ตอนที่ 1824
ณ คฤหาสน์ของจ้าวเมืองในเมืองมรกต
ในเวลานี้ ราชันปีศาจจํานวนมากได้มารวมตัวกัน พลังฉีปีศาจทะยานขึ้นสวรรค์ ทว่าผู้นําของกลุ่มปีศาจเหล่านี้ก็คือจ้าวเมืองของเมืองมรกต! นี่คือปีศาจในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าขั้นสูงสุด มีระดับพลังที่น่าสะพรึงกลัวและไร้ขอบเขต
ปีศาจจํานวนมากต่างก็สามารถสัมผัสถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวของจ้าวเมืองมรกต เป็นออร่าที่เอ่อล้นออกมาจนเกือบจะท่วมท้น เหมือนกับว่าหากเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้จะต้องเผชิญกับอํานาจสายฟ้าฟาดที่น่าสะพรึงกลัว
“ฮ่าฮ่า ท่านจ้าวเมือง ว่ากันว่าเจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงผู้ที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายและสวรรค์นั่นได้ถูกสังหารไปแล้ว อีกทั้งศีรษะของมันก็ยังถูกนําไปแขวนไว้ที่หน้าประตูคฤหาสน์ เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ช่างเป็นการกระทําที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินข่าวดีเช่นนี้ในช่วงเช้าตรู่ของวัน ช่างเป็นข่าวที่ทําให้อารมณ์ดีขึ้นมาจริงๆ”
ปีศาจตัวหนึ่งที่หัวเราะออกมา มีความสุขกับความทุกข์ของผู้อื่น เห็นได้ชัดว่ามันกับปีศาจชราเฮยเฟิงมีความบาดหมางที่ลึกซึ้งต่อกัน
“ใช่ไหม? เจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงนั่นเป็นเพียงแค่ราชันปีศาจในระดับกฏเทวรูปขั้นสูงสุด ทว่าพึ่งพาการที่ตนเองเป็นผู้ปกครองของเรือนหมื่นปีศาจสาขาเมืองมรกต มีเรือนปีศาจหนุนหลังอยู่ ดังนั้นจึงได้อาละวาดในเมืองมรกตของพวกเราอย่างเผด็จการ ไม่สนใจใครทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าแย่งชิงผลประโยชน์ของพวกเราไปมากแค่ไหน ทว่าพวกเราก็ไม่สามารถจัดการอะไรกับมันได้ ช่างบัดซบเหลือเกิน”
ปีศาจตัวหนึ่งที่กัดฟันอย่างแน่น ตั้งแต่ที่เจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงปรากฏตัวขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ ผลประโยชน์ของเมืองมรกตก็ไม่รู้ได้ว่ารับผลกระทบมากแค่ไหน ทว่าพวกมันก็เกรงกลัวพลังอํานาจและอิทธิพลของเรือนหมื่นปีศาจ ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือทําสิ่งใด
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เรือนหมื่นปีศาจก็ได้กลายเป็นเนื้อมะเร็งร้ายของเมืองมรกตแห่งนี้
“โชคดีที่ความยุติธรรมได้บังเกิดโดยพระเจ้าแล้ว ทําให้เจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงเจอเข้ากับตอแข็งอีกทั้งก็ยังถูกสังหารไปโดยตรง ตอนนี้เมืองมรกตสว่างสดใสขึ้นมาก ไม่มีใครที่กล้าต่อกรกับพวกเราปีศาจอีก สามารถที่จะปกครองเมืองมรกตได้อีกครั้ง”
ปีศาจจํานวนมากก็เผยรอยยิ้มออกมา รู้สึกปริ้มเปรมกันอย่างมาก
“ทว่าอันที่จริงเจ้าปีศาจที่สังหารปีศาจชราเฮยเฟิงมีภูมิหลังเป็นอย่างไรกัน? ไม่ใช่ว่านี่เป็นการขับไล่หมาป่า แต่ทว่ามีพยัคฆ์ดุร้ายที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาแทนที่ใช่หรือไม่? นั่นจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าได้สืบสวนเรื่องนี้มาแล้ว เจ้าเด็กนั่นมีนามว่าอู๋ไท่โต่ว ดูเหมือนว่าจะเป็นปีศาจที่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ ทว่ากลับเดินทางมาที่เมืองมรกตแห่งนี้เพียงลําพัง ไม่ได้นํากลุ่มอิทธิพลของตนเองมาด้วย”
“อืม ก็พอเข้าใจได้ ในเมื่อกล้าสังหารผู้ปกครองของเรือนหมื่นปีศาจ บางทีก็อาจจะมีภูมิหลังที่ไม่ได้ธรรมดา ไม่อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแบกรับความกดดันจากเรือนหมื่นปีศาจ ข้าหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะกัดกินกันเอง”
เมื่อปีศาจจํานวนมากได้ยินมาว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วไม่ได้นํากลุ่มอิทธิพลของตนเองเข้ามา พวกมันก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก หากมีกลุ่มอิทธิพลที่ทรงอํานาจยิ่งกว่าเรือนหมื่นปีศาจเข้ามาอีกล่ะก็พวกมันก็คงจะรู้สึกหดหู่ไม่น้อย
ไม่มีใครต้องการให้มีเผด็จการมากมายดํารงอยู่ร่วมกัน ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งในทุกหนแห่ง
“เดี๋ยวก่อน การที่เข้ามาในเมืองมรกตในเวลานี้และมีพลังอํานาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หรือว่าเจ้านั่นจะเข้ามาเพื่อแมลงหลุมดํา?” ปีศาจตัวหนึ่งที่มีสายตาเป็นประกาย บอกถึงการคาดเดาของตนเอง
“พูดถูก ปีศาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเข้ามาในเมืองเล็กๆอย่างเมืองมรกตโดยที่ไร้เหตุผล ปกติแล้วมีแต่จะเข้าไปในเมืองขนาดใหญ่เท่านั้น การที่สามารถดึงดูดปีศาจเช่นนี้เข้ามาที่นี่ได้ นอกจากแมลงหลุมดําแล้วนั้น ข้าก็มองไม่เห็นความเป็นไปได้อื่นๆ”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็มีคู่แข่งที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง”
“อืม นี่ก็เป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน ผู้ที่สามารถสังหารเจ้าเฮยเฟิงได้อย่างไร้เสียงไร้ร่องรอยเช่นนี้ พลังอํานาจของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
“ พูดถูก การเอาชนะเจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงอาจจะเป็นเรื่องง่าย ทว่าการสังหารมันนั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ”
ปีศาจจํานวนมากก็คาดเดาเป้าหมายของอู๋ไท่โต่วในการมาเยือนเมืองมรกตในครั้งนี้
ทันใดนั้นจ้าวเมืองมรกตก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าตัดสินใจที่จะเชิญชวนเจ้าอู๋ไท่โต่วนมาเข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา ออกตามหาแมลงหลุมดําด้วยกัน ก้าวหน้าถอยหลังไปด้วยกัน”
“อะไรนะ? ท่านจ้าวเมือง ข้าคิดว่านี้ไม่เหมาะสมนัก พวกเรายังไม่รู้ว่าเจ้าปีศาจอู๋ไท่โต่วนั้นมีภูมิหลังเป็นอย่างไร มีต้นกําเนิดมาจากไหน เป็นไปได้อย่างไรที่จะให้เข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา จะทําอย่างไรหากเขาเป็นสายลับ จะทําอย่างไรหากเขาทรยศหักหลังพวกเราขึ้นมา พวกเราอาจจะรับมือกับผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ได้”
มีปีศาจตัวหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย
“ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม
จ้าวเมืองมรกตกวักมือ “ในโลกนี้หากไม่ใช่ศัตรูก็คือมิตร ในช่วงเวลาที่เป็นกลางอยู่นี้ หากไม่ใช้โอกาสนี้ในการทาบทามปีศาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาร่วมด้วย จะรอทาบทามฝ่ายตรงข้ามในช่วงเวลาที่แมลงหลุมดําปรากฏขึ้นมาหรือ ในตอนนั้นมันจะมีเวลาเพียงพอหรือ?”
“ยิ่งไปกว่านั้นขาวที่แมลงหลุมดําจะปรากฏตัวขึ้นมาก็แพร่กระจายออกไปกว้างไกล เมืองใบหลิวขจี เมืองกล้วยไม้ เมืองกุหลาบและเมืองอื่นๆ รวมถึงกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่อย่างตําหนักปีศาจจิ้งจอก เรือนหมื่นปีศาจ ประตูเงาโลหิตและกลุ่มอิทธิพลอื่นๆก็ต้องเคลื่อนไหวออกมาเช่นกัน”
“ภายใต้กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ พวกเราเมืองมรกตเป็นเพียงแค่มดขนาดใหญ่เท่านั้น ไม่มีความได้เปรียบเหนือผู้อื่นแม้แต่น้อย เมื่อถึงเวลานั้นบางทีก็อาจจะไม่สามารถมองเห็นแม้กระทั่งเงาของแมลงหลุมดําด้วยซ้ำ”
ปีศาจจํานวนมากก็เงียบไปทันที เป็นจริงอย่างที่ว่า เทียบกับกลุ่มอิทธิพลเหล่านั้น พลังอํานาจของพวกมันเมืองมรกตก็เรียกได้ว่าอ่อนแอที่สุด ไม่มีความได้เปรียบแม้แต่น้อย
“สําหรับที่ว่าเจ้าปีศาจนั่นจะมีเจตนาอื่นใดแอบแฝงหรือไม่ ข้าคิดว่านี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะถึงอย่างไรเมืองมรกตของพวกเราก็เป็นเพียงเมืองเล็กๆ หากมีเป้าหมายอะไรอื่นล่ะก็ การที่จะเดินทางไปที่เมืองขนาดใหญ่ก็ย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ?”
จ้าวเมืองมรกตพูดอย่างต่อเนื่อง “สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นก็คือปัจจัยที่ไม่เสถียรเช่นนี้ แทนที่จะวางไว้ข้างนอก ไม่รู้ว่าเขาจะทําอะไรนั้น เหตุใดพวกเราไม่นําเขามาไว้ข้างกายเพื่อจับตาดูเขาไว้ตลอดเวลา นั่นมันจะไม่ปลอดภัยกว่าหรือ? ภายใต้การจับตาดูของพวกเจ้า เขาจะสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้อย่างนั้นรึ?”
“ท่านจ้าวเมืองพูดถูกแล้ว สมกับที่เป็นท่านจ้าวเมือง ช่างมองการณ์ไกลยิ่งนัก”
ปีศาจจํานวนมากก็ชื่นชมนับถือ ไม่มีอะไรที่จะคัดค้านอีก
“เยี่ยมมาก ข้าจะเดินทางไปด้วยตนเอง เชื้อเชิญให้เจ้าปีศาจนี่เข้าร่วมกับพวกเรา”
จ้าวเมื่อมรกตพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
อะไรนะ?!
ปีศาจจํานวนมากก็สะดุ้งตกใจ ไม่คาดคิดว่าท่านจ้าวเมืองจะเดินทางไปเพื่อเชื้อเชิญเจ้าอู๋ไท่โต่วด้วยตนเอง อันที่จริงนี้เป็นการให้เกียรติขนาดไหน พวกมันไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ท่านจ้าวเมืองไม่ได้ออกไปพบปะรับแขก
ทว่าเมื่อคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นปีศาจแข็งแกร่งที่สังหารปีศาจชราเฮยเฟิงได้นั้น นั่นก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้ท่านจ้าวเมืองเดินทางไปพบปะด้วยตนเองจริงๆ
ในช่วงเวลานี้ ณ คฤหาสน์หลังหนึ่ง
ทู่หลิงหลงและชิงหลวนทั้งสองก็ล่วงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พวกเธอต่างก็มีสีหน้าที่มืดมน ไม่คาดคิดว่าตนเองที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจะได้รับข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้ เจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงผู้ปกครองของเรือนหมื่นปีศาจถูกสังหารไปโดยเซี่ยปิง ยิ่งไปกว่านั้นศีรษะของมันก็ถูกแขวนไว้ที่หน้าประตูคฤหาสน์ เป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างมาก
“เซี่ยปิงเจ้ามนุษย์บัดซบ เจ้าต้องการจะทําอะไรกัน รู้หรือไม่ว่าพวกเราต้องจะต้องเก็บสถานะไว้เป็นความลับ เก็บเป็นความลับ เจ้ารู้หรือไม่?”
ทู่หลิงหลงก็กัดฟันอย่างแน่น จ้องมองเซี่ยปิงอย่างโมโห “พวกเราเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ในฐานะผู้อยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย หากถูกค้นพบโดยปีศาจอื่นๆ นั่นคือความตาย จะถูกโจมตีจากรอบทิศอย่างแน่นอน ปีศาจจํานวนนับไม่ถ้วนจะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับเรา ถาโถมกันเข้ามา”
“ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ ต่อให้เจ้าจะไม่ทําอะไรอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะสร้างปัญหาที่ใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมา สังหารแม้กระทั่งผู้ปกครองของเรือนหมื่นปีศาจ ทีนี้จะทําอย่างไรต่อไป เรือนหมื่นปีศาจจะต้องออกมาล้างแค้นเจ้าอย่างแน่นอน”
เธอโมโหจนเจียนตาย ปรารถนาที่จะกัดเซี่ยปิงเจ้าราชันแห่งความหายนะนี้จนตาย ไม่คาดคิดว่าจะก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาโดยที่ไม่ปรึกษาพวกเธอแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องกังวลไป เรือนหมื่นปีศาจเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ กลุ่มอิทธิพลเช่นนี้มีลําดับสั่งการเป็นชั้นๆ มีขั้นตอนยืดยาว การตัดสินใจจึงเชื่องช้า เมื่อพวกมันตัดสินใจได้ พวกเราก็คงจะออกจากโลกปีศาจไปแล้ว มีที่ไหนที่จะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของเรือนหมื่นปีศาจได้”
เซี่ยปิงกวักมือ “ยิ่งไปกว่านั้นที่ข้าทําลงไปก็เป็นเพราะมีเป้าหมายอยู่ มันจะมีผลประโยชน์อย่างมากกับการที่พวกเราจะครอบครองแมลงหลุมดํามา”
“การสังหารเจ้าปีศาจชราเฮยเฟิงมีผลประโยชน์อะไรต่อการครอบครองแมลงหลุมดํากัน เห็นได้ชัดว่าบุคคลบัดซบอย่างเจ้า…”
ทู่หลิงหลงต้องการจะกระโดดไปกัดเขา
ทว่าไม่ทันรอให้เธอพูดจบ เซี่ยปิงก็ยิ้มและพูดแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน “มาแล้ว ดูเหมือนว่าแขกของพวกเราจะมาถึงแล้ว”