค้นพบว่าในแต่ละมุมของเต็นท์นั้นมีกระถางดอกไม้สีม่วงจำนวนหนึ่ง ซึ่งดูงดงามอย่างมาก เป็นสิ่งที่ผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกได้ใช้เพื่อตกแต่งเต็นท์นี้
“หากมีเพียงแค่ดอกน้ำค้างนั้นก็คงจะไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะว่าดอกไม้นี้นั้นไม่ได้มีผลอะไรสำหรับร่างกายมนุษย์ แต่ปัญหาก็คือว่าดอกไม้นี้นั้นมีคุณลักษณะพิเศษบางอย่างอยู่ หากผสมผสานมันเข้ากับหญ้าขาวนั้น สามารถที่จะผสมผสานกันกลายเป็นพิษพลังฉีที่ไร้สีและไร้กลิ่นได้”
แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างจริงจัง “พิษพลังฉีนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก หากนักวิทยายุทธสูดดมเข้าไป จะอ่อนกำลังและไร้เรี่ยวแรงเป็นระยะเวลาหนึ่งวันเต็มๆ พลังฉีในร่างกายจะหายไปทั้งหมด ร่างกายจะเปราะบางอย่างมาก”
“นี่คือพิษที่เป็นที่ต้องห้ามของจักรวาล”
อะไรนะ?!
เซี่ยปิงขมวดคิ้ว “ท่านหมายความว่าผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกต้องการที่จะวางยาพวกเราอย่างนั้นหรือ?!”
“อย่างไม่ต้องสงสัย”
แมวนักปราชญ์พูดยืนยันออกมา “อาหารเหล่านี้จะต้องมีหญ้าขาวเป็นส่วนผสมอย่างแน่นอน เพราะว่ามันสามารถใช้ในการปรุงรสได้ เป็นเรื่องที่ธรรมดา ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการหนึ่งของเหล่านักฆ่าเช่นกัน”
“ในอดีตที่ข้าใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลนั้น ก็มีองค์กรนักฆ่าจำนวนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าได้ใช้วิธีการนี้ในการสังหารยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมากแค่ไหน”
“หากข้าไม่ได้ติดตามผู้นำนิกายมาเป็นระยะเวลานาน คาดการณ์ได้ว่าก็คงจะไม่รู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน”