ณ คุกกุมขังของดาวหยานหวง
ในช่วงเวลานี้ ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็ถูกจับตัวมาที่นี่ รวมถึงหม่ากู่โป๋เช่นกัน ร่างกายของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยโซ่ตรวน สวมใส่ชุดนักโทษสีขาว มีรอยเปื้อนเลือด คุกเข่าอยู่ที่พื้น เผยให้เห็นท่าทางของนักโทษ หดหู่กันอย่างมาก
ในตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด หากพวกเรารู้ล่วงหน้าว่ากลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ มีบุคคลที่ทรงอำนาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อยู่ ให้ตายพวกเขาก็จะไม่รุกรานเข้ามาในดาวเคราะห์ดวงนี้เด็ดขาด
ทว่าใครจะไปคิดได้ถึงจุดๆนี้กัน ชาวพื้นเมืองระดับแตกฉาน สามารถเอาชนะหม่ากู่โป๋ที่อยู่ในระดับกฎเทวรูปได้อย่างง่ายดาย ไม่มีพลังอำนาจที่จะต้านทานแม้แต่น้อย เรื่องนี้ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป
ผู้อาวุโสหม่าอาจจะเป็นบุคคลที่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง สามารถที่จะเลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับกฎเทวรูปได้เพราะใช้สารเสพติดบางอย่าง ในตอนนี้ลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายหยวนหมิงต่างก็จับจ้องไปที่หม่ากู่โป๋ด้วยสีหน้าที่เคลือบแคลงใจ คิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นบุคคลที่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
ในความเป็นจริง หากหม่ากู่โป๋ไม่พ่ายแพ้ไปอย่างหมดท่าเช่นนี้ พวกเขาก็คงจะไม่ลงเอยเช่นนี้เหมือนกัน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูถูกของลูกศิษย์จำนวนมาก หม่ากู่โป๋ก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างถึงที่สุด เขาก็ต้องการที่จะตะโกนออกไปว่าตนเองไม่ใช่บุคคลที่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง เป็นยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูปที่แท้จริง เพียงแค่ว่าเจ้าชาวพื้นเมืองนี่เหนือมนุษย์เกินไป
ทว่าคำเหล่านี้เขาก็อับอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ ต่อให้จะพูดออกไป คนอื่นๆก็คงจะมองว่าเป็นข้อแก้ตัวเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงในทางเหนือของจักรวาล”
หลังจากการสอบสวน ในที่สุดเซี่ยปิงก็ล่วงรู้ถึงข้อมูลของนิกายหยวนหมิง นี่คือนิกายระดับเซนต์ภายในทางเหนือของจักรวาล ว่ากันว่าลูกศิษย์ของนิกายนี้ต่างก็ใช้ชีวิตอย่างวิถีชาวบ้านและมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ครั้งหนึ่งก็เคยมีกองโจรมากมายของจักรวาลที่มีต้นกำเนิดมาจากนิกายหยวนหมิง บางคนเคยกล่าวไว้ว่านิกายหยวนหมิงเป็นแหล่งผลิตโจร ไม่รู้ว่าฟูมฟักสั่งสอนโจรของจักรวาลออกมามากแค่ไหน มักที่จะออกไปปล้นชิงทรัพยากรในทั่วทั้งจักรวาลและมอบให้กับนิกายหยวนหมิง
ทว่าพวกเขาก็ได้ประกาศออกไปสู่โลกภายนอกว่ากองโจรของจักรวาลเหล่านี้ต่างก็เป็นคนทรยศของนิกายหยวนหมิง ถูกขับไล่ออกจากนิกายแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดๆที่กล้าทำอะไรนิกายหยวนหมิง ไม่สามารถหาหลักฐานที่พวกเขาร่วมมือกันได้
ทว่านี่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะประเด็นหลักก็คือการที่ว่าในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าดาวหยานหวงอยู่ในตำแหน่งใด อยู่ในภูมิภาคเหนือของจักรวาล ไม่รู้ว่าห่างไกลไปจากโลกแห่งเมฆามากแค่ไหน
“ไม่คาดคิดว่าจะรู้จักข้อมูลในทางเหนือของจักรวาลเช่นกัน ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่ชาวพื้นเมืองธรรมดาๆ คงจะมีเครือข่ายอยู่ภายในจักรวาล ท้ายที่สุดแล้วเจ้าอยู่ในกลุ่มอิทธิพลใดกัน?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หม่ากู่โป๋และคนอื่นๆก็สะดุ้งตกใจ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ชาวพื้นเมืองที่แท้จริงจะรู้เกี่ยวกับอิทธิพลต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วทั้งจักรวาล เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักชื่อของนิกายหยวนหมิงและรู้ว่าอยู่ในทางเหนือของจักรวาล
ทว่าไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าชาวพื้นเมืองนี่จะเอาชนะพวกเขาลูกศิษย์ของนิกายระดับเซนต์ได้
“หุบปาก พวกเจ้าเป็นนักโทษของพวกเรา หน้าที่ของพวกเจ้ามีเพียงแค่การตอบคำถามเท่านั้น ไม่มีสิทธิตั้งคำถามใดๆทั้งสิ้น”
นักวิทยายุทธของดาวหยานหวงคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห ตำหนิข่มเหงกลุ่มของนักโทษเหล่านี้
“รีบยอมรับสารภาพมาซะโดยดี สุดท้ายแล้วพวกเจ้ามาจากที่ใดและมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร? ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของการตายทั้งเป็น”
นักวิทยายุทธอีกคนหนึ่งของดาวหยานหวงก็กำหมัดขึ้นมา มีสีหน้าที่โหดเหี้ยมมาก
“เหอะ”
หม่ากู่โป๋เปล่งเสียงในลำคอ “ไม่ต้องข่มขู่ข้าให้เสียเวลาเลย ข้าคือผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิง ความจงรักภักดีของข้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการใดกับข้า ใช้การทรมานที่น่าสะพรึงกลัวประเภทใด ข้าก็จะไม่มีทางเปิดปากพูดคำใดออกมา จะไม่เปิดเผยข้อมูลแม้แต่ครึ่งคำ ข้าจะไม่มีทางทรยศนิกายหยวนหมิงเด็ดขาด พวกเจ้าตัดใจซะเถอะ”
เขาเผยท่าทางที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ไม่ยอมอ่อนข้อ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายหยวนหมิงก็รู้สึกชื่นชม ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสหม่าจะเป็นบุคคลที่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ทว่าก็เป็นบุคคลที่พึ่งพาและไว้ใจได้ เป็นเสาหลักของนิกายอย่างแน่นอน
ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อ ต่อต้านขัดขืนจนถึงที่สุด น่าเคารพนับถือย่างยิ่ง
บอกตามตรง หลังจากที่พวกเขาถูกกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้จับตัวมา พวกเขาก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว เพราะว่าถึงอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากทางนิกายเช่นกัน หากไม่ยอมจำนนก็คือตาย
“มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวจริงๆ เป็นบุคคลที่มีกระดูกเหล็ก”
เซี่ยปิงก็ขมวดคิ้วเป็นปม “สบายใจได้ ข้าเป็นคนดีมาก จะไม่ทำการทรมานพวกเจ้าหรือทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมอื่นๆ ในไม่ช้าพวกเจ้าจะยอมเอ่ยปากออกมาด้วยตนเอง”
“เอ่ยปากออกมาด้วยตนเอง? ตลกสิ้นดี เจ้าคิดว่าข้าหม่ากู่โป๋เป็นใครกัน?!”
หม่ากู่โป๋แสยะออกมา คิดว่าเจ้าชาวพื้นเมืองคนนี้กำลังมีความคิดเพ้อฝัน
ทว่าทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าเจ้าชาวพื้นเมืองคนนี้ได้ประสานมือเข้าทั้งสองข้าง แสงสีทองส่องสว่างทั่วทั้งร่าง ข้างหลังปรากฏเป็นภาพเงาของพระขึ้นมา ส่วนลึกของความว่างเปล่ามีเสียงสวดมนตร์ของพระที่ดังขึ้นมาลางๆ
อีกทั้งก็ยังมีปรากฏการณ์มากมายที่เกิดขึ้นข้างกายของเจ้าชาวพื้นเมืองคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นดอกบัวที่เบ่งบานออกมา แสงพระพุทธที่สาดส่อง ดูเหมือนกับว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่จุติลงมา มือถือจีบ มีสีหน้าที่เมตตา
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของตนเองเหม่อลอยและว่างเปล่า เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ของบทสวดทางพระพุทธศาสนา เหมือนกับมีสัญญาณของการเห็นแจ้ง
ทว่าถึงอย่างไรแล้วหม่ากู่โป๋ก็เป็นยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูป มีจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ส่วนลึกของจิตวิญญาณมีพลังอำนาจที่เอ่อล้นออกมา ในเสี้ยววินาที เขาก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ได้ แยกตัวออกมาจากภาพลวงตา
จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่แตกตื่น “นี่มันเป็นไปไม่ได้ นี่มันคือเสียงแห่งการเปลี่ยนผันจิตใจ เสียงของพระพุทธศาสนา นี่มันคือคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจที่เป็นทักษะลับสุดยอดของพระพุทธศาสนา ไม่มีทางเผยแพร่ให้กับบุคคลภายนอกได้ ทว่าทำไมเจ้าถึงเรียนรู้มันได้? หรือว่าเจ้าจะมาจากกลุ่มอิทธิพลของพระพุทธศาสนา?!”
“หลังจากที่ข้าเปลี่ยนแปลงจิตใจของเจ้า การที่จะบอกเจ้าในตอนนั้นก็ยังไม่สายเกินไป”
เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย
ทว่าในสายตาของหม่ากู่โป๋มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายราวกับปีศาจ เขารีบพูดออกมาอย่างแตกตื่นทันที “หยุด เจ้าชาวพื้นเมืองบัดซบ หยุดเดี๋ยวนี้ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ไม่คาดคิดว่าจะกล้าใช้คัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจในการเปลี่ยนความเชื่อของข้า รู้หรือไม่ว่านี่คือเรื่องต้องห้ามของจักรวาล เมื่อใดที่ถูกค้นพบ เจ้าจะถูกโจมตีจากทุกด้าน เผชิญกับการไล่ล่าของกลุ่มอิทธิพลจำนวนมาก ภายในจักรวาลจะไม่มีที่ให้เจ้าได้ซุกหัวนอนอีก!”
เขาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ไม่กล้าที่จะยโสโอหังเหมือนก่อนหน้านี้อีก สิ่งที่เข้ามาแทนที่ในตอนนี้ก็คือความหวาดผวา
ความตาย เขาไม่เกรงกลัว
ทว่าสิ่งที่เขาเกรงกลัวมากที่สุดก็คือการต้องใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็น เมื่อใดที่ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนผันจิตใจของเขาได้สำเร็จ จากนั้นตัวตนของเขาหม่ากู่โป๋ก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนกลายเป็นหุ่นเชิด มีนิสัยและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นทาสตลอดกาล
ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะสั่งให้ตนเองสังหารทั้งตระกูล สังหารเพื่อนพี่น้อง เขาก็จะไม่ลังเล จะคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ปกติ รู้สึกยินดีกับการที่ได้รับใช้เจ้านาย
เซี่ยปิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาชี้นิ้วออกไปและจิ้มลงไปที่หน้าผากของหม่ากู่โป๋ กิ่งก้านของต้นไม้โลกก็ทะลวงออกมาจากความว่างเปล่าทันทีและเจาะทะลวงการป้องกันของจิตศักดิ์สิทธิ์ของหม่ากู่โป๋โดยตรง เจาะเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ
สิ่งที่เรียกว่าบาเรียของจิตศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าต้นไม้โลกนั้น มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเต้าหู้แม้แต่น้อย
ทันใดนั้นหม่ากู่โป๋ก็รู้สึกว่าจิตใต้สำนึกของตนเองพร่ามัว รู้สึกว่าความคิดของตนเองท่วมท้นไปด้วยอักขระของพระพุทธศาสนา พระสงฆ์จำนวนมากกำลังเคาะปลาไม้พร้อมกับสวดมนตร์ออกมา
“หยุด หยุดทันที ข้ายอมจำนน ยอมจำนน เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะบอกทั้งหมด จะพูดด้วยความสัตย์จริง ไม่ปกปิดแม้แต่ครึ่งคำ” หม่ากู่โป๋ก็หวาดกลัวอย่างมาก สภาวะจิตใจของเขาล่มสลายอย่างสมบูรณ์ ไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองอีกต่อไป
เทียบกับการถูกล้างสมองจนกลายเป็นหุ่นเชิดนั้น การยอมจำนนและทรยศนิกายไม่ใช่เรื่องที่ต้องคำนึงถึงแม้แต่น้อย เมื่อถึงเวลานั้น หากเขากลายเป็นหุ่นเชิดจริงๆ เขาจะสูญเสียตนเองไปและจะต้องใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็น
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เขากลายเป็นหุ่นเชิดนั้น คาดการณ์ได้ว่าความลับทุกอย่างก็จะต้องรั่วไหลออกไปทั้งหมด