หลังจากนั้นก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซี่ยปิงและคนอื่นๆก็ได้เดินทางออกไปจากฐานแห่งนี้ กลับไปสู่คฤหาสน์ของนิกายฟ้าดิน
ในตอนนี้ ผู้นำตระกูลเฟเธอร์รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากก็ได้เดินทางมาถึงที่นี่ในที่สุด เมื่อพวกเขาได้มาถึงที่ฐานที่สำคัญแห่งนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง
เดิมทีสถานที่แห่งนี้ที่ควรจะมีฐานที่ครอบคลุมพื้นที่ในระยะนับสิบกิโลเมตรนั้น ทว่าในตอนนี้กลับไม่มี กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แม้กระทั่งพื้นดินก็มีหลุมลึกขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
นี่เหมือนกับว่าทั่วทั้งฐานถูกขุดออกไปก็ว่าได้ หลงเหลือเพียงแค่เศษซากของตึกที่พังทลาย
พวกเขาก็สังเกตเห็นกลุ่มของสมาชิกตระกูลเฟเธอร์ที่อยู่ด้านข้างทันที จากนั้นก็รีบเข้าไปสอบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ใครกัน อันที่จริงนี่เป็นฝีมือของใครกัน ฐานของข้า ฐานของตระกูลเฟเธอร์หายไปไหนกัน?” ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ก็สอบถามกลุ่มของผู้คุ้มกันอย่างโมโห
“ขอรายงานท่านผู้นำ นี่เป็นฝีมือของเจ้าหยางปู๋ตง เป็นฝีมือของเจ้าหยางปู๋ตงผู้ปกครองคนใหม่ของดาวรังอสูร”
สมาชิกของตระกูลเฟเธอร์ก็ได้ตะโกนออกมา “เขามาถึงที่ฐานของพวกเรา บอกว่าพวกเราทำการลับลอบค้าทาสอย่างผิดกฎหมาย จะต้องจับกุมพวกเรา ทว่าพวกเราก็ไม่ได้ทำการตอบโต้ใดๆ ท้ายที่สุดจึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ทว่ากลุ่มของผู้บัญชาการฐานและคนอื่นๆนั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาต่อต้านขัดขืน ดังนั้นจึงได้ถูกสังหารไปทั้งหมด”
อะไรนะ?!
ได้ยินเช่นนี้ ผู้นำของตระกูลเฟเธอร์ก็รู้สึกแข้งขาอ่อน เกือบที่จะล้มลงไปกับพื้น ต้องรู้ด้วยว่าคนเหล่านั้นก็คือยอดฝีมือของตระกูลเฟเธอร์ ทว่าตอนนี้กลับตายไปทั้งหมด นี่มันเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเฟเธอร์
เพราะว่าถึงอย่างไร ถึงแม้ว่าบุคคลที่มีพรสวรรค์นั้นจะหายาก ทว่าบุคคลที่มีพรสวรรค์และจงรักภักดีนั้นก็หายากยิ่งกว่า
“ต่อให้ผู้บัญชาการฐานและคนอื่นๆจะถูกกำจัดไป ทว่าฐานของตระกูลเฟเธอร์ล่ะ ฐานของข้าหายไปไหนกัน ทำไมถึงหลงเหลือเพียงแค่รูขนาดใหญ่เหล่านี้?” ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง ฐานที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของพวกเขา อันที่จริงตอนนี้กลับมีเพียงแค่หลุมจำนวนมาก ไม่สามารถที่จะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้
“ท่านผู้นำ ฐานของพวกเราถูกเจ้าเด็กนั่นขุดออกไป”
สมาชิกของตระกูลเฟเธอร์พูดออกมาอย่างร่ำไห้ “ท่านอาจจะไม่ได้รู้ถึงความโหดเหี้ยมของเจ้านั่น เขาเป็นบุคคลที่มีความละโมบอย่างมาก เห็นสิ่งใดที่มีมูลค่าก็ปล้นชิงไปทั้งหมด ขุดทุกสิ่งทุกอย่างออกไป หากขุดไม่ได้ก็จะกินเข้าไป การที่น้ำท่วมฐานก็ไม่ได้น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นนี้”
“ชายคนนี้เป็นเหมือนกับเทาเที่ยที่กลับชาติมาเกิด ละโมบอย่างถึงที่สุด แม้แต่สมบัติทั้งหมดที่ถูกเก็บไว้ในโกดังก็ถูกเขาปล้นชิงไปจนสะอาด”
“ไอ้ลูกหมาหยางปู๋ตง ข้าและเจ้าจะมีความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด”
ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ก็ไม่สามารถยับยั้งความโมโหของตนเองได้ โมโหจนกระอักเลือดออกมา การที่พวกเขาตระกูลเฟเธอร์สร้างฐานแห่งนี้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าได้ใช้ทรัพยากรและกำลังคนไปมากแค่ไหน วัสดุที่ใช้ก็ล้วนเป็นวัสดุที่ล้ำค่า
ทว่าตอนนี้กลับถูกเจ้าบัดซบนี่ขุดออกไปทั้งหมด แม้แต่น็อตอันเดียวก็ไม่หลงเหลือไว้ นี่มันคือความโหดเหี้ยมแบบไหนกัน ยังมีความเป็นมนุษย์อีกหรือไม่? แม้แต่โจรลักขโมยก็ไม่ได้มีความบัดซบเช่นนี้
“ท่านผู้นำ ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรปล่อยให้เจ้านี่ได้ทำอะไรตามอำเภอใจอีก รีบรายงานตระกูลเมเดลลินเถอะ ครั้งนี้การที่เขากล้าทำลายฐานของตระกูลเฟเธอร์ของพวกเรานั้น ครั้งต่อไปเขาก็คงจะกล้าทำลายฐานของตระกูลอื่นๆเช่นกัน”
รองผู้นำตระกูลเฟเธอร์ได้กัดฟันพูดออกมา
“พูดถูก จะต้องรายงานเรื่องนี้กับตระกูลเมเดลลิน นี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของตระกูลพวกเรา ข้าต้องการให้ไอ้ลูกหมาหยางปู๋ตงนั่นตาย ข้าต้องการให้เขาตาย!” ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ก็รู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกเกลียดชังใครเท่านี้มาก่อน
…………..
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ณ สถานที่แห่งหนึ่งของตระกูลเมเดลลิน ในช่วงเวลานี้ผู้คนของตระกูลเฟเธอร์ต่างก็ได้มาถึงที่นี่
“บลันท์ เจ้าจะจัดการกับเจ้าหยางปู๋ตงนั่นอย่างไร เจ้าบัดซบนั่นวันๆกินอิ่มไม่มีอะไรทำ ต้องการที่จะหาเรื่องใส่ตัว ไม่คาดคิดว่าจะเข้ามาสร้างปัญหาที่ฐานของตระกูลเฟเธอร์ของข้า ทำการสังหารและปล้นชิง เจ้าบัดซบนั่นทำการสังหารและปล้นชิงฐานของข้า ไม่เกรงกลัวกฎหมายและสวรรค์ นี่หรือคือพฤติกรรมของคนที่เป็นผู้ปกครองของดาวเคราะห์? เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผู้ปกครองของดาวเคราะห์แม้แต่น้อย ทว่าเป็นอาชญากร เป็นโจรชั่วร้าย”
ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ส่งเสียงดังโวยวายออกมา พูดถึงพฤติกรรมอันชั่วร้ายของเจ้าหยางปู๋ตง
“ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ? พวกเราจะต้องอดทนอดกลั้นไปก่อนชั่วคราว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะจัดการกับเขาได้”
บลันท์ก็กัดมุมปาก เขาไม่คาดคิดว่าลูกศิษย์สายตรงของนิกายฟ้าดินจะยโสโอหังเช่นนี้ เพิ่งมาถึงที่นี่ได้หนึ่งวันก็เริ่มที่จะจัดการกับตระกูลเฟเธอร์ นี่มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก
“จะต้องรออะไรอีก รอตูดข้าสิ ต้องการรอให้พวกเราทั้งหมดนอนลงในโรงศพก่อนเจ้าจึงจะจัดการกับเขาได้หรือ? บอกตามตรง ข้าไม่สามารถทนรอได้แม้แต่วินาทีเดียว ต้องการที่จะสังหารเจ้าบัดซบนั่นในทันที”
ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ก็ไม่สามารถยับยั้งความโมโหของตนเองได้ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าบัดซบนั่นมาทำอะไรที่ฐานของตระกูลเฟเธอร์ของข้า? ไม่ใช่เพียงแค่กำจัดสมาชิกระดับสูงของตระกูลเฟเธอร์ของข้าไปเป็นจำนวนมากเท่านั้น ทว่าเขาก็ยังปล้นชิงสิ่งของล้ำค่าทั้งหมดในฐานไป รวมถึงเงินทองและทาสของข้าเช่นกัน”
“สิ่งที่เจ้าบัดซบนี่ทำไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากการรื้อถอน ทั่วทั้งฐานถูกเขารื้อถอนออกมาทั้งหมด แม้แต่น็อตอันเดียวก็ไม่เหลือไว้ ช่างมีความละโมบที่เหนือยิ่งกว่าเทาเที่ยเสียอีก”
“ใช่สิ เขาก็ได้ปล้นชิงทาสเด็กสาวของเผ่าพันธุ์เทาเที่ยไปจากฐานของข้าเช่นกัน ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด นี่คือพฤติกรรมของโจรจับผู้หญิง พวกเราไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อจัดการกับเขาได้เลยหรือ?”
เมื่อคิดได้ถึงความสูญเสียของตระกูลเฟเธอร์ในครั้งนี้ เขาก็โมโหจนควันขึ้นหัว เดือดระอุอย่างมาก
“เอ่อ..เจ้าได้ไปที่คฤหาสน์ของเขาเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่?”
บลันท์ถามขึ้นมา
“เรียกร้องขอความเป็นธรรม? เรียกร้องตูดข้าสิ ก่อนหน้านี้ข้าก็ได้ส่งคนออกไปที่คฤหาสน์ของเขา ต้องการที่จะถามหาความยุติธรรม ทว่าท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ถูกอัดอย่างป่าเถื่อน อีกทั้งก็ยังตั้งข้อหาพวกเราในการบุกรุกคฤหาสน์ของเขา กักขังคนของพวกเราไว้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังต้องการให้พวกเราชดใช้ค่าเสียความรู้สึกของเขา เวรเอ๊ย เจ้าบัดซบนั่นเห็นแก่เงินจนเสียสติ แบล็คเมล์ผู้อื่นในทุกหนแห่ง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้นำของตระกูลเฟเธอร์ก็ระบิดอารมณ์ออกมา ใกล้ที่จะคลุ้มคลั่งขึ้นมาเต็มที
“เฟเธอร์ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการที่จะช่วยเจ้า ทว่าแผนการของพวกเราก็กำลังดำเนินอยู่ เจ้าอย่าทำให้แผนการต้องล้มเหลวเพียงเพราะเจ้าคนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้านั้น ข้าก็รู้สึกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้”
บลันท์พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ในระยะเวลาหลายวันนี้ เจ้าห้ามทำอะไรผลีผลามเด็ดขาด หยุดการค้าทาสไปชั่วคราว อย่าให้เขามีข้ออ้างในการจัดการกับเจ้า หากสามารถอดทนอดกลั้นเพียงนิดเดียวคลื่นลมก็จะสงบ หากยอมถอยเพียงก้าวเดียวท้องทะเลนภากาศก็จะเปิดกว้าง เจ้าจะต้องมองภาพในสถานการณ์โดยรวม”
เขาพูดโน้มน้าวอย่างใจเย็น
“มองภาพในสถานการณ์โดยรวมบ้านเจ้าสิ”
ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ต่อว่าออกมา “ผู้ที่สูญเสียไม่ใช่ตระกูลเมเดลลินของเจ้า แต่เป็นตระกูลเฟเธอร์ของข้า แน่นอนว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมาก็ได้”
เขาโมโหอย่างมาก การที่ตระกูลเฟเธอร์ของเขาสูญเสียไปอย่างใหญ่หลวง มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนนั้น เจ้าบัดซบนี่ยังต้องการให้เขาอดทนอดกลั้นไว้ มองภาพสถานการณ์โดยรวม มองภาพสถานการณ์โดยรวมบ้านเจ้าสิ
“เหอะ เฟเธอร์ ข้าไว้หน้าเจ้าแล้วแต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องการทำให้ตนเองอับอาย”
บลันท์พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ต่อให้เจ้าจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นแล้วอย่างไรกัน? เจ้าจะต่อสู้กับเจ้าเด็กนั่นจนตายกันไปข้างหนึ่งหรือ จะทำการต่อสู้จนอีกฝ่ายสูญสลายไปหรือ? นี่ข้าไม่ได้กำลังดูถูกเหยียดหยามตระกูลเฟเธอร์ของเจ้า ทว่าด้วยพลังอำนาจของพวกเจ้าในตอนนี้ การที่ต้องการจะจัดการกับเจ้าเด็กนั่น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“หากทำอะไรสิ้นคิดออกไป เมื่อถึงเวลานั้นบางทีอาจจะไม่ใช่มีเพียงแค่ฐานนี้เท่านั้นที่ถูกทำลายไป ทว่าทั่วทั้งตระกูลของเจ้าก็อาจจะถูกเขาฆ่าล้างไป หากเจ้าต้องการที่จะรนหาที่ตายก็เชิญ ทว่าอย่านำคนอื่นๆไปร่วมด้วย”
เขาก็เหนื่อยที่จะพูดจาด้วยท่าทีที่อ่อนโยนกับฝ่ายตรงข้ามอีก พูดฉีกหน้าออกมาโดยตรง
“นี่มัน!”
ผู้นำตระกูลเฟเธอร์ก็พูดอะไรไม่ออก เขาก็ล่วงรู้ถึงพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวของหยางปู๋ตง เป็นยอดฝีมือในระดับแกนทองอย่างแน่นอน การที่ต้องการจะสังหารฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังอำนาจของพวกเขานั้น ถือว่าเป็นความฝันลมๆแล้งๆก็ว่าได้
อีกทั้งหากล้มเหลวขึ้นมา ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่ถูกทำลายล้างไปแทน
ทันใดนั้น เขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้
“เหอะ เจ้ามีอายุมากแค่ไหนกัน ยังทำตัวเหมือนกับเด็กวัยวุ่นที่ใจร้อน การใช้อารมณ์จะช่วยให้เจ้าแก้ไขปัญหาได้อย่างไร? ในตอนนี้เจ้าจะต้องอดทนอดกลั้นไปก่อนชั่วคราว ปล่อยให้เขาได้ยิ้มไปก่อน” บลันท์พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
ได้ยินเช่นนี้ ถึงแม้ว่าผู้นำตระกูลเฟเธอร์จะไม่พึงพอใจอย่างมาก ทว่าก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ในตอนนี้เขาได้สาบานกับตนเองไว้ จะต้องมองหาโอกาสในการสังหารเจ้าบัดซบนั่นให้ได้