ในช่วงเวลานี้ ภายในยานอวกาศ
เพราะว่าบรรลุจุดประสงค์หลักของการเดินทางครั้งนี้และไม่มีสิ่งอื่นใดที่เขาจำเป็นต้องซื้อ ดังนั้นเซี่ยปิงจึงได้ออกไปสถานที่จัดงานประมูลทันที นำสินค้าทั้งหมดที่เขาประมูลมาได้และกลับมาสู่ยานจันทราศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในงานประมูลหลังจากนี้นั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเขา
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เซี่ยปิงเลือกที่จะกลับมาอย่างรวดเร็วนั้นก็คือต้องการที่จะรู้ว่าลูกปัดสีดำที่ลึกลับนี้คืออะไรกันแน่ หากเกิดปรากฏการณ์บางอย่างขึ้นในสถานที่จัดงานประมูลซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมากนั้น บางทีมันอาจจะทำให้ปัญหาใหญ่ตามมาได้
ดังนั้นเขาจึงได้กลับมาที่ยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ของตนเองโดยตรง
“ท้ายที่สุดแล้วลูกปัดนี้คืออะไรกัน?”
หลังจากที่กลับมาถึงยานจันทราศักดิ์สิทธิ์ เซี่ยปิงก็ได้นำลูกปัดสีดำออกมาทันที นำมาวางไว้บนโต๊ะและมองสำรวจอย่างละเอียด แต่ไม่ว่าจะจ้องมองมันอย่างละเอียดแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่ามันคืออะไร
จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ได้แผ่เข้าไปในลูกปัดสีดำนี้ ทว่าไม่ว่าเขาจะทำการตรวจสอบมันมากแค่ไหน ก็พบว่ามันเป็นเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ธรรมดาทั่วไป เหมือนกับว่าไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ
ทว่าเซี่ยปิงก็คิดได้อย่างกะทันหัน หากการที่เพียงแค่ใช้จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถที่จะล่วงรู้ได้ถึงความลับของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ชิ้นนี้นั้น จากนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่ยอดฝีมือมากมายของบริษัทมหาสมุทรแห่งจักรวาลจะไม่สามารถรับรู้ถึงความลับของลูกปัดสีดำนี้ได้
“ดวงตาอีกานรกทองคำ!”
คิดได้แบบนี้ เซี่ยปิงก็ได้ไหลเวียนพลังอำนาจของดวงตาอีกานรกทองคำมาทันที ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาและเจาะเข้าไปภายในลูกปัดสีดำนี้
ทันใดนั้นส่วนลึกของม่านตาของเขาก็มีเส้นลวดลายต่างๆปรากฏขึ้นมา ซึ่งเส้นลวดลายเหล่านี้ก็คือค่ายกลภายในลูกปัดสีดำ มันดูซับซ้อนและลึกลับอย่างถึงที่สุด ไม่สามารถที่จะประเมินค่าได้ เป็นเหมือนกับกฎบางอย่างก็ว่าได้
ทว่าตอนนี้ค่ายกลเหล่านี้กลับอยู่ในสภาวะที่เสียหายและพังทลาย คาดการณ์ได้ว่าคงจะเผชิญกับความเสียหายที่ร้ายแรง จึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้
“นี่คือแกนหลักของค่ายกลหรือ?”
อย่างรวดเร็วเซี่ยปิงก็เห็นแกนหลักของค่ายกลของลูกปัดสีดำนี้ เป็นเหมือนกับจานซึ่งมีอักขระโบราณมากมายจารึกอยู่ เหมือนกับว่ามีข้อมูลที่ไร้ที่สิ้นสุดอยู่ภายใน
ดิ้ง~
ด้วยสัญชาตญาณ เขาก็ได้หยดเลือดของตนเองลงไปที่ลูกปัดสีดำนี้ จากนั้นลูกปัดสีดำนี้ก็กลายเป็นอสูรดุร้ายที่กระหายเลือดก็ว่าได้ ดูดกลืนเลือดของเซี่ยปิงซึ่งมีสายเลือดของอีกานรกทองคำเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เซี่ยปิงก็รู้สึกว่ามีการเชื่อมโยงทางเลือดและจิตใจที่เกิดขึ้นกับตนเองและลูกปัดสีดำนี้
“เดี๋ยว!”
ทันใดนั้น เซี่ยปิงก็เห็นว่ามีเลือดหยดหนึ่งที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาเอง เหมือนกับว่าลูกปัดนี้สร้างพลังกลืนกินที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมา ดูดซับพลังอำนาจทางสายเลือดของเขาเข้าไป
หนึ่งหยด สองหยด สิบหยด ยี่สิบหยด….หนึ่งร้อยหยด ดิ้ง!
เมื่อเซี่ยปิงรู้สึกว่าออร่าของร่างกายตนเองอ่อนแอลงนั้น ลูกปัดสีดำนี้ก็หยุดการกลืนกินเลือดของเขา ทว่าในช่วงเวลานี้กลับมีแสงสีเขียวที่ส่องสว่างขึ้นมา อากาศรอบๆผันผวนและดูเหมือนว่าจะก่อตัวเป็นสสาร ทั่วทั้งยานอวกาศอาบไปด้วยแสงสีเขียวนี้
อย่างคลุมเครือ ก็เหมือนว่าห้วงอากาศจะกลายเป็นระรอกคลื่นเช่นกัน
ภายใต้การสังเกตของดวงตาอีกานรกทองคำของเซี่ยปิงนั้น เมื่อได้รับพลังอำนาจทางสายเลือดของเขาไปนั้น ค่ายกลภายในของลูกปัดสีดำนี้ก็เหมือนกับว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาจนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เส้นลวดลายของค่ายกลเริ่มที่จะปะติปะต่อและเชื่อมโยงกัน เปลี่ยนกลายเป็นค่ายกลที่สมบูรณ์
“นี่มันคืออะไรกัน?!”
พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยปิงก็ได้แผ่เข้าไปภายในลูกปัดสีดำนี้อย่างกะทันหันและค้นพบว่าลูกปัดสีดำนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นพื้นที่ภายในขนาดใหญ่ทันที
ในพื้นที่ภายในนี้ ปรากฏเป็นผืนดินที่กว้างใหญ่ ระยะที่ห่างออกไปก็มีภูเขาซึ่งมีความสูงหลายกิโลเมตรปรากฏอยู่มากมาย ซึ่งพื้นที่ของมันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีขอบเขต อย่างน้อยก็มีขนาดเท่ากับดาวหยานหวง
ทว่าในพื้นที่แห่งนี้กลับรู้สึกได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ผืนดินดูแห้งแล้ง หญ้าและต้นไม้เหี่ยวเฉา มีออร่าแห่งความตายที่ปกคลุมทั่วทุกหนแห่ง เป็นเหมือนกับโลกที่เผชิญกับจุดจบก็ว่าได้
“ไม่คาดคิดว่าลูกปัดนี้จะมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลอยู่ภายใน ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งมีชีวิตยังสามารถที่จะอาศัยอยู่ภายในหรือ?!” เซี่ยปิงสะดุ้งตกใจขึ้นมา เขาไม่คาดคิดว่าลูกปัดสีดำนี้จะมีปริศนาเช่นนี้อยู่ ไม่ใช่เพียงแค่มีโลกที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ภายใน ทว่าก็สามารถที่จะให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ นี่ไม่รู้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากกว่าแหวนห้วงมิติปกติธรรมดาถึงกี่เท่า
เพราะว่าสุดท้ายแล้ว แหวนห้วงมิติส่วนใหญ่นั้นทำได้เพียงแค่เก็บสิ่งของที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น ไม่สามารถที่จะนำสิ่งมีชีวิตมาไว้ข้างในได้ หากสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์บางชนิดสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้นั้น อย่างน้อยมูลค่าของมันก็จะเพิ่มขึ้นมานับร้อยนับพันเท่า
“เจ้านาย ลูกปัดนี้มีชื่อว่าลูกปัดพิภพ”
ในตอนนี้เสียงที่แก่ชราดังขึ้นมา จากนั้นก็มีภาพเงาของกระทิงสีครามที่ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเซี่ยปิง ทั่วทั้งร่างกายของมันนั้นมีออร่าที่ลึกลับแผ่ออกมา เหมือนกับว่ามีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่แอบแฝงอยู่เช่นกัน
“วิญญาณของสิ่งประดิษฐ์?!”
แมวนักปราชญ์ก็เห็นการปรากฏของกระทิงสีครามนี่ทันที มันล่วงรู้อย่างกะทันหันว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะต้องเป็นวิญญาณของลูกปัดสีดำนี้อย่างแน่นอน
“ใช่ ข้าเป็นวิญญาณของลูกปัดพิภพชิ้นนี้ มีชื่อว่าเทพภูผา!”
กระทิงสีครามตัวนี้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้านายที่ได้มอบพลังศักดิ์สิทธิ์แก่ข้า ช่วยในการฟื้นฟูลูกปัดพิภพนี้และทำให้ชายชราผู้นี้ฟื้นฟูขึ้นมาได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าข้าจะต้องตกอยู่ในภวังค์หลับใหลไปอีกนานแค่ไหน”
“เทพภูผา? นี่มันเป็นเพียงแค่วัวโง่ตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ พูดจาโอ้อวดคุยโวจริงๆ”
ทำไมก็ไม่รู้แมวนักปราชญ์ถึงมองว่ากระทิงสีครามตัวนี้เกะลูกตาของมันอย่างมาก พูดออกมาอย่างเหยียดหยาม
“เจ้ากำลังพูดว่าใครเป็นวัวโง่ เจ้าแมวเหม็นสาบ อย่าคิดว่าการที่เจ้ามีขนาดเล็กเกินไปจะทำให้ข้าไม่กล้าอัดเจ้า”
กระทิงสีครามชำเลืองมองด้วยหางตา
“เข้ามา แน่จริงก็เข้ามา เป็นเรื่องง่ายมากที่ข้าจะทำให้ตนเองใหญ่ขึ้น ชายชราผู้นี้ไม่เคยเกรงกลัวใครในการต่อสู้ตัวต่อตัว” แมวนักปราชญ์คลุ้มคลั่งออกมา เผยความหมายของการข่มขู่ เห็นได้ชัดว่ามันโมโหกับคำพูดของกระทิงสีครามนี้มาก
เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!
แมวและกระทิงได้ปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตบตีกันอย่างดุเดือดรุนแรง หลังจากนั้นไม่กี่สิบกระบวนท่า ทั้งสองก็หอบหายใจ มีสีหน้าที่ซีดขาว เดิมทีเซี่ยปิงก็ต้องการที่หยุดแต่ก็ไม่ทันเวลา
ท้ายที่สุดทั้งสองก็นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีพลังอำนาจที่จะต่อสู้กันอีก
“บัดซบ นี่ข้าตกต่ำจนถึงขั้นถูกแมวรังแกอย่างนั้นหรือ หากไม่ใช่เพราะสงครามที่ทำให้แกนหลักของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ลูกปัดพิภพนี่เสียหายล่ะก็ ชายชราสามารถที่จะใช้มือข้างเดียวจัดการกับเจ้าได้อย่างง่ายดาย” กระทิงสีครามหอบหายใจ
“ครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นสิ่งประดิษฐ์เซนต์อย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยปิงกระพริบตา
“ใช่”
กระทิงสีครามมีสีหน้าที่ภาคภูมิใจ “ครั้งหนึ่งชายชราเคยเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่เกิดขึ้นมาจากพลังชีวิตของเซนต์ ใช้วัสดุที่ล้ำค่านับไม่ถ้วนในการหล่อหลอมจนออกมาเป็นสิ่งประดิษฐ์เซนต์ลูกปัดพิภพซึ่งมีพื้นที่ภายในที่ไร้จุดสิ้นสุด เสมือนกับเป็นโลกแห่งหนึ่ง”
“ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด เจ้านายของข้าสามารถที่จะควบคุมกระแสเวลาภายในลูกปัดพิภพนี้ได้ ปลูกสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมามากมาย ถือว่าเป็นสวนสมุนไพรวิญญาณอันดับหนึ่งของจักรวาลก็ว่าได้”
“อีกทั้งยังถือว่าเป็นอาวุธที่ใช้ในการโจมตีที่ทรงอำนาจเช่นกัน เมื่อใดที่ไหลเวียนพลังอำนาจออกมาอย่างเต็มเปี่ยม มันจะเทียบเท่ากับการถูกอัดด้วยโลกทั้งใบก็ว่าได้ หากปะทะเข้ากับลูกปัดพิภพนี้โดยตรง จะต้องถูกอัดจนแหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆ”
มันได้โอ้อวดคุยโวถึงความยิ่งใหญ่ของมันในอดีต
“สิ่งประดิษฐ์เซนต์แล้วอย่างไรกัน ข้าก็เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์เซนต์มามากมาย แม้แต่ในบรรดาสิ่งประดิษฐ์เซนต์เอง เจ้าก็ยังคงเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไร้ความสามารถ”
แมวนักปราชญ์พูดจาเหยียดหยามออกมา “ยิ่งไปกว่านั้นนั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้เจ้าถูกทำลายจนอยู่ในสภาพนี้ กลายเป็นลูกปัดที่แตกร้าว เป็นไปได้อย่างไรที่จะเทียบกับข้าสิ่งมีชีวิตที่อัจฉริยะได้”
“อะไรนะ? เจ้าแมวบัดซบ ชายชราจะจัดการกับเจ้าซะ”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของแมวนักปราชญ์นั้นเป็นการจี้ปมของกระทิงสีครามอย่างแท้จริง ทำให้มันฝืนความเจ็บปวดของร่างกายและคลานขึ้นมาจากพื้น ต่อสู้กับแมวนักปราชญ์จนตัวตาย
ตึบ ตึบ ตึบ!!!
ตัวตนทั้งสองนี้ที่ไม่รู้ว่ามีอายุมากเท่าไหร่ได้ทำการต่อสู้กันต่อไป ทว่าท้ายที่สุดภายใต้การห้ามปรามของเซี่ยปิงนั้น ทั้งสองจึงได้หยุดต่อสู้กัน