“อร่อย เป็นอาหารที่อร่อยจริงๆ”
ทันเมิงลู่ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด กลืนกินข้าวคริสตัลของที่นี่อย่างต่อเนื่อง ข้าวแต่ละเม็ดนั้นมีพลังงานที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก
เธอก็ล่วงรู้ว่าข้าวคริสตัลนั้นเป็นอาหารที่ล้ำค่าแค่ไหน จะมีเพียงแค่ตระกูลที่ทรงพลังและร่ำรวยเท่านั้นที่จะสามารถทานได้ ร้านอาหารปกติทั่วไปก็ไม่มีขาย ไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย
ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีข้าวคริสตัลปรากฏขึ้นมามากมายเช่นนี้ อีกทั้งเธอก็ยังกินได้ตามอำเภอใจ ต่อให้จะเป็นในความฝัน เธอก็ไม่เคยมีความฝันที่รู้สึกมีความสุขเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นเหมือนกับการมาถึงดินแดนแห่งสวรรค์ก็ว่าได้
จากนั้นเธอก็ใช้เวลากินอีกครึ่งชั่วโมง กินข้าวคริสตัลไปสิบตัน นี่ก็ทำให้ท้องของเธอบวมพองออกมา เหมือนกับเป็นลูกโป่งที่กำลังนอนอยู่ก็ว่าได้ ไม่ได้ขยับเขยื้อนใดๆ
“อิ่มเหลือเกิน”
ทันเมิงลู่มีความสุขอย่างมาก ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยรู้สึกถึงความอิ่มเช่นนี้มาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้กินอย่างเต็มอิ่มจริงๆ ทำให้เธอรู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าการกินจนจุก
ถึงแม้ว่ากระเพาะของเทาเที่ยนั้นจะเป็นที่ล่วงรู้กันว่าคือหลุมลึกที่ไร้ที่สิ้นสุด ทว่ามันก็ยังมีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน
ทว่าตอนนี้ทันเมิงลู่ก็เป็นเพียงแค่เด็ก ดังนั้นกระเพาะของเธอจึงยังไม่ถึงขีดจำกัดที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์เทาเที่ย ทว่าเธอก็จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงตอนนั้นเธอก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถกลืนกินทั่วทั้งดาวเคราะห์ได้อย่างแท้จริง
“กินไปสิบตันรึ? ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหา”
เซี่ยปิงก็ผ่อนคลายทันที หากทันเมิงลู่กินข้าวคริสตัลสิบตันต่อวัน จากนั้นหนึ่งเดือนก็จะเป็น30ตัน หนึ่งปีก็จะเป็น3,600ตัน นี่สำหรับผลผลิตของข้าวคริสตัลในตอนนี้นั้น ถือว่าเป็นเพียงแค่หยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น
ต่อให้ทันเมิงลู่จะเจริญเติบโตขึ้นไปอีก ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นมา ทว่าการเพาะปลูกข้าวคริสตัลก็ยังคงขยายออกไปเช่นกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าผลผลิตจะพัฒนาตามความต้องการอาหารของทันเมิงลู่ไม่ทัน
ในตอนนี้เขาก็ล่วงรู้ว่าทำไมเผ่าพันธุ์เทาเที่ยถึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อ แม้แต่ตระกูลระดับเซนต์ก็ไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูได้
เพราะว่าถึงอย่างไรการที่กินข้าวคริสตัลไป10ตันต่อวันนั้น มีตระกูลที่ไหนกันที่จะมีปัญญาเลี้ยงดูได้?
หากภายในจักรวาลจะมีใครที่สามารถเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์เทาเที่ยได้นั้น คาดการณ์ได้ว่าก็คงจะมีเพียงแค่ยอดปรมาจารย์นักกลั่นกลองเม็ดยาอย่างเซนต์พิภพเท่านั้น มีความชำนาญในการเพาะปลูกสวนสมุนไพรวิญญาณและหุบเขาวิญญาณ มีโลกขนาดเล็กเช่นนี้ที่คอยสนับสนุนอยู่
ไม่อย่างนั้น หากเป็นผู้คนปกติธรรมดา คงจะต้องล้มละลายไปกับการเลี้ยงดูเทาเที่ยอย่างแน่นอน
“หืมม?!”
ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็รู้สึกว่ามีพลังงานที่บริสุทธิ์ในปริมาณมหาศาลกำลังถ่ายทอดออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่า เขาก็ล่วงรู้ได้อย่างกะทันหันว่านี่เป็นพลังงานที่ถ่ายทอดมาจากทันเมิงลู่ ซึ่งเชื่อมโยงผ่านทางสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำขึ้นมาก่อนหน้านี้
พลังงานที่บริสุทธิ์ซึ่งได้ถ่ายทอดมาเหล่านี้ก็ได้หลั่งไหลเข้าไปในกระดูกและกล้ามเนื้อภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
พลังเวทมนตร์ของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนรู้สึกได้ ระดับน้ำทะเลภายในพื้นที่ราชวังสีม่วงก็เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เกือบที่จะเติมเต็มพื้นที่แห่งนี้
“นี่คือพลังงานที่มาจากการกลั่นกรองของเผ่าพันธุ์เทาเที่ยหรือ?!”
เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย หลังจากที่เขาได้ทำสัญญากับเทาเที่ยนั้น ไม่ใช่แค่สามารถครอบครองความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทางสายเลือดของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ทว่าก็ยังสามารถที่จะดูดกลืนพลังงานจากฝ่ายตรงข้ามได้เช่นกัน พลังงานส่วนหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามได้หลั่งไหลเข้ามา สนับสนุนการบ่มเพาะของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นพลังงานนี้ก็ผ่านการกลั่นกรองจากเทาเที่ย สิ่งเจือปนสกปรกได้ถูกชำระล้างไปจนสะอาด หลงเหลือเพียงแค่พลังงานที่บริสุทธิ์เท่านั้น ไม่ได้มีผลข้างเคียงใดๆ มีผลประโยชน์ที่ไร้ที่สิ้นสุด สามารถที่จะเพิ่มความเร็วในการเสริมสร้างพลังเวทมนตร์ได้อย่างมหาศาล เป็นเหมือนกับการกินสมุนไพรวิญญาณหมื่นปีเข้าไปก็ว่าได้
หลั่ว หลั่ว หลั่ว~
หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยปิงก็รู้สึกว่าพลังเวทมนตร์ของตนเองเกือบที่จะเพิ่มขึ้นมาจนถึงสภาวะขีดจำกัด เขาก็ล่วงรู้อย่างกะทันหันว่าตนเองได้พัฒนาขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของระดับแกนทองขั้นเริ่มต้นแล้ว
ขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นไปในระดับแกนทองขั้นกลางได้ ใกล้ที่จะแตะจุดก้าวผ่านของระดับแกนทองขั้นกลางเต็มที
ทว่าเนื่องจากการที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับแกนทองขั้นกลางจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานที่มหาศาลนั้น พลังงานนี้จึงไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เขาเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับแกนทองขั้นกลางได้ ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการสั่งสมพลังงาน
“ไม่คาดคิดว่าจะมีผลประโยชน์เช่นนี้เหมือนกัน”
เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง การที่มีเทาเที่ยอยู่ข้างกายนั้น มันก็เทียบเท่าได้กับการมีเครื่องเร่งกระบวนการบ่มเพาะ ฝ่ายตรงข้ามสามารถที่จะช่วยกลั่นกรองพลังงานต่างๆนาๆได้และถ่ายทอดมาสู่ร่างกายของเขา เพิ่มพลังเวทมนตร์ให้กับเขา นี่ก็ทำให้เขาประหยัดเวลาในการควบแน่นพลังเวทมนตร์ได้อย่างมาก
แต่ปัญหาก็คือว่าวิธีการนี้ไม่ใช่สิ่งทุกคนจะสามารถใช้ได้ หากไม่ร่ำรวยมากพอและมีความมั่งคั่งที่สามารถใช้ได้ตามอำเภอใจ ก็ไม่สามารถที่จะบรรลุสิ่งนี้ได้
เรียกได้ว่านี่เป็นวิธีการที่เหมาะสมสำหรับบุคคลที่ร่ำรวยล้นฟ้าเท่านั้น เป็นวิธีการที่ฟุ่มเฟือยอย่างถึงที่สุด
คาดการณ์ได้ว่าต่อให้มีบางคนที่ล่วงรู้ถึงวิธีการบ่มเพาะตนเองเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะใช้มัน ไม่ต้องการที่จะเลี้ยงดูเทาเที่ย การที่ต้องการจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามกินจนอิ่มในทุกๆวันนั้น มันจะเป็นปริมาณอาหารที่เหนือจินตนาการอย่างมาก
………
หลังจากนั้น เซี่ยปิงก็ดื่มด่ำกับการบ่มเพาะ ทำการกลั่นกรองพลังงานอย่างช้าๆเพื่อเพิ่มพลังเวทมนตร์ของตนเอง สะสมพลังงานไว้สำหรับการเลื่อนขั้นไปสู่ระดับแกนทองขั้นกลาง ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องอื่นใด
ทว่าพฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ตระกูลเมเดลลินและตระกูลอื่นๆวิตกกังวลอย่างมาก เพราะว่าพวกเขาวางแผนที่จะจัดวางกับดักขึ้นมาในโลกภายนอก ทว่าตอนนี้เจ้าเด็กนี่กลับไม่โผล่หัวออกมา หมกตัวอยู่แต่อยู่ในคฤหาสน์ของตนเอง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เจ้าเด็กนั่นยังไม่ออกมาจากคฤหาสน์อีกหรือ?”
“ใช่ อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้นเป็นระยะเวลาสิบวันแล้ว ไม่เห็นเขาก้าวออกมาจากคฤหาสน์นั่นแม้แต่ก้าวเดียว”
“ก่อนหน้านี้การที่เขาแสดงความยโสโอหังและจัดการกับตระกูลเฟเธอร์นั้น ข้าก็คิดว่าเขาจะต้องการจัดการกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆอีกเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าในช่วงเวลาหลายวันนี้จะไม่ทำการเคลื่อนไหวใดๆ เขาคิดว่าการจัดการกับตระกูลเฟเธอร์ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเราหวาดกลัวจนไม่กล้าลุกขึ้นสู้แล้วหรือ?”
“ท่าไม่ดีแล้ว ไม่สามารถปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้ ตอนนี้สมาชิกของกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงได้มาถึงดาวรังอสูรแล้ว เวลาของพวกเขามีจำกัด มีภารกิจมากมายที่ต้องทำ เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลานาน”
“การที่ไม่มีความช่วยเหลือจากกลุ่มโจรสลัดผ้าคาดหัวสีแดงนั้น คาดการณ์ได้ว่าลำพังเพียงแค่พวกเราคงจะไม่สามารถสังหารเขาได้”
“ข้าคิดว่าพวกเราควรที่จะบุกรุกเข้าไปสังหารเขาในคฤหาสน์ทันที กำจัดเขาโดยตรง ทำไมจะต้องรออยู่ข้างนอกกัน?”
“เจ้าโง่ หากทำเช่นนั้นได้ พวกเราก็คงจะทำไปแล้ว ถึงอย่างไรซะคฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของนิกายฟ้าดิน รอบๆมีค่ายกลยับยั้งมากมายที่ถูกติดตั้งไว้ มันคือรังของศัตรู พวกเราจะต้องเข้าไปเผชิญกับอันตรายในรังของศัตรูหรือ? เจ้าห้ามดูถูกกับดักของยอดฝีมือในระดับแกนทองเด็ดขาด”
“นั่นคือความจริง เมื่อใดที่ศัตรูตื่นตัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าเจ้าหยางปู๋ตงนั่นจะไม่ใช่คู่มือของพวกเรา ทว่าก็มีโอกาสสูงที่เขาจะหลบหนีออกไปได้ หากไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ จากนั้นมันก็จะเป็นเหมือนการที่พวกเราเข้าไปแหย่รังแตน จะมีภัยพิบัติมากมายที่ตามหลังมา”
“พูดถูก ดังนั้นพวกเราจะต้องสังหารเขาให้ได้ ไม่สามารถปล่อยให้เขามีโอกาสรอดชีวิตออกไป”
ผู้คนต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างมาก พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้เกิดขึ้น
“ใช่สิ ในเมื่อเขาไม่ยอมออกมา ข้าคิดว่าพวกเราก็ควรที่จะหาวิธีการในการบีบบังคับให้เขาออกมา” บางคนที่เสนอความคิดเห็นออกมา “ว่ากันว่าเมื่อไม่นานมานี้เขาได้รับเลี้ยงเด็กสาวของเผ่าพันธุ์เทาเที่ยมา มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน หากเจ้าเด็กสาวนั่นออกมาจากคฤหาสน์และเผชิญกับอุบัติเหตุข้างนอก ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยังอยู่ในคฤหาสน์โดยที่ไม่ยอมออกมาได้”
“เยี่ยม เป็นวิธีการที่ดีจริงๆ ทว่าพวกเราจะทำให้เด็กสาวนั่นออกมาอย่างไร?”
“ง่ายมาก นั่นคือเด็กของเผ่าพันธุ์เทาเที่ย เห็นอาหารมีค่ามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแค่ล่อเธอด้วยอาหารก็เพียงพอ”
“ปล่อยให้ต้วนเฉินลุ่ยจัดการเรื่องนี้ เรื่องเช่นนี้เขามีความเชี่ยวชาญอย่างมาก คงจะไม่มีปัญหาอะไร”
“อืม อีกไม่นานเจ้าหยางปู๋ตงนั่นจะต้องตาย การที่กล้าเข้ามาวางมาดใหญ่โตภายในดาวรังอสูรของพวกเรานั้น ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดี”
ผู้คนต่างก็แสยะออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม พวกเขาได้คิดค้นแผนการขึ้นมามากมาย ต้องการที่จะสังหารหยางปู๋ตงให้ได้