God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ – ตอนที่ 1199

ในช่วงเวลานี้ นักวิทยายุทธจากนอกจักรวาลแต่ละคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในมุมต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วข่าวนี้ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินไป ไม่ว่าใครก็สามารถล่วงรู้ได้

อู๋ไท่โต่วได้กลายเป็นอาชญากรที่มีรางวัลค่าหัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปโลหิตวิญญาณ อาจเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรหมายเลขหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าฉางซื่อเซิงและคนอื่นๆนั้นโมโหเซี่ยปิงแค่ไหน

“แม่เจ้า ไม่คาดคิดว่าจะมีใครบางคนที่ได้ครอบครองหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนมาจากชนเผ่าวิญญาณ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ท้ายที่สุดแล้วหินวิญญาณเหล่านี้มีมูลค่าเท่าไหร่กัน?”

บางคนที่พูดออกมา หลังจากที่ได้รับข่าวนี้ เขาก็มีอาการตกใจอย่างมาก หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่กัน เขาไม่รู้ว่าจะทำการคำนวณพวกมันอย่างไร

คาดการณ์ได้ว่าต่อให้เขาจะทำงานหนักไปทั้งชีวิตก็คงจะไม่ได้รับเงินในจำนวนนี้มา ทว่าตอนนี้กลับมีคนๆหนึ่งที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย

“ใช่ เป็นตัวเลขที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก หากนำหินวิญญาณเหล่านี้ไปขายในจักรวาล จะได้ครอบครองความมั่งคั่งอย่างมหาศาล เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายไปนับสิบชาติ จะสามารถซื้อทรัพยากรในการบ่มเพาะจนพัฒนาไปถึงจุดที่ไม่สามารถคาดฝันได้”

“ข้าก็ได้รับข่าวนี้เช่นนี้ ว่ากันว่าผู้ที่กระทำเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้นั้นมีชื่อว่าอู๋ไท่โต่ว ทว่าอันที่จริงไม่รู้ว่าเขานั้นมีสถานะเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าเป็นนักบ่มเพาะอิสระหรือว่าเป็นลูกศิษย์ของนิกายระดับเซนต์”

“ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่ได้ครอบครองหินวิญญาณมากว่าสามแสนก้อนเท่านั้น ได้ยินมาว่าเขาก็ได้ลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณสาขาหลักและสามารถที่จะขโมยทักษะลับข้างในศิลาจารึกได้จนสำเร็จเช่นกัน นี่มันเป็นโชคลาภที่มหาศาลจริงๆ”

กลุ่มของผู้คนที่รู้สึกอิจฉาตาร้อน พวกเขานั้นปรารถนาที่จะสลับตนเองกับอู๋ไท่โต่ว การที่ได้ครอบครองหินวิญญาณในจำนวนกว่าสามแสนก้อนนั้น แม้แต่ในทั้งชีวิตนี้พวกเขาก็ไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าตนเองจะได้รับความมั่งมั่งในจำนวนมากเช่นนี้

ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้นั้น แต่ละคนต่างก็มีดวงตาที่แดงก่ำ

“บัดซบ กลุ่มผู้คุ้มกันของชนเผ่าวิญญาณนั้นเป็นกลุ่มคนสติปัญญาเสื่อมอย่างนั้นหรือ? ไม่คาดคิดว่าจะปล่อยให้เจ้านั่นผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ ทำเหมือนกับว่าสำนักวิญญาณเป็นบ้านของตนเอง หากข้าลองทำเช่นกัน บางทีอาจจะสามารถลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณและปล้นชิงทรัพย์สินมาได้อย่างมหาศาล ร่ำรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว”

บางคนที่เผยสายตาที่ละโมบออกมา ต้องการที่จะเลียนแบบการกระทำของอู๋ไท่โต่ว ลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณและปล้นชิงทรัพย์สินข้างใน

“เจ้าโง่ หากมันเรียบง่ายเช่นนั้น สำนักวิญญาณก็คงจะล่มสลายไปนานแล้ว มีที่ไหนที่จะอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งก็เคยมีผู้คนจำนวนมากที่มีความคิดแบบเจ้า ทว่าพวกเขาทั้งหมดก็ได้ตายไป”

บางคนที่พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม คิดว่านี่เป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง เขาได้ฟังคำเตือนของศิษย์พี่จำนวนนับไม่ถ้วน บอกว่าห้ามคิดที่จะลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องเผชิญกับความตายอย่างแน่นอน

เดิมทีเพียงแค่การเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นก็เป็นเรื่องที่อันตรายมากแล้ว การที่ต้องการจะแอบลักลอบเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของศัตรูนั้น นี่ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?

“ถึงแม้ว่าการแอบลักลอบเข้าไปในสำนักวิญญาณนั้นจะเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลาอย่างมากและไม่สามารถที่จะทำได้ ทว่าหากพวกเราหาตัวเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นและสังหารเจ้านั่น จากนั้นก็จะสามารถครอบครองหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนมาได้ไม่ใช่หรือ?”

บางคนที่เผยสายตาที่โหดเหี้ยมออกมา สำหรับสำนักวิญญาณสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไป ทว่าสำหรับเจ้าอู๋ไท่โต่วที่อยู่เพียงลำพังนั้น การจัดการกับเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายกว่ามาก

นี่มันเหมือนกับการที่เด็กอายุสามขวบได้ครอบครองเงินล้านมาจากครอบครัวอย่างกะทันหันก็ว่าได้ การที่คนอื่นๆที่รู้เรื่องนี้จะไม่มีความละโมบและคิดแย่งชิงนั้น นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“พูดถูก รีบหาเบาะแสของเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นทันที แย่งชิงหินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนไปจากเขา”

“หากพบเจอเจ้านั่น บางทีอาจจะไม่ใช่เพียงแค่ได้ครอบครองหินวิญญาณเท่านั้น ทว่าอาจจะสามารถครอบครองทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณได้เช่นกัน เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”

“แต่คาดการณ์ได้ว่าเขาคงจะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณแล้วในตอนนี้ พวกเราจะตามหาเขาอย่างไร?”

“เหอะ เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีได้ พวกเรายังมีเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมากมายอยู่ในจักรวาล เมื่อใดที่ค้นพบว่ามีใครบางคนขายหินวิญญาณในจำนวนมหาศาลนั้น ทันใดนั้นจะสามารถค้นพบตำแหน่งของเขาได้อย่างแน่นอน เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้”

“ใช่ เมื่อใดที่ค้นพบตำแหน่งของเขา สมบัติทั้งหมดของเขาก็จะกลายเป็นของพวกเรา”

ผู้คนจำนวนมากต่างก็มีสายตาที่ละโมบ สมบัตินั้นสามารถเปลี่ยนใจคนได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงหินวิญญาณที่มีจำนวนถึงสามแสนก้อน นี่เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนตามล่าเขาได้ สังหารอู๋ไท่โต่ว

ในช่วงเวลานี้ ผ่านทางเครือข่ายเสมือนจริงนั้น พวกเขาก็ได้เผยแพร่ข่าวนี้ออกไปทันที แจ้งเตือนผู้คนให้ล่วงรู้ถึงการที่เจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ได้ครอบครองหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนมาจากชนเผ่าวิญญาณ

หากค้นพบตำแหน่งของเขาล่ะก็ ให้รีบจับตัวเขามาทันที

………………

ในสถานที่แห่งหนึ่งภายในทวีปโลหิตวิญญาณ ฉางเซวีย หวังเฉิน เว่ยฉีและจินเจ๋อลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานทั้งสี่คนก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน เมื่อเห็นว่าผู้ที่ถูกหมายหัวก็คืออู๋ไท่โต่วนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็สะดุ้งตกใจ

“ไม่คาดคิดว่าการที่ไม่ได้พบเจอเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน สหายอู๋จะก่อเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้ หลอกลวงผู้คนทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณจนได้รับหินวิญญาณมาเป็นจำนวนกว่าสามแสนก้อนไปอย่างง่ายดาย ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”

ฉางเซวียกล่าวชื่นชมออกมา

“หินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนนี้ เป็นเหมือนกับมันฝรั่งร้อนกว่าได้ เมื่อใดที่สหายอู๋โผล่หัวขึ้นมา จะต้องถูกนักวิทยายุทธจากจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ล่า กลุ่มของผู้คนที่ละโมบจะต้องถาโถมเข้ามาอย่างแน่นอน หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะพลาดท่าและเผชิญกับหายนะได้”

หวังเฉินก็เห็นได้ถึงความเสี่ยงนี้ หากอู๋ไท่โต่วเป็นทายาทของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ล่ะก็ การที่ได้ครอบครองหินวิญญาณจำนวนสามแสนก้อนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไม่มีใครกล้าที่จะคิดแย่งชิง

ทว่าอู๋ไท่โต่วนั่นเป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระ เป็นดั่งแกะตัวอ้วนในสายตาของผู้คน เป็นไปได้ว่ายอดฝีมือในระดับแกนทองก็อาจจะเคลื่อนไหวออกมาเพื่อจัดการกับอู๋ไท่โต่วเช่นกัน ต้องการที่จะแย่งชิงหินวิญญาณไป

“ไม่ต้องกังวลไป สหายอู๋นั่นเป็นคนที่ชาญฉลาด ก่อนหน้านี้ที่ฟ่านหมิงและพวกบัดซบนั่นต้องการที่จะตลบหลังพวกเรานั้น ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรสหายอู๋ได้ หนำซ้ำยังถูกสหายอู๋ทำลายไปอย่างราบคาบ เห็นได้ชัดว่าสหายอู๋ร้ายกาจเพียงใด ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆอย่างแน่นอน”

เว่ยฉีพูดออกมาอย่างนับถือ “การที่พวกเราสามารถรอดชีวิตออกมาจากเงื้อมมือของฟ่านหมิงและเจ้าพวกบัดซบเหล่านั้นได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของสหายอู๋เช่นกัน เรื่องนี้พวกเราต้องขอบคุณเขาจริงๆ”

หลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาในหุบเขาสักแห่งนั้น พวกเขาก็ค้นพบว่าตนเองนั้นไร้รอยขีดข่วน ทว่าเซี่ยปิงกลับหายไป ซึ่งจากเหตุการณ์นี้พวกเขาก็ล่วงรู้ว่าเซี่ยปิงจะต้องเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเขาอย่างแน่นอน

ส่วนเหตุผลว่าทำไมเซี่ยปิงถึงจากไป คาดการณ์ได้ว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องการที่เจาะลึกเช่นกัน

“พูดตามตรง พวกเจ้าไม่คิดว่าความสามารถในการหลอกลวงนี้ดูคุ้นเคยอย่างมากหรือ? เหมือนกับว่าคล้ายคลึงกับวิธีการของนักต้มตุ๋นบางคน เหมือนกับว่าสืบทอดมาทางสายเลือด” จินเจ๋อเริ่มพูดออกมาอย่างกะทันหัน

“นักต้มตุ๋นบางคน? เจ้ากำลังพูดถึงอู๋ตี่อย่างนั้นหรือ?!”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตะโกนออกมาทันที พวกเขาต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน เห็นถึงความตื่นตระหนกของอีกฝ่าย

พวกเขาก็นึกถึงเรื่องการทุจริตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ฉ้อโกงเงินไปกว่าพันล้านเหรียญจักรวาล มีเหยื่อเป็นจำนวนนับล้านคน ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก

แม้แต่เย่เมิ่งเหยาที่อยู่ในนิกายเมฆาทะยานเช่นเดียวกับพวกเขาก็พูดออกมาเช่นกัน บอกว่าจะต้องจับเจ้านักต้มตุ๋นอู๋ตี่นั่นให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้านั่นได้ทำเรื่องที่บัดซบไว้แค่ไหน ผู้คนต่างก็พากันรังเกียจกันถ้วนหน้า

ทว่าตอนนี้กลับถึงคราวของทวีปโลหิตวิญญาณ ยอดฝีมือจำนวนมากของชนเผ่าวิญญาณถูกหลอกลวงจนสูญเสียหินวิญญาณไปกว่าสามแสนก้อน เทียบกับความสูญเสียของเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนที่แล้ว เหตุการณ์ในตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่ามาก

ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของทั้งสองก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก การที่จะไม่รู้สึกระแคะระคายหูนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“หรือว่าเจ้าอู๋ตี่นั่นและอู๋ไท่โต่วจะเป็นคนเดียวกัน?”

ฉางเซวียอดใจที่จะพูดออกมาไม่ได้

“อาจจะไม่ใช่เป็นคนเดียวกัน แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพี่น้องกัน เป็นสายเลือดที่สืบทอดกันมา มีต้นกำเนิดมาจากตระกูลที่เชี่ยวชาญด้านการหลอกลวง” หวังเฉินพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม เขาคิดว่าอู๋ไท่โต่วและอู๋ตี่ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่แค่มีเล่ห์เหลี่ยมในการหลอกลวงที่ชาญฉลาดเท่านั้น ทว่าพลังอำนาจการต่อสู้ก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน เป็นไปได้ว่าจะสืบทอดสายเลือดของตระกูลที่น่าอัศจรรย์มา ซึ่งอาจจะเทียบเท่าได้กับนิกายระดับเซนต์

“ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเรา สหายอู๋เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตของพวกเราไว้ เป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ ทว่าก็ไม่สามารถทรยศเขาอย่างแน่นอน สรุปก็คือเรื่องนี้พวกเราจะต้องเก็บเป็นความลับ”

ฉางเซวียพูดออกมา

หวังเฉินและคนอื่นๆก็พยักหน้า เห็นด้วยกับเรื่องนี้

God Level Demon | ระบบความเกลียดชังปีศาจ

God Level Demon | ระบบความเกลียดชังปีศาจ

บุคคลที่ 1: “เซี่ยปิง!!! เจ้าขโมยวิทยายุทธของข้าไม่พอ เจ้ายังเอาความเป็นอมตะและคู่หมั้นของข้าไปด้วย เจ้ากับข้าจะได้เห็นดีกัน!”บุคคลที่ 2: “เขาช่างเป็นความอับอายของวงการศิลปะการต่อสู้จริงๆ”บุคคลที่ 3: “ปีศาจ! แม้แต่ลูกกวาดของเด็กเล็กๆก็ไม่เว้น”นักวิทยายุทธต่างๆของดวงดาวหยานหวงที่มีความฝันที่จะหักกระดูกของเจ้าเซี่ยปิงให้เป็นล้านๆชิ้นและดื่มเลือดของเขาให้หมดเซี่ยปิงเกาคาง: “ด้วยคะแนนความเกลียดชังที่มากขนาดนี้ ข้าจะเอาไปใช้ทำอะไรดี ข้าจะแลกเปลี่ยนคัมภีร์ที่ไร้เทียมทาน สิ่งประดิษฐ์จากสวรรค์หรือว่าวิชาบ่มเพาะอมตะ”

Options

not work with dark mode
Reset