หลังจากที่ผ่านไปครึ่งวัน
หลิวเหวินและผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงคนอื่นๆก็แอบลักลอบออกไป เคลื่อนไหวในเวลาเที่ยงคืน พวกเขาได้ใช้ทักษะลับเพื่อล็อกออร่าของหม่ากู่โป๋ แกะรอยตามมาเป็นระยะทาง500กิโลเมตร ในที่สุดก็ค้นพบปลายทาง
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด สถานที่แห่งนี้หรือ?”
กลุ่มผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงก็มาถึงที่ภูเขาแห่งหนึ่ง รอบๆรกร้างและว่างเปล่า มีเพียงแค่กองก้อนหินเท่านั้น ไม่มีร่องรอยของการอยู่อาศัย ไม่ค้นพบภาพเงาใดๆแม้แต่น้อย
พวกเขาต่างก็มองหลิวเหวินด้วยสีหน้าที่สงสัย เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถหาร่องรอยของหม่ากู่โป๋ได้
“ใช่ สถานที่แห่งนี้”
หลิวเหวินก็พูดอย่างมั่นใจ “เจ้าหม่ากู่โป๋นี่เจ้าเล่ห์จริงๆ พยายามลบล้างออร่าของตนเองในทุกหนแห่ง ทำลายร่องรอยของตนเอง บางทีหากเป็นผู้คนปกติธรรมดาคงจะไม่สามารถค้นพบเขาได้จริงๆและปล่อยให้เขาหลบหนีออกไป”
“ทว่าข้าหลิวเหวินเป็นใคร เป็นยอดฝีมือในระดับลงทัณฑ์สายฟ้า เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทักษะแกะรอยต่างๆนาๆ ไม่ว่าชายคนนี้จะหลบหนีไปที่ใด ก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากเงื้อมมือของข้าได้ ร่องรอยของเขายังคงถูกค้นพบโดยข้า”
“ทุกๆคนลองมองดูดีๆ สถานที่แห่งนี้มีความผิดปกติอยู่ ถูกติดตั้งด้วยค่ายกลยับยั้งบางอย่าง บิดเบือนพื้นที่ หลบซ่อนความเป็นจริง ผสมผสานเข้ากับองค์ประกอบห้าธาตุ ย้อนกลับจักรวาลแปดทิศ ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่สามารถค้นพบได้และเพิกเฉยต่อมันทั้งๆที่มันอยู่ตรงหน้า”
ผู้อาวุโสจำนวนมากก็เพ่งสายตามอง ใช้จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองในการตรวจจับความผิดปกติ สำรวจออกในทุกทิศทาง ภายในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็เบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่แห่งนี้
“สมกับที่เป็นท่านผู้อาวุโสสูงสุดจริงๆ สถานที่แห่งนี้มีบางอย่างจริงๆ”
“หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าท่านผู้อาวุโสหลิวมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ล่ะก็ พวกเราก็คงจะไม่สามารถค้นพบเล่ห์กลของสถานที่แห่งนี้ได้ ถูกตบตาเอาง่ายๆ”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าเจ้าหม่ากู่โป๋เป็นเพียงแค่บุคคลที่บ้าบิ่นเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะปิดบังนิสัยที่แท้จริงเอาไว้ ไม่คาดคิดว่าจะเชี่ยวชาญในด้านค่ายกลจนถึงขั้นนี้ ไม่สามารถตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกจริงๆ”
“ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของเขาในการที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวและใจกล้าบ้าบิ่นจะเป็นภาพลักษณ์ที่เขาเสแสร้งขึ้นมา หม่ากู่โป๋ที่แท้จริงเป็นบุคคลที่เจ้าเล่ห์และร้ายกาจ ฉลาดแกมโกง เป็นอาชญากรที่แอบหลบซ่อนธาตุแท้ของตนเองไว้”
ผู้อาวุโสจำนวนมากก็อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้ถึงธาตุแท้ของหม่ากู่โป๋
ในบรรดาพวกเขาก็มีบางคนที่รู้จักกับหม่ากู่โป๋มาเป็นระยะเวลากว่าหมื่นปีเช่นกัน ทว่ากลับไม่เคยเห็นด้านนี้ของหม่ากู่โป๋มาก่อน เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักหม่ากู่โป๋อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้
“เหอะ ข้าก็อยากจะรู้จริงๆว่าผู้อาวุโสหม่าจะปกปิดความลับอะไรไว้ ไม่คาดคิดว่าจะยอมลงทุนถึงขั้นนี้” หลิวเหวินก็เริ่มที่จะสงสัยใคร่รู้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่คาดคิดว่าจะจัดเตรียมแผนการจนถึงขั้นนี้ ความลับที่ซ่อนไว้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ประสานมือเข้าทั้งสองข้าง ลงมือทันที ทำลายค่ายกลยับยั้งของสถานที่แห่งนี้
ตึบ!
ทันใดนั้นบนอากาศก็ปรากฏเป็นคลื่นระรอกขึ้นมา เหมือนกับว่าเกิดคลื่นผันผวนที่รุนแรงบนอากาศ ค่ายกลยับยั้งต่างก็ปรากฏขึ้นมา แอบแฝงไปด้วยจิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุด
“ก็พอมีฝีมืออยู่เหมือนกัน ทว่าก็เปล่าประโยชน์”
หลิวเหวินแสยะออกมา จากนั้นเขาก็ชักดาบยาวสีครามของตนเองขึ้นมาและฟาดฟันออกไปเป็นแนวดิ่ง ตัดผ่านค่ายกลยับยั้งตรงหน้านี้
ตึบ!
เพียงแค่การโจมตีเดียว ชั้นแต่ละชั้นที่ทับซ้อนกันของค่ายกลยับยั้งนี้ก็ขาดออกจากกันเหมือนกับเป็นเต้าหู้ก็ว่าได้ มีเสียงแตกดังขึ้นมา ทว่าทิวทัศน์รอบๆก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมที่แท้จริงของมัน
เห็นเพียงแค่บนภูเขาลูกหนึ่งมีทางเข้าถ้ำปรากฏอยู่ ทว่าก็มีชายที่สวมใส่ชุดคลุมสีครามกำลังยืนอยู่ตรงทางเข้าถ้ำนี้ เขายืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง มีท่าทางที่สงบเยือกเย็น เหมือนกับเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ มีออร่าที่ทรงอำนาจแผ่ออกมา
ผู้อาวุโสจำนวนมากก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ คนๆนี้ก็คือหม่ากู่โป๋นั่นเอง
เดิมทีคิดว่าตายไปแล้ว ทว่าตอนนี้กลับปรากฏขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา นี่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
“ผู้อาวุโสหม่า เจ้ายังไม่ตายจริงๆ สบายดีหรือไม่หลังจากครั้งล่าสุดที่ได้พบกัน?”
หลิวเหวินหรี่ตาลง สายตาของเขาเผยแสงที่หนาวเหน็บออกมา จ้องมองไปที่หม่ากู่โป๋ตรงหน้า
ทว่าความจริงหม่ากู่โป๋ผู้นี้ก็คือเซี่ยปิงที่กำลังปลอมตัว พึ่งพาพลังอำนาจของหน้ากากไร้ตัวตน สำหรับเสื้อผ้าและออร่าของหม่ากู่โป๋นั่น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคำนึงถึง นี่เป็นการที่เขาตั้งใจดึงดูดให้คนเหล่านี้เข้ามาที่นี่
ถึงอย่างไรหม่ากู่โป๋ตัวจริงก็อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา การที่จะดำเนินแผนการเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากแต่อย่างใด
สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในแผนการของเซี่ยปิงทั้งหมด
หากเขาออกไปด้วยตนเอง กลุ่มคนเหล่านี้จะต้องสงสัยอย่างแน่นอน ทว่าหากทิ้งร่องรอยและหลักฐานไว้ ปล่อยให้พวกเขาพยายามสืบหาความจริงด้วยตนเอง เดินเข้ามาหาด้วยตนเอง แน่นอนว่าหลังจากนั้นพวกเขาก็จะหลงเชื่อเรื่องนี้อย่างแท้จริง
“ท่านผู้อาวุโสหลิว ไม่ทราบว่าท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ?”
เซี่ยปิงเผยท่าทางที่ไม่รู้ไม่เห็น
“หม่ากู่โป๋ เลิกเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น สาเหตุที่พวกเรามาที่นี่ เจ้าก็ควรจะรู้ดีไม่ใช่หรือ?” ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีดำตะโกนออกไปพร้อมกับจ้องมองไปที่เซี่ยปิง
“พูดถูกแล้ว เรื่องที่เจ้าเสแสร้งแกล้งตายถูกเปิดเผยแล้ว เจ้าไม่จำเป็นที่ต้องเสแสร้งโกหกพวกเราอีกต่อไป”
ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงินก็แสยะออกมา เหมือนกับจะมองทะลุได้ถึงความจริง
“เป็นแผนการที่แยบยลจริงๆ ถึงขั้นต้องเสแสร้งแกล้งตาย หม่ากู่โป๋ อันที่จริงเจ้ากำลังหลบซ่อนความลับอะไรไว้ รีบสารภาพมาซะดีๆ!” ผู้อาวุโสชุดสีครามเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
เซี่ยปิงกระพริบตา “ผู้อาวุโสทุกๆคน ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เรื่องที่ข้าเสแสร้งแกล้งตาย ข้ายอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ทว่านี่ก็ไม่ได้เป็นอาชญากรรมแต่อย่างใด”
“ข้าเพียงแค่รู้สึกเบื่อหน่ายกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ทุกๆที่ต่างก็มีความขัดแย้ง ดังนั้นข้าจึงต้องการที่จะหาสถานที่เพื่อเก็บตัวบ่มเพาะเป็นการชั่วคราว พักผ่อนหย่อนใจ อยู่ไกลจากสถานที่ยุ่งวุ่นวาย นี่มันเป็นสิ่งที่ผิดอย่างนั้นรึ?”
เสแสร้ง เสแสร้งต่อไป!
กลุ่มผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสายตาที่รังเกียจ บัดซบ นี่มันคือคำพูดของบุคคลที่รู้ซึ้งทางโลก ทว่าการรู้ซึ้งทางโลกที่แท้จริงคือการไม่หมายปองผู้หญิง การไม่ต้องการกินอาหารดีๆและไม่ต้องการที่จะอยู่อาศัยในสถานที่ดีๆ ซึ่งพวกเขาไม่เชื่อว่าเจ้าบัดซบนี่จะมีความคิดเช่นนั้นจริงๆ
ตอนนี้พวกเขายิ่งรู้สึกว่าเจ้าหม่ากู่โป๋นี้กำลังซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ไว้ ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะปกปิดความจริงอยู่เช่นนี้
“หม่ากู่โป๋”
ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดหลิวเหวินได้เริ่มพูดออกมา “เจ้าคือผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงของข้า เป็นบุคคลที่มีความสามารถของนิกาย แน่นอนว่าการที่เจ้าเสแสร้งแกล้งตายไม่ใช่เรื่องสำคัญ การที่จะต้องการอยู่อย่างสันโดษก็ไม่มีใครที่จะห้ามเจ้า”
“ทว่าการที่เจ้านำลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงออกไปเป็นจำนวนมาก ทว่าตอนนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้แต่คนเดียวนั้น นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกาย ข้าจะต้องสืบสวนหาความจริงของเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นลูกศิษย์จำนวนมากของนิกายหยวนหมิงที่ตายไปก็คงจะตายตาไม่หลับ!”
“ท่านผู้อาวุโสหลิว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยปิงก็เหมือนจะเผยสีหน้าที่สิ้นหวัง “ความตายของลูกศิษย์นิกายหยวนหมิงเหล่านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับข้า พวกเขาตายไปในพายุอวกาศ ทว่าสาเหตุที่ข้ายังไม่ตายก็เป็นเพราะโชคช่วยเท่านั้น หลบหนีออกมาด้วยโชค”
เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยปิงเช่นนี้ หลิวเหวินก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก คิดว่าตนเองควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จากนั้นเขาก็แสยะออกมา “คำพูดฟังดูสวยหรู ทว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่นั้น มันก็ยากที่จะบอกได้ เจ้าควรกลับไปที่นิกายกับข้าเพื่อทำการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป แน่นอนว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเจ้าเท่านั้น”
น้ำเสียงของเขามีความหมายของการข่มขู่อยู่เช่นกัน ประกาศกับเซี่ยปิงโดยตรง ตราบใดที่ให้ความร่วมมือ ทุกๆคนก็จะมีความสุขได้ ความตายของลูกศิษย์นิกายหยวนหมิงเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคำนึงถึง จะปล่อยมันไปราวกับเป็นเพียงผายลม
ทว่าหากไม่ให้ความร่วมมือ นั่นจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจมาก หากเขาต้องการจัดการกับหม่ากู่โป๋ก็ย่อมทำได้ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุด มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัว การที่จะโยนความผิดและใส่ร้ายใครสักคนนั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เมื่อพิจารณาครู่หนึ่ง เซี่ยปิงก็ถอนหายใจออกมาและเริ่มพูดขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อท่านผู้อาวุโสหลิวเอ่ยออกมาเช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถปกปิดความจริงอะไรได้ ท่านคาดเดาถูกแล้ว ข้าค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่างในโลกแห่งนี้ เป็นการเผชิญกับโชคลาภที่ไม่เคยพบมาก่อน”