Chapter 82: การยั่วยุ
หานเฟยจะไม่บอกความจริงกับเธออย่างแน่นอนในขณะที่เขาเริ่มพูดแบบมั่วๆ
“เอ่อ..ก็ นี่คือสิ่งที่ ฉันลองใช้เบ็ดกรรโชกแล้ว แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะใช้ แค่เร็วอย่างเดียวไม่เพียงพอน่ะ หลีกังก็เร็วเช่นกัน แต่ฉันจะเอาชนะเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นฉันจึงคิดค้นสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเล็กน้อยใช้พลังวิญญาณจากร่างกายของฉันและระเบิดมันจากนั้นมันก็ใช้งานได้ง่ายขึ้น! มันมีพลังมากขึ้นในขณะที่รักษาความเร็ว…”
เจียงซินและชายชราตกตะลึงกับคำพูดของเขา คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ของแบบนั้นมันไม่ได้ทำง่ายสักหน่อย? แต่พูดตามตรงทักษะการต่อสู้นั้นทรงพลังกว่ามาก
เจียงซินถาม “แล้วเลือดเดือดล่ะ”
หานเฟยอธิบายว่า “สิ่งนั้นไม่มีประโยชน์เลย ฉันลองใช้มัน แต่ฉันรู้สึกว่าฉันเกือบจะตัวไหม้แล้ว ฉันจะต่อสู้กับคนอื่นๆในสภาพแบบนั้นได้ยังไง ฉันเลยเปลี่ยนใหม่ด้วยการแยกพลังวิญญาณออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยปกคลุมอวัยวะภายในของฉันและทำให้พวกมันกระตุ้นอวัยวะภายในของฉัน…ฉันเลยแข็งแกร่งเมื่อพวกกระตุ้นส่วนต่างๆภายในของฉันแม้ว่าฉันจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยก็ตาม”
เฒ่าเจียงเช็ดเหงื่อออกด้วยแขนเสื้อ คุณล้อเล่นแน่ๆ ห่ออวัยวะภายในด้วยพลังวิญญาณ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย
เฒ่าเจียงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย “ ฉันเดาได้ว่าเจ้าจะอธิบายการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของเจ้าอย่างไร…เจ้าเทพลังวิญญาณทั้งหมดของเจ้าไปที่มีดและทำให้พลังวิญญาณระเบิดทันทีที่มีดมีดสัมผัสศัตรูของเจ้าใช่ไหม”
หานเฟยก็ไม่มีปัญหาในการอธิบายเรื่องนี้เช่นกัน “ฉันแค่อยากจะเพิ่มพลังการต่อสู้ดูน่ะ”
“แม้ว่ากลอุบายนี้จะไม่เลวร้าย แต่ถ้าเจ้าฆ่าศัตรูไม่สำเร็จล่ะ หรือถ้าเจ้ามีศัตรูมากกว่าหนึ่งคน เจ้าจะสามารถฆ่าศัตรูได้กี่คนด้วยการทุ่มพลังส่วนใหญ่ไปในการโจมตีครั้งเดียว”
หานเฟยอยากจะเกาหัว แต่แขนของเขาเจ็บเล็กน้อยเขาจึงล้มเลิกความคิดนี้ แต่เขาคิดกับตัวเองแม้ว่าร่างกายของฉันจะทนต่อพลังวิญญาณได้เพียง 400 จุด แต่จรงๆแล้วเขาก็ไม่ได้มีขีดจำกัดสูงสุด เมื่อพลังงานทางจิตวิญญาณในร่างกายของฉันถูกใช้หมดฉันสามารถเติมเต็มได้อย่างง่ายดาย ฉันกลัวจะอะไร แต่เขาก็ไม่สามารถบอกเฒ่าเจียงไปแบบนั้นได้
“พักผ่อนให้เพียงพอเถอะ..แล้วก็ยกเว้นเบ็ดกรรโชกแล้วคุณไม่สามารถใช้ทักษะการต่อสู้อื่นๆอย่างบุ่มบ่ามได้เข้าใจไหม” เจียงซินแนะนำ
“แล้วฉันควรทำอะไรต่อไป ฉันหมายถึงเกี่ยวกับนักรบวิญญาณน่ะ”
เจียงซินกล่าวว่า “รอสักสองสามวัน”
…
หนึ่งวันต่อมาหานเฟยฟื้นขึ้น เขาอยากไปทะเล แต่เขาถูกห้ามไม่ให้ออกทะเลเป็นเวลาสามเดือนและเรือของเขาก็ถูกยึดด้วยดังนั้นเขาจึงต้องล้มเลิกแผนนี้
แผงขายบาร์บีคิวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเขาได้รับพลังวิญญาณเพียง 80,000 จุดจากแผงขายบาร์บีคิว หลังจากปรับแต่งมีด หักล้างไปกับการเรียนทักษะการต่อสู้และการฝึกฝนตอนนี้เขาเหลือเพียง 68,000 จุดโดยประมาณหรือมากกว่านั้น
พวกมันเยอะไหม ดูเหมือนมากมาย แต่จริงๆแล้วมันไม่มากเลย มีระดับสูงสุดเหนือระดับเก้า เฉพาะเมื่อเขาทะลุไปถึงระดับสูงสุดเท่านั้นที่เขาจะสามารถก้าวต่อไปเพื่อเป็นปรมาจารย์ตกปลาได้ ตอนนี้เขาพร้อมที่จะทะลุไปถึงระดับสูงสุดแล้วและพลังวิญญาณของเขาก็ถึงขีด จำกัด ที่ 419 แล้ว แต่การพัฒนาครั้งต่อไปล่ะ จุดพลังเหล่านี้ไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะก้าวผ่านไปสู่การเป็นปรมาจารย์ตกปลา
“คุณปู่ฉันจะลาสองสามวัน!”
เฒ่าเจียงอยากรู้อยากเห็นขณะที่เขาถาม “เจ้าจะลาไปไหนรึ”
“ฉันมีธุระจริงจังที่จะต้องทำน่ะ”
ก่อนที่ผู้เฒ่าเจียงจะตอบกลับหานเฟยจากไปและไปที่ถ้ำเล็ก ๆ ที่เป็นความลับของเขา
…
สามวันต่อมา
หานเฟยเดินเล่นอย่างสบาย ๆ ไปที่แผงขายบาร์บีคิวเพื่อดูดซับพลังวิญญาณ แต่เมื่อเขามาถึงแผงขายบาร์บีคิวเขาก็พบว่าไม่มีใครยืนอยู่ในแถว
“อากัง ลูกค้าไปที่ไหนหมด”
เมื่อหลี่กังเห็นหานเฟยมาเขาก็น้ำตาไหลและพูดว่า “ลูกพี่พวกเราจะเจ๊งแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครกล้าซื้อบาร์บีคิวของเราเลย”
หลี่ชิงเข้าร่วมแผงขายบาร์บีคิวเมื่อเดือนก่อน เขากล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “มันเป็นฝีมือของพยัคฆ์ พวกเขาข่มขู่ผู้คนใครก็ตามที่กล้าซื้อบาร์บีคิวของเราพวกเขาจะฆ่าพวกเขา”
“อะไรนะ”
หานเฟยระเบิดความโกรธทันที การตัดธุรกิจแผงขายบาร์บีคิวของฉันก็เท่ากับการตัดแหล่งพลังวิญญาณของฉันออกไป! หลี่จือประกาศสงครามกับฉันอย่างเป็นทางการหรอ
หานเฟยจากไปโดยไม่ลังเลที่จะถือเบ็ดของเขา
หลี่กังรีบหยุดเขา “ลูกพี่คุณจะทำอะไรหรอ”
“ฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะ ฉันจะจัดการหลี่จื๊อไอ้แก่คนนั้น”
หลี่กัง: “…”
หลี่ชิง: “…”
“ลูกพี่โปรดอย่าทำอย่างนั้น ฉันได้ยินมาว่า…หลี่จื๊อฟื้นพลังเต็มที่แล้วแล้ว!” หลี่กังขอร้อง
หลี่ชิงกล่าวเสริมว่า “หลังๆนี่พยัคฆ์มั่งคั่งมาก มีการกล่าวว่าหลี่จื๊อได้ซื้อยาเสริมพลังจำนวนมากในเดือนนี้และยังส่งคนของเขาไปที่ทะเลเพื่อหาผลไม้ทางวิญญาณ ดูเหมือนว่าเขาจะมีอะไรบางอย่าง”
หานเฟยไม่สนใจ “ฮึ! แล้วไงล่ะ เขาเป็นปรมาจารย์ตกปลาที่ยิ่งใหญ่แล้วหรือยัง เขากล้ายั่วฉันแบบนี้ได้ยังไง”
“ลูกพี่หลี่จื๊อจะยังไม่ได้เป็นปรมาจารย์ตกปลาที่ยิ่งใหญ่ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับสูงสุดของปรมาจารย์ตกปลาแล้ว ฉันกลัวว่าพลังของเขาจะใกล้เคียงกับปรมาจารย์ตกปลาผู้ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว” หลี่ชิงเตือน
หานเฟยกำหมัดแน่น เขาต้องการที่จะตัดแหล่งที่มาของพลังวิญญาณของฉัน ฉันจะทนได้อย่างไร
หานเฟยหายใจเข้าลึก ๆ และสงบลง “พยัคฆ์คุกคามเราอย่างไรบ้าง”
หลี่กังถอนหายใจ “พวกเขายืนอยู่หน้าบูธของเราและห้ามไม่ให้คนซื้อบาร์บีคิวของเรา พวกเขายังให้คนของพวกเขาเฝ้าด้วย ดูสองคนตรงนั้นเป็นคนของพวกเขา เมื่อลูกค้ามาถึงก็จะขู่เขา”
หานเฟยหันศีรษะไปและพบว่ามีคนสองคนกำลังจ้องมองเขาอยู่
“ฮ่าฮ่า!”
หานเฟยตรงไปที่พวกเขาและชี้เบ็ดไผ่สีม่วงไปที่ทั้งสอง “คุณมาจากพยัคฆ์หรือเปล่า”
หนึ่งในนั้นไม่สนใจหานเฟยและตะคอก
อีกคนพูดว่า “ใช่! แล้วแกจะทำไม”
โครม!
วินาทีต่อมาคนหนึ่งถูกเตะออกไปและเมื่อเห็นฉากนี้อีกคนกำลังจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกฟาดที่หัวและเขาก็ล้มลงกับพื้น ทั้งสองคนอาเจียนเป็นเลือด
“แกกล้าแค่ไหนที่มาสู้บนเกาะลอย…ผู้คุมกฎ…ผู้คุมกฎ”
หานเฟยเยาะเย้ยพวกเขา “ตอนนี้คุณเรียกหาผู้คุมกฎแล้วเหรอ? เมื่อสักครู่คุณยังกร่างอยู่เลย”
หานเฟยไม่กลัวเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันถูกห้ามไม่ให้ไปทะเล ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฉันที่จะตีอันธพาลซักหนึ่งหรือสองคน
พั๊วะ…
หานเฟยกระโดดข้ามและทุบทั้งสองคน เขาพูดว่า “คุณมาจากพยัคฆ์ไม่ใช่หรอ ตอนนี้ฉันจำหน้าของพวกคุณไว้แล้ว ครั้งต่อไปที่ฉันพบคุณที่ทะเลฉันจะฆ่าคุณ”
“ใครกล้ามาต่อสู้อะไรตรงนี้”
สมาชิกผู้คุมกฎกลุ่มหนึ่งมาจากระยะไกลนำโดยนายประมงที่ตะโกนเรียกหานเฟยอย่างเย็นชา
หานเฟยเตะคนที่อยู่ใต้เท้าออกไปและยิ้มให้ปรมาจารย์ตกปลา “เป็นฉันเอง แต่ชายสองคนนี้คุกคามลูกค้าของฉัน ตอนนี้ไม่มีใครกล้าซื้ออะไรจากแผงขายของฉันดังนั้นฉันจึงลงโทษพวกเขาเล็กน้อย ฉันทำผิดกฎหมายหรอ”
ปรมาจารย์ตกปลามองไปที่หานเฟยและถามว่า “คุณคือหานเฟยหรอ”
“ใช่”
ปรมาจารย์ตกปลาส่ายหัวเล็กน้อย “เกาะลอยจะคงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของเกาะลอยเท่านั้น ยกโทษให้ฉันที่ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของพวกเขาในการประมงได้ แต่ห้ามไม่ให้มีการต่อสู้บนเกาะลอย คราวนี้เราจะไม่ลงโทษคุณ แต่อย่าทำอีก!”
หานเฟยยิ้มทันที “ท่านครับจะว่าไปแล้วพยัคฆ์สามารถคุกคามใครก็ได้ที่นี่และฆ่าคนที่ไม่เชื่อฟังพวกเขาในการเขตประมงและคุณจะไม่ทำอะไรกับมันเลยงั้นหรอ”
ปรมาจารย์ตกปลายังคงเงียบซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง
หานเฟยหันกลับมาและถามหลี่ชิง “หลี่ชิงพยัคฆ์บนเกาะลอยแห่งนี้มีธุรกิจอะไรบ้าง”
หลี่ชิงตอบว่า“ พวกเขาเปิดบ่อน แผงขายปลาและร้านขายเหยื่อหลายสิบแห่ง”
“พาฉันไปที่ร้านของพวกเขาทีละร้าน”
“อ่า…ครับลูกพี่”
ปรมาจารย์ตกปลาขมวดคิ้วและพูดเสียงต่ำ “หานเฟยอย่าไปไกลเกินไป”
หานเฟยหันกลับมาและยิ้มให้เขา “ครับผมสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายใครเว้นแต่จะมีคนมาทำร้ายผมก่อน”
เมื่อนั้นใบหน้าของเขาก็เย็นชาและเขาก็จากไป
ด้านหลังปรมาจารย์ตกปลาสมาชิกคนหนึ่งของทีมพูดว่า “ปรมาจารย์หวู่ไม่ใช่หานเฟยหยิ่งเกินไปหรอ”
หวู่เฉินหรี่ตาของเขา “หานเฟยดูเหมือนจะมั่นใจ เขาไม่ใช่ว่าคนในร้านของเขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับเก้าหรอ แต่ก็มาเป็นลูกน้องของหานเฟย…เขาได้รับอะไรพิเศษบางอย่างหรือเปล่านะ”
หวู่เฉินเชื่อว่าหานเฟยได้รับโอกาสพิเศษนี้เพราะถังเกอมิฉะนั้นหานเฟยจะพัฒนาเป็นระดับเก้าอย่างรวดเร็วได้อย่างไร
หวู่เฉินโบกมือของเขา “ตามเขาไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น พยัคฆ์เป็นกลุ่มคนร้ายและไม่ต้องการการปกป้องจากเรา ขอเพียงแค่เป็นกลางก็พอ”
…
บ่อนของพยัคฆ์
หลี่ชิงพาหานเฟยไปที่บอนแห่งหนึ่งที่พยัคฆ์เป็นเจ้าของ “ลูกพี่มันอยู่นี่ไง”
มีคนจำหลี่ชิงได้ในทันทีและตะโกนว่า “หลี่ชิงเจ้าคนทรยศเจ้ากล้าที่จะมาที่นี่ได้อย่างไร”
หานเฟยปัดพวกเขาออก “ไปให้พ้นวันนี้ฉันจะมาใช้เงิน”
ทั้งสองไม่ยอมหลีกทางให้เขา ใบหน้าของหานเฟยเย็นชา “อะไร ฉันเป็นแขกของคุณนะ ถ้าคุณไม่ให้ฉันเข้าไปก็ปิดบ่อนนี้ซะซิ”
ชายสองคนขมวดคิ้วและในที่สุดพวกเขาก็ปล่อยเขาเข้าไปสิ่งที่พวกเขาคิดก็คือถ้าหานเฟยอยากเล่นพนันที่นี่ทำไมไม่ปล่อยเขา ให้ไปเสียเงินล่ะ
แต่ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากที่หานเฟยเดินเข้ามาพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังจากข้างใน ดูเหมือนว่ามีบางอย่างถูกทุบ
ใบหน้าของหวู่เฉินเปลี่ยนไป “เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ทีมผู้คุมกฎเดินเข้าไปและเห็นว่าหานเฟยทุบโต๊ะพนันทั้งหมดด้วยเบ็ดไผ่สีม่วง เขาถูกล้อมรอบไปด้วยสมาชิกของกลุ่มพยัคฆ์ห้าหรือหกคนที่ระวังตัวราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว
หานเฟยเหลือบมองหวู่เฉินอย่างไม่เป็นทางการ “ปรมาจารย์หวู่ฉันไม่ได้ตีใครฉันนะแค่ทุบบางอย่างเฉยๆ ฉันจะจ่ายคืนให้ รู้ไหมฉันรวยมาก…อากังเงินอยู่ไหน”