“ไม่ใช่ว่าต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนรึ?”
เซี่ยปิงถามขึ้นมา
“เดิมทีข้าก็คิดเช่นนั้น ทว่าวัสดุเหล่านี้ใช้งานง่ายมากและครั้งนี้ก็ยังได้ครอบครองหินห้วงมิติมามากมาย นอกจากนี้ข้าก็มีแรงบันดาลใจขึ้นมา ส่งผลให้ความสามารถในการซ่อมแซมพัฒนาขึ้นมาอย่างมากและทำให้กระบวนการซ่อมแซมสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”
แมวนักปราชญ์ก็พูดอย่างภาคภูมิใจในตนเอง บ่งบอกว่านี่คือคุณงามความดีของมัน
“ตอนนี้ยานดาราจักรอยู่ที่ใด?”
เซี่ยปิงก็แทบทนไม่ไหวที่จะเห็นสภาพของยานดาราจักรในตอนนี้ เพราะว่าถึงอย่างไร นี่ก็เป็นยานพาหนะส่วนตัวในอนาคตของเขา
“อยู่นี่”
แมวนักปราชญ์ก็โบกมือออกไป ทันใดนั้นยานอวกาศสีดำก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเซี่ยปิงในทันที มันมีรูปลักษณ์ที่โค้งมนสายงาม ดูทันสมัยอย่างมาก ทั่วทั้งตัวของมันมีออร่าที่ศักดิ์สิทธิ์และลึกลับแผ่ออกมา
ในความเป็นจริง ยานดาราจักรถูกสร้างขึ้นมาโดยเซนต์ ใช้วัสดุที่ล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงถือว่าสิ่งประดิษฐ์เซนต์
“เซี่ยปิง เจ้าควรจะรู้ไว้อย่างหนึ่ง นี่คือยานดาราจักรในสภาวะสูงสุด!”
แมวนักปราชญ์ก็ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด แนะนำยานดาราจักรออกไปทันที
อันดับแรก ยานดาราจักรในตอนนี้มีความเร็วที่มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า เมื่อใดที่เร่งความเร็วเต็มกำลัง ต่อให้เป็นเซนต์ทั่วๆไปที่ต้องการไล่ล่า ก็ไม่สามารถที่จะไล่ตามได้ทัน มีความเร็วที่เหนือยิ่งกว่าความเร็วแสง
จากนั้นก็ความสามารถในการป้องกันที่ได้รับการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ รูพุพังและร่องรอยความเสียหายก่อนหน้านี้ได้ถูกซ่อมแซมไปทั้งหมด กลับคืนสู่สภาวะสมบูรณ์
คาดการณ์ได้ว่าต่อให้จะเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงของเซนต์ปกติทั่วไป ในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่สามารถที่จะทำให้ยานอวกาศลำนี้เสียหายได้
“ร้ายกาจ”
เซี่ยปิงก็พึงพอใจอย่างมาก เรียกได้ว่าเพียงแค่ความเร็วและพลังป้องกันของยานอวกาศที่เพิ่มขึ้นมานี้ มันก็คุ้มค่ากับวัสดุที่ล้ำค่าและหายากมากมายที่เขาได้เสียไป
การที่มียานอวกาศลำนี้ ตราบใดที่ไม่ได้ท้าทายศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด จะสามารถโลดแล่นไปในจักรวาลได้อย่างอิสระ
“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ความสามารถส่วนหนึ่งของยานดาราจักรในสภาวะสมบูรณ์ สาเหตุที่ยานอวกาศลำนี้ทรงพลังอย่างยิ่งและถือว่าเป็นสมบัติระดับสุดยอดของเจ้านายเก่าของข้าเป็นเพราะความสามารถหลักๆอยู่สองอย่างด้วยกัน”
แมวนักปราชญ์ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว
เซี่ยปิงกระพริบตา ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“อันดับแรกคือความสามารถในการเอาตัวรอด”
แมวนักปราชญ์พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “มันสามารถเคลื่อนย้ายข้ามห้วงมิติ หลบหนีออกไปไกลหลายร้อยล้านปีแสงได้ภายในพริบตาเดียว แม้แต่เซนต์ก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทัน นี่คือความสามารถในการเอาตัวรอดที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด”
“โอ้อวดคุยโว โอ้อวดคุยโวต่อไป หากมันร้ายกาจเช่นนั้นจริงๆ ทำไมเซนต์ดาราจักรถึงได้เสียชีวิตไป?”
กระทิงสีครามก็พูดออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“เจ้าวัวโง่ หากเจ้าไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้!”
เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ แมวนักปราชญ์ก็โมโหจนเจียนตาย ต้องการที่จะเย็บปากของเจ้ากระทิงสีครามนี้ด้วยจักรเย็บผ้า มันกัดฟันพูดออกมา “สาเหตุที่เจ้านายเก่าของข้าตายไป เป็นเพราะว่าความสามารถนี้ก็มีข้อเสียที่ยิ่งใหญ่อยู่เหมือนกัน หลังจากที่ใช้ครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งพันปีในการฟื้นฟูความสามารถกลับมา”
“เดิมทีในช่วงเวลาที่เจ้านายเก่าหลบหนีจากการไล่ล่า เขาก็ได้ใช้ความสามารถนี้ไปหนึ่งครั้งแล้ว ภายในระยะเวลาหนึ่งพันปีจึงไม่สามารถใช้เป็นครั้งที่สองได้ ทว่าเมื่อถูกศัตรูโจมตีอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ท้ายที่สุดจึงไม่สามารถหลบหนีออกไปได้”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เซี่ยปิงก็เข้าใจได้อย่างกะทันหัน นี่เป็นข้อเสียที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ทว่ามันก็ไม่ได้ถือว่าหนักหนามากนัก การที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ต่อให้จะใช้ระยะเวลานานในการฟื้นฟู มันก็ยังคงคุ้มค่า
“ความสามารถที่สองคือความสามารถประเภทโจมตี”
แมวนักปราชญ์ก็พูดแนะนำระบบการทำงานของยานดาราจักรต่อไป “ปืนใหญ่ทั้งหมดรวมถึงระบบการโจมตีของยานดาราจักรต่างก็ถูกซ่อมแซมขึ้นมาทั้งหมด ปืนใหญ่เหล่านี้ต่างก็เป็นปืนใหญ่แสงดาวที่เลื่องลือของนิกายประตูแห่งดวงดาว”
“บนยานดาราจักรมีปืนใหญ่แสงดาวนี้กว่าหนึ่งหมื่นกระบอก หากยิงมันออกไปพร้อมๆกัน จะสามารถยิงกระหน่ำปืนใหญ่แสงดาวกว่าหนึ่งหมื่นกระบอกได้ทันที จะสามารถทำลายดาวเคราะห์จำนวนนับไม่ถ้วนได้ในพริบตา”
“แน่นอนว่าปืนใหญ่แสงดาวก็มีข้อเสียอีกเช่นกัน นั่นคือมันจำเป็นต้องดูดกลืนพลังงานของดวงดาว เมื่อใดที่พลังงานนี้หมดไป ก็จะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่จะเติมเต็มใหม่ได้”
ปืนใหญ่แสงดาว!
เซี่ยปิงก็มีสายตาเป็นประกายทันที เขาตั้งตารอระบบการโจมตีของยานดาราจักรมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตอนนี้ในที่สุดแมวนักปราชญ์ก็สามารถฟื้นฟูปืนใหญ่แสงดาวขึ้นมาได้
คาดการณ์ได้ว่าในอนาคต เพียงแค่พึ่งพายานอวกาศลำนี้ อำนาจการยิงของเขาก็เทียบเท่าได้กับกองเรือรบ
“หึหึ จำเป็นต้องดูดกลืนพลังงาน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นตัวดูดกลืนพลังงานที่มหาศาล หากปราศจากพลังงานของดวงดาว มันก็เป็นเพียงแค่โรงศพขนาดใหญ่เท่านั้น” กระทิงสีครามก็พูดจาดูถูกถากถางออกมา จี้ปมของแมวนักปราชญ์โดยตรง
“ผายลม จะบอกว่าลูกปัดพิภพของเจ้าไม่ต้องดูดกลืนพลังงานอย่างนั้นรึ?!”
แมวนักปราชญ์มีอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างมาก “ยานดาราจักรมีระบบดึงดูดพลังงานดวงดาวเข้ามาโดยอัตโนมัติ ต่อให้จะใช้พลังงานที่เก็บสะสมในยานอวกาศไปจนหมด ตราบใดที่มีระยะเวลาเพียงพอ มันก็สามารถที่จะฟื้นฟูพลังงานขึ้นมาใหม่ได้ อีกทั้งหากสามารถหาหินดวงดาวมาได้มากมาย ก็ไม่จำเป็นต้องดึงดูดพลังงานดวงดาวมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่าอีก สามารถที่จะใช้พลังงานของมันได้โดยตรง”
“พูดไปพูดมา มันก็เหมือนจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทอง เป็นสิ่งที่อาจจะทำให้ล้มละลายได้”
กระทิงสีครามก็พูดอย่างดูถูก “มีที่ไหนที่ยานอวกาศพุพังเช่นนี้จะเทียบได้กับลูกปัดพิภพของข้า นี่คือแม่ไก่ทองคำ สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับเจ้านาย เห็นได้ชัดว่ามีผลประโยชน์ต่อเจ้านายมากกว่า”
“ผายลม!”
แมวนักปราชญ์กัดฟันพูดออกมา “เป็นแม่ไก่ทองคำแล้วอย่างไร หากเผชิญกับอันตรายแล้วจะมีประโยชน์อันใดหรือ? ในช่วงเวลาวิกฤติ การที่มียานดาราจักรอยู่ ต่อให้จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวล”
“ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพายานดาราจักร เพียงแค่ลูกปัดพิภพก็เพียงพอ การที่มียานพุพังเช่นนี้ มันเป็นเพียงการวาดงูเติมขา”
กระทิงสีครามก็ปฏิเสธที่จะน้อยหน้า
จากนั้นทั้งสองก็เหน็บแนมกันไปมา ปฏิเสธที่จะยอมรับอีกฝ่าย
ท้ายที่สุดเซี่ยปิงก็ต้องเข้าไปห้ามปราบทั้งสอง การโต้เถียงจึงหยุดลงได้
ทว่าสำหรับเขา การที่มีสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ระดับสิ่งประดิษฐ์เซนต์ทั้งสองนี้ มันก็ทำให้เขาทรงพลังมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหนก็มีส่วนช่วยเขาได้อย่างมหาศาล
วิซ!
ในตอนนี้ ภาพเงาได้กระพริบขึ้นมา ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเซี่ยปิง นี่คือลูน่าตัวน้อยที่สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำ เธอกำลังกระพริบตากลมโตอย่างใสซื่อ
“เจ้านาย หิว”
ลูน่าเอ่ยกับเซี่ยปิงสั้นๆ
“หิวรึ?!”
เซี่ยปิงก็เอามือเท้าคาง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความต้องการในส่วนลึกจิตใจของลูน่า มันไม่ใช่เป็นความหิวโหยของร่างกาย ทว่าเป็นความกระหายจากความรู้สึกลึกๆ นี่คือความต้องการในการเพิ่มทาสรับใช้ของตนเอง
ในความเป็นจริง นี่ก็คือความปรารถนาสูงสุดของอสูรซากศพที่อยู่ลึกภายในยีน เป็นสัญชาตญาณของการขยายชาติพันธุ์ของตนเองอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างพลังอำนาจให้กับตนเอง นี่ก็เป็นเหมือนกับราชินีมดก็ว่าได้ แต่เป็นเพราะว่าเซี่ยปิงยับยั้งไว้ เธอจึงต้องยับยั้งสัญชาตญาณของตนเอง
ทว่าตอนนี้ก็เหมือนจะไม่สามารถยับยั้งได้อีก ดังนั้นจึงได้ออกมาแสดงความต้องการของตนเอง
“ประจวบเหมาะจริงๆ ตอนนี้ควรจะหานักวิทยายุทธของดาวหยานหวงมาได้มากมาย เจ้าสามารถเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นทาสรับใช้ของเจ้าได้”
เซี่ยปิงก็พูดกับลูน่า จากนั้นก็กลับไปรายงานพ่อของตนเองทันที บอกให้รวบรวมนักวิทยายุทธมนุษย์ที่ต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นมา ให้รวมตัวกันที่ดาวหยานหวงทั้งหมด
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
ในเวลานี้ อย่างน้อยลูน่าก็มีทาสรับใช้เพิ่มขึ้นกว่า50ล้านคน กลุ่มของมนุษย์ดาวหยานหวงเหล่านี้ต่างก็มีสายเลือดของอสูรซากศพที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ภายในร่างกายแอบแฝงไปด้วยเจตจำนงของการกลืนกินที่แรงกล้า
นอกจากนี้ พวกเขาก็สามารถที่จะพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องผ่านการกลืนกินอาหารและดูดซับพลังงาน
แน่นอนว่ายิ่งกลุ่มคนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน ลูน่าก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น นี่คือกลุ่มชาติพันธุ์ของเธอ เหมือนกับเป็นร่างกายเดียวกัน
ทว่าราชันมนุษย์เหล่านี้ก็ถูกส่งออกไปในพื้นที่ต่างๆของจักรวาลโดยเซี่ยปิง ให้พวกเขาออกหาประสบการณ์ในจักรวาล เชื่อว่าตราบใดที่พวกเขาไม่ตาย จะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แกนพลังฉีก็จะพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
บางทีหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เขาก็อาจจะมีกองทัพที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ในการครอบครอง
ในเวลาเดียวกัน ในระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ เซี่ยปิงก็ได้เดินทางไปที่เขตพื้นที่ต้องห้ามของพายุและเข้าไปที่ช่องทางที่ปลอดภัยนั้น จากนั้นก็ใช้ค่ายกลปกปิดมันเป็นการชั่วคราว เชื่อว่าในอนาคต นอกจากตัวเขาแล้ว จะไม่มีใครที่สามารถผ่านช่องทางนี้มาได้
หากเป็นเช่นนั้น ดาวหยานหวงก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ดิ้ง ดิ้ง!!
ในตอนนี้ เซี่ยปิงก็ได้รับการติดต่อจากทู่หลิงหลงอย่างกะทันหัน