“ในที่สุดก็ออกไปกันหมด”
เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาวางแผนไว้อย่างดี ต้องการที่จะให้พวกอสูรเวิ้งว้างกับกลุ่มของนิกายหยวนหมิงและนิกายอื่นๆขัดแย้งกัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนการของเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
“สไลม์ทอง ออกมา ดูดกลืนหินห้วงมิติของสถานที่แห่งนี้มาให้หมด ขุดให้สะอาด”
เขาส่งสไลม์ทองออกมาทันที
“สไลม์!”
สไลม์ทองก็ตื่นเต้นอย่างมาก วิซ ปรากฏตัวขึ้นมา สัมผัสได้ว่าในสถานที่แห่งนี้มีอาหารดีๆมากมาย
หล่ง หล่ง หล่ง~
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยปิง มันก็หลอมรวมเข้ากับสายแร่แห่งนี้ ทั่วทั้งร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นของเหลวสีทองทันที ขยายออกไปในทุกทิศทางอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างอย่างช้าๆ
ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด หินห้วงมิติปริมาณมากก็จะหายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้
เพราะว่าไม่มีพวกอสูรเวิ้งว้างที่คอยขัดขวางอยู่ที่นี่ สไลม์ทองจึงดูดกลืนได้อย่างอิสระ ไม่ได้ถูกรบกวนใดๆ
คาดการณ์ได้ว่าตอนนี้กลุ่มของราชันอสูรเวิ้งว้างเหล่านั้นคงจะไม่ได้มีความสนใจกับเรื่องเหล่านี้ เพราะหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกมัน
“เจ้านาย หินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีถูกกลุ่มคนเหล่านั้นปล้นชิงไปแล้ว จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้รึ?”
กระทิงสีครามพูดอย่างเป็นกังวล
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา มีที่ไหนที่จะหลบหนีไปได้ง่ายๆ ปล่อยให้พวกเขาได้วิ่งเล่นเป็นการชั่วคราว” เซี่ยปิงสงบนิ่งอย่างมาก เขาได้ทิ้งประทับตราวิญญาณของตนเองไว้ในหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี ไม่ว่าหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีจะอยู่ที่ใด เขาก็สามารถรู้ได้ทันที
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นกังวลว่าหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีจะถูกศัตรูปล้นชิงไป
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กระทิงสีครามก็รู้สึกผ่อนคลายทันที
“เพียงแค่สไลม์ทองคงจะรวดเร็วไม่พอ ดูเหมือนว่าจะต้องหาผู้ช่วยเพิ่มอีก เมิงลู่เจ้าก็ออกมาเช่นกัน” เซี่ยปิงเอามือเท้าคางก่อนที่จะโบกมือออกไป ทันใดนั้นก็ได้ส่งทันเมิงลู่ออกมา
“เจ้านายที่โง่เขลา เรียกข้าออกมาทำไมกัน ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังกินอาหารอยู่?”
ทันเมิงลู่ก็จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่โมโห ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนสกปรก ในมือข้างซ้ายถือขาแกะ ส่วนมือข้างขวาถือชิ้นเนื้อ กินด้วยท่าทางที่เอร็ดอร่อยอย่างมาก
“ที่นี่มีหินห้วงมิติมากมาย เจ้าสามารถกินได้ ทว่าอย่ากลืนกินเข้าไปทั้งหมด หินห้วงมิติเหล่านี้มีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างมาก” เซี่ยปิงชี้ไปที่สายแร่ของสถานที่แห่งนี้
“หินห้วงมิติ?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ทันเมิงลู่ก็มีสายตาเป็นประกายทันที “สมกับเป็นเจ้านายจริงๆ ค้นพบสิ่งที่เอร็ดอร่อยมากมาย นี่คืออาหารชั้นเลิศ หรือว่านี่เป็นการที่พระเจ้าประทานอาหารมาให้ข้ากินอย่างหนำใจ?”
เซี่ยปิงเคาะศีรษะเล็กๆของเธอ “หินห้วงมิติเหล่านี้เป็นของข้า เจ้ากินได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าขัดคำสั่งของข้าและกินเข้าไปจนหมดล่ะก็ ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยการไม่ให้กินอาหารนานสามวัน”
“อะไรนะ?! ไม่ให้กินอาหารสามวัน เจ้าปีศาจ นี่เจ้าเป็นปีศาจหรือ?!”
ทันเมิงลู่จ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง มองเซี่ยปิงด้วยสายตาที่เหมือนกับกำลังมองปีศาจที่ชั่วร้ายก็ว่าได้ การที่ให้เทาเที่ยอดอาหารเป็นระยะเวลาสามวันนั้น นี่มันคือการทรมานประเภทใดกัน
“อย่าพูดจาเหลวไหล รีบลงมือทำงาน”
เซี่ยปิงก็จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มีสีหน้าที่ดุร้าย ดูเหมือนกับเป็นเจ้าของที่ดินในยุคสมัยโบราณก็ว่าได้ ขับไล่ข้าศึกออกไป
“บัดซบ”
ทันเมิงลู่ก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแค่ยอมเชื่อฟังเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรอาหารของตนเองก็อยู่ในกำมือของเจ้าปีศาจที่ชั่วร้ายผู้นี้
………………..
หลังจากนั้นหนึ่งวัน
ผู้อาวุโสของนิกายประตูจันทราโบราณ นิกายสวรรค์เบื้องบน นิกายหยวนหมิงและนิกายสวรรค์ชั้นฟ้าต่างก็ถูกราชันอสูรเวิ้งว้างไล่ล่าไปทั่วทั้งดินแดน เดิมทีพวกเขาก็ต้องการที่จะขับยานอวกาศหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว ทว่าก็ไม่มีโอกาส
ผู้อาวุโสจำนวนมากก็ตายไปในระหว่างการต่อสู้ ถูกพวกราชันอสูรเวิ้งว้างฉีกกลายเป็นชิ้นๆ
แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดบางคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง ฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกไป
นี่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเคียดแค้นเซี่ยปิงตัวการของเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด
ในช่วงเวลานี้ พวกเขาต่างก็หลีกเลี่ยงการไล่ล่าของราชันอสูรเวิ้งว้าง เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่ห่างไกลและทุรกันดารแห่งหนึ่ง
“อ๊ากก นี่เป็นความผิดของเจ้าอู๋ตี่ หากไม่ใช่เพราะเจ้าบัดซบนั่นที่เป็นตัวสร้างปัญหา พวกเราก็คงจะได้ครอบครองหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีมาอย่างปลอดภัยหายห่วง เดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้ไปอย่างสบายใจ ทว่าเจ้าบัดซบนั่นกลับทำให้เรื่องมันแย่ลงจนถึงขั้นนี้” ผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์เบื้องบนที่กัดฟันอย่างแน่น รู้สึกเคียดแค้นเซี่ยปิงอย่างยิ่ง
“หลังจากที่ออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้ได้ จะต้องไล่ล่าเจ้าอาชญากรนี้ ถลกหนังของเขาออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายสวรรค์เบื้องบนของพวกเราก็ตายไปด้วยเงื้อมมือของเจ้าบัดซบนี่ แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ”
ผู้อาวุโสจำนวนมากของนิกายสวรรค์เบื้องบนต่างก็เกลียดชังเจ้าอู๋ตี่
“เจ้าบัดซบอู๋ตี่ เขาคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของจักรวาล กินอิ่มทั้งวันไม่มีอะไรทำ ดังนั้นจึงทำร้ายผู้อื่นไปพร้อมกับตนเอง ทั้งชีวิตนี้ข้าและเจ้าสารเลวจะมีความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสของนิกายประตูจันทราโบราณรู้สึกเกลียดชังอย่างมาก การที่ถูกเจ้าบัดซบนี่เล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ต่อให้เป็นรูปปั้นก็ยังต้องมีอารมณ์โมโหขึ้นมา
“สบายใจได้ พวกเรานิกายที่ยิ่งใหญ่ทั้งห้า เป็นนิกายในทางเหนือของจักรวาล เป็นดั่งพี่น้องเรือนเคียง เจ้าเด็กนี่คือศัตรูของสาธารณะ หลังจากที่ได้ออกไปจากที่นี่ จะต้องใช้พลังอำนาจและอิทธิพลทั้งหมดในการออกตามล่าเขาอย่างแน่นอน”
ผู้ที่เอ่ยออกมานี้ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดหลิวเหวินของนิกายหยวนหมิง ในช่วงเวลานี้สถานการณ์ของเขาไม่ได้สู้ดีนัก เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่ถือครองหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี เป็นผู้ที่กลุ่มราชันอสูรเวิ้งว้างเพ่งเล็งเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ทั่วทั้งร่างกายของเขาต่างก็เต็มไปด้วยบาดแผล กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง
โชคดีที่เขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านทักษะการเอาตัวรอด มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ประเภทป้องกันที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงเอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเราก็ได้รับการเก็บเกี่ยวมามาก ครอบครองหินห้วงมิติเป็นจำนวนมหาศาลรวมถึงหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีเช่นกัน หลังจากนี้ มันเพียงพอที่จะชดเชยให้กับความสูญเสียทั้งหมดของพวกเราได้ ข้าจะไม่เอาเปรียบทุกๆคน รับรองได้ว่าทุกๆคนจะได้รับส่วนแบ่งอย่างยุติธรรม”
หลิวเหวินตบหน้าอกของตนเอง มีท่าทางของการเป็นพี่ใหญ่ที่แบกรับความรับผิดชอบไว้
“ออกไป? พวกเราจะออกไปได้อย่างไร? การที่ถูกพวกราชันอสูรเวิ้งว้างไล่ล่าเช่นนี้ ต่อให้จะหลบหนีไปถึงอีกฟากหนึ่งของโลกก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีออกไป ไม่มีเส้นทางให้หลบหนี”
ผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์เบื้องบนที่พูดออกมาอย่างอับจนหนทาง
“นี่ไม่ใช่ปัญหา ข้ารายงานสำนักงานใหญ่แล้ว ภายในเวลาครึ่งวัน พวกเขาจะส่งกองกำลังของยอดฝีมือมาที่นี่ นำยานอวกาศมานับไม่ถ้วน มีพลังอำนาจมากพอที่จะนำพวกเรากลับไปได้อย่างปลอดภัย”
หลิวเหวินมั่นใจอย่างมาก
“ไม่คาดคิดว่าจะรายงานสำนักงานใหญ่ มีเพียงแค่นิกายหยวนหมิงของพวกเจ้าเท่านั้นที่จะมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว นิกายของพวกเราต่างก็อยู่ห่างจากที่นี่เกินไป ไม่มีทางที่จะเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างเร่งด่วน”
ผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์เบื้องบนและนิกายอื่นๆก็ส่ายหัว นิกายของพวกเขาอยู่ห่างจากที่นี่เกินไป ต่อให้จะมีกำลังเสริมที่มาถึง ก็ยังต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน เรียกได้ว่าเป็นเวลาที่ยาวนานเกินไป
“แปลกจริงๆ ผู้อาวุโสหม่าหายไปไหนกัน?”
บางคนที่เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นหม่ากู่โป๋ได้
“นี่ก็ไม่แน่ชัด เป็นไปได้ว่าอาจจะแยกตัวหลบหนีออกไป เพราะว่าถึงอย่างไรสถานการณ์ที่โกลาหลเช่นนั้น ใครกันที่จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขา” ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ส่ายหัว เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
เพราะถึงอย่างไรหม่ากู่โป๋ก็เป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสในระดับกฎเทวรูปเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม ไม่ได้มีใครที่คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของเขา
“พักผ่อนกันก่อนเถอะ ฟื้นฟูพลังอำนาจ รอให้ถึงเวลาที่จะฝ่าทะลวงออกไป หลบหนีออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้”
หลิวเหวินเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม
ผู้คนก็พยักหน้า
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นก็มีเสียงฉีกอากาศที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉีกผ่านห้วงอวกาศ พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้อนอิฐก็กระแทกเข้าไปที่หน้าผากของหลิวเหวินอย่างรุนแรง
“อ๊าก!” เสียงร้องที่น่าสมเพชดังขึ้นมา หลิวเหวินก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็เริ่มมองเห็นดวงดาวที่หมุนอยู่บนศีรษะ ดวงตาพร่ามัว ฟองไหลออกมาจากปาก จากนั้นก็หมดสติไปเช่นนี้
“ใครกัน?!”
ผู้คนก็สะดุ้งตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีบางคนที่หลบซ่อนไปจากการสัมผัสของพวกเขาได้ จากนั้นก็ฉวยโอกาสขว้างอิฐใส่ผู้อาวุโสหลิวจนหมดสติไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา