หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง งานเลี้ยงฉลองก็ได้สิ้นสุดลง
ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองนี้กลับทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรง ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งดาวรังอสูรอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะการที่ตระกูลเมเดลลินยอมจำนนและยอมรับข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลของหยางปู๋ตงลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินนั้น นี่ทำให้หัวหน้าแก๊งจำนวนมากไม่อยากเชื่อ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ในมุมมืดของดาวรังอสูร กระแสใต้น้ำก็กำลังปั่นป่วนอย่างมาก ผู้คนจำนวนมากกำลังสอบถามเกี่ยวกับความคิดของตระกูลเมเดลลิน
…………
ในช่วงเวลานี้ ณ วิลล่าของตระกูลเมเดลลิน เจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากของตระกูลเมเดลลินรวมถึงผู้นำตระกูลจำนวนมากของโลกใต้ดินต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่ จัดการประชุมขึ้นมา
“บลันท์ คำพูดของเจ้าที่งานเลี้ยงก่อนหน้านี้มันหมายความว่าอะไรกัน?”
บางคนที่พูดเข้าตรงประเด็นในทันที “ไม่คาดคิดว่าจะยอมรับข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของเจ้าเด็กบัดซบนั่น มอบผลประโยชน์90%ให้กับเขา นี่มันตลกสิ้นดี หากมอบให้เขาจริงๆ พวกเราจะสร้างรายได้อย่างไรอีก จะต้องทำงานให้เจ้าหยางปู๋ตงไปตลอดชีวิตโดยที่ไม่มีเงินเลี้ยงดูตระกูลตนเองหรือ?!”
เขาจ้องมองไปที่บลันท์อย่างโมโห
“ใจเย็น จะต้องกังวลไปทำไม?”
บลันท์นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ มีสีหน้าที่นิ่งเฉยและไร้อารมณ์
“บลันท์ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้ายังใจเย็นอยู่ได้ เจ้าได้ทำข้อตกลงอะไรกับเจ้าหยางปู๋ตงนั่นหรือไม่ เขามอบผลประโยชน์อะไรให้กับเจ้าถึงทำให้เจ้าหักหลังพวกเราเช่นนี้?! หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำตระกูลเมเดลลินอีกต่อไป ไม่มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นหัวหน้าใหญ่ของดาวรังอสูร”
บางคนที่้เริ่มหมดความอดทน
ผู้นำของกลุ่มอิทธิพลอื่นๆก็เริ่มเผยสายตาที่เยือกเย็นออกมา ถึงแม้ว่าอิทธิพลของตระกูลเมเดลลินนั้นจะยิ่งใหญ่ก็จริง ถือว่าเป็นผู้ปกครองของดาวรังอสูร ทว่าหากพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน แม้แต่ตระกูลเมเดลลินก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา
”เจ้าลองคิดดูดีๆ หากข้าทำข้อตกลงกับเจ้าหยางปู๋ตงนั่นจริงๆ ข้าจะยังมาประชุมกับพวกเจ้าอยู่ที่นี่หรือ? เจ้าควรที่จะใช้สมองคิด ตระกูลเมเดลลินของข้าไม่มีทางที่จะร่วมมือกับเจ้าเด็กนั่นได้”
บลันท์พูดออกมาอย่างสงบนิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นการที่เจ้าตอบรับข้อเรียกร้องของเขามันหมายความว่าอะไรกัน?”
ผู้คนจำนวนมากก็สงสัยในเรื่องนี้
“ง่ายมาก”
บลันท์พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นเป็นตัวแทนของนิกายฟ้าดิน พวกเราไม่สามารถปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอย่างซึ่งๆหน้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นพลังอำนาจของเจ้าหยางปู๋ตงนั่นก็ไม่ได้ธรรมดาเลย ควรที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับเขา บางครั้งการถอยไปตั้งหลักก็ไม่ใช่เป็นการยอมจำนนหรือว่าเป็นการแสดงความหวาดกลัว ทว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป ความจริงข้อนี้พวกเจ้าไม่เข้าใจกันหรือ?”
แสงที่หนาวเหน็บส่องสว่างออกมาจากดวงตาของเขา
“จะบอกว่าตระกูลเมเดลลินมีแผนการที่จะจัดการกับเขาหรือ?” บางคนที่ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
บลันท์แสยะออกมา “หากพระเจ้าต้องการให้ใครพินาศ ก็ต้องทำให้ผู้นั้นวิกลจริตเป็นบ้าเสียก่อน พวกเราจะปล่อยให้เขาได้ใจไปชั่วคราว อดทนอดกลั้นกับเขา ปล่อยเขาไปจนกว่าพวกเราจะพร้อม หลังจากนั้นมันก็จะเป็นเวลาตายของเขา”
“ข้าเกรงว่าพวกเราจะต้องล้มละลายไปก่อนที่จะถึงเวลาที่พร้อม การที่เขาต้องการให้กลุ่มของพวกเรามอบผลประโยชน์90%ให้กับเขานั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ธุรกิจของพวกเราจะดำเนินต่อไปได้?”
บางคนที่พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าโง่”
บลันท์ตะโกนเสียงดังออกมา “แก๊งอาชญากรอย่างเจ้าไม่มีปัญหาที่จะทำบัญชีปลอมขึ้นมาอย่างนั้นหรือ? เจ้าเด็กนั่นเป็นลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดิน เป็นอัจฉริยะในด้านการบ่มเพาะ ทว่าก็คงจะไม่ได้มีความรู้ในด้านธุรกิจ”
“ตราบใดที่เวลามาถึง เจ้าก็มอบสมุดบัญชีปลอมให้กับเขา ขีดฆ่าผลประโยชน์90%ให้เขาได้เห็นและหลงเหลือ10%ไว้ให้ตนเอง หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้พวกเราจะมอบผลประโยชน์ให้กับเขา90% ขนหน้าแข้งของพวกเราก็จะไม่ร่วง ข้อมูลบัญชีมากมายเช่นนี้เจ้าเด็กนั่นจะเข้าใจได้อย่างไร?”
“ต่อให้เจ้าหยางปู๋ตงนั่นจะมีความเข้าในด้านบัญชีจริงๆ ทว่าพวกเราก็มีกลุ่มอิทธิพลอยู่มากมาย สมุดบัญชีก็มีเป็นจำนวนมาก หากเขาจะตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเล่มล่ะก็ เขาก็คงจะตายไปก่อน มีที่ไหนที่จะมีเวลาเช่นนั้น เขาก็ยังมีหน้าที่อื่นๆที่ต้องรับผิดชอบอยู่”
ได้ยินเช่นนี้ ผู้คนก็เข้าใจได้อย่างกะทันหัน เผยรอยยิ้มออกมา ที่พูดมานี้ก็เป็นความจริง
ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะต้องการเรียกร้องผลประโยชน์90% ทว่าเรื่องการทำบัญชีก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา เดิมทีธุรกิจของพวกเขาที่มีรายได้หนึ่งร้อยล้านเหรียญ ตอนนี้ก็เพียงแค่ปลอมบัญชีขึ้นมา บอกว่าตนเองมีรายได้เพียงแค่หนึ่งล้านเหรียญ นี่ก็จะเป็นการมอบผลประโยชน์ให้กับเขาเพียงแค่9แสนเหรียญเท่านั้น
ด้วยจำนวนเงินนี้ พวกเขาก็สามารถที่จะส่งเงินให้กับฝ่ายตรงข้ามได้ตลอด เหมือนกับเป็นการให้อาหารสุนัข
“สมกับที่เป็นผู้นำตระกูลเมเดลลินจริงๆ ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์”
ผู้คนจำนวนมากก็รู้สึกชื่นชม พวกเขาก็เข้าใจได้ถึงแผนการของบลันท์
ทว่าก็มีบางคนที่ถามขึ้นมา “บลันท์ ข้าก็เข้าใจแผนการของเจ้า ทว่ากุญแจสำคัญของแผนการนี้ก็คือการกำจัดเจ้าหยางปู๋ตงนั่น หากไม่สามารถทำอะไรเพื่อกำจัดเจ้าหยางปู๋ตงนั่นได้ แผนการทุกอย่างก็จะไม่เป็นผล”
“ในระหว่างงานเลี้ยงนั้น เจ้าก็ได้เห็นพลังอำนาจของเจ้าหยางปู๋ตง อย่างน้อยก็เป็นผู้บ่มเพาะในระดับแกนทอง การที่ต้องการจะสังหารยอดฝีมือในระดับนั้น มันจะไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย”
ผู้คนต่างก็พยักหน้าทันที หากพวกเขาร่วมมือกันนั้น การที่จะเอาชนะเจ้าหยางปู๋ตงนั่นก็เป็นเรื่องที่เรียบง่ายอย่างมาก ทว่าการที่ต้องการจะสังหารนั้นมันก็เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าถึงอย่างไรหากฝ่ายตรงข้ามได้กลิ่นผิดปกติใดๆ ก็คงจะหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อใดที่แผนการของพวกเขาถูกเปิดโปง บางทีก็อาจจะส่งผลให้นิกายฟ้าดินเดือดระอุขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นนิกายฟ้าดินก็คงจะส่งยอดฝีมือออกมาเป็นจำนวนมาก พวกเขาแต่ละคนก็จะต้องตาย ตายไปโดยที่ไร้ซากศพ
ต่อให้นิกายฟ้าดินจะไม่ส่งยอดฝีมือออกมา ทว่าการที่เจ้าหยางปู๋ตงนั่นเป็นลูกศิษย์สายตรงนั้น เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่มีสหายพวกพ้อง จะไม่มีลูกน้อง? การที่เพียงแค่เรียกลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินมาไม่กี่คนนั้น บางทีพวกเขาก็อาจจะไม่มีทางต่อต้านได้
บางครั้งสถานะลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินนั้น มันก็ไม่ได้เป็นการแสดงถึงพลังอำนาจส่วนบุคคลเท่านั้น ทว่าเป็นการแสดงถึงอิทธิพลเบื้องหลังของฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน รวมถึงเครือข่ายความสัมพันธ์ของเขา
“ทุกๆคนไม่ต้องกังวลไป ข้าได้คิดแผนการในการสังหารเขาไว้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่พวกเราตระกูลเมเดลลินจะจัดการเอง มันจะปลอดภัยอย่างแน่นอน พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” บลันท์ก็ไม่ต้องการที่จะบอกถึงแผนการในการสังหารหยางปู๋ตงให้คนอื่นได้รับรู้ ต้องการที่จะปิดเป็นความลับ
ผู้คนที่อยู่รอบๆก็เข้าใจได้ถึงความคิดของบลันท์ การที่มีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ที่นี่นั้น ท้ายที่สุดแล้วใครจะไปรู้กันว่าจะไม่มีผู้ทรยศหักหลังที่ไปอยู่ในฝ่ายเดียวกับเจ้าหยางปู๋ตง หากแผนการถูกเปิดเผยออกไป บางทีพวกเขาก็อาจจะเผชิญกับหายนะได้
…………
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง การประชุมก็สิ้นสุดลง ผู้มีอิทธิพลต่างๆของดาวรังอสูรต่างก็เดินทางกลับไปอย่างพึงพอใจ เมื่อพวกเขาได้รับคำมั่นสัญญาจากตระกูลเมเดลลินนั้น พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทันที
“ท่านบลันท์ ต้องการที่จะเรียกสมาชิกของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงมาที่นี่หรือ?”
เมื่อเห็นว่ารอบๆไม่มีใคร ต้วนเฉินลุ่ยที่อยู่ข้างบลันท์ก็ได้เอ่ยถามขึ้นมา
“ถูกต้อง”
บลันท์เผยสายตาที่เย็นชาออกมา “ในตอนนี้บังเอิญมีสิ่งหนึ่งในดาวรังอสูรที่กลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงต้องการอยู่ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมาก ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลาของการทำธุรกรรมนั้น สมาชิกจำนวนมากของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงจะเดินทางมาที่นี่”
“สมาชิกของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงเหล่านี้แต่ละคนต่างก็มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง มีผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับแกนทองขั้นสูงสุดอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อให้จะไม่ได้เตรียมความพร้อมใดๆ การที่ต้องการจะทำลายเจ้าหยางปู๋ตงนั่นก็เป็นเรื่องที่เรียบง่ายอย่างมาก”
“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะผลักไสการตายของหยางปู๋ตงไปสู่กลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดง การที่พวกเราโยนความผิดไปให้กับกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงนั้น เชื่อว่าต่อให้นิกายฟ้าดินจะเดือดระอุขึ้นมา มันก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเรา”
“ใช่สิ ในระยะเวลาหลายวันนี้เจ้าจะต้องจับตาดูเจ้าหยางปู๋้ตงไว้ รายงานทุกการเคลื่อนไหวของเขา ในระยะเวลานี้ห้ามทำอะไรผลีผลามเด็ดขาด อดทนอดกลั้นกับเขาไปชั่วคราว”
เขามองไปที่ต้วนเฉินลุ่ย
“แน่นอน บุคคลที่ไม่รู้จักซาบซึ้งในความเมตตาเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นศัตรูของพวกเรา ข้าจะจับตาดูเขาไว้ตลอดเวลา จะไม่ปล่อยให้เขาได้ทำอะไรที่ขัดต่อผลประโยชน์ของพวกเรา” บนตัวของต้วนเฉินลุ่ยก็มีจิตสังหารที่เข้มข้นแผ่ออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่น
“อืม ดีมาก”
บลันท์ก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เพราะว่าเขาและต้วนเฉนลุ่ยนั้นได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามจะหักหลังเขา