“ถ้ากังวลเรื่องโรงพยาบาล ก็ให้พยาบาลประจำตัวตามไปดูแลด้วยเลยก็ได้ พยาบาลมืออาชีพน่าจะไว้ใจได้มากกว่านายที่เอาแต่ทำงานยุ่งนะ ถึงจะเคยพูดไปแล้ว แต่นายน่ะต้องฝึกอยู่ห่างจากครอบครัวบ้าง แล้วในความคิดฉัน แม่กับน้องนายก็คงไม่คัดค้านถ้านายบอกว่าจะไป อาจจะยินดีด้วยซ้ำ”
ฮาจุนมองอีกฝ่ายสวมรองเท้าอีกข้างให้แล้วตอบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉันก็ต้องติดหนี้นาย… ทั้งหมดนั่นเลยไม่ใช่เหรอ”
“หนี้? ของฉันก็คือของนายหมดนั่นแหละ”
“…พูดอะไรไร้สาระ”
“คนที่สอนฉันว่าชีวิตไม่ใช่การอยู่อย่างเดียวดายก็คือนาย ถ้านายพูดเหมือนว่าเป็นหนี้แบบนั้นฉันคงเสียใจแย่ ฉันให้นายอยู่ฝ่ายเดียวหรือไง แล้วเงินคือทุกอย่างเหรอ ฉันก็ได้รับอะไรจากนายเหมือนกันต่างหาก”
มูคยอมผูกปมรูปผีเสื้อเอาไว้แน่น สายตาของฮาจุนที่มองอีกฝ่ายหลุดโฟกัสเล็กน้อยและเริ่มพร่ามัวจนคล้ายกับกำลังมองผีเสื้อในวันฤดูใบ้ไม้ผลิจริงๆ
“ได้ยินมาจากไหนนี่แหละ ว่าถ้าสวมรองเท้าดีๆ มันก็จะพาเราไปยังสถานที่ดีๆ ไปด้วยกันเถอะ แล้วมันจะดีเอง”
“…”
“ชีวิตที่เหลือของคิมมูคยอมเป็นของนายทั้งหมดแล้ว อย่าไล่ให้ฉันไปคนเดียวแบบเหงาๆ เลย”
มูคยอมเอามือประคองสองเท้าที่สวมรองเท้าฟุตบอลคู่ใหม่ขึ้นแล้วประทับริมฝีปากลงบนนั้นราวกับรู้สึกพอใจ
แม้จะเป็นรองเท้าใหม่แต่ฮาจุนก็ตกใจกับการที่อีกฝ่ายจูบลงมาบนเท้าของตัวเอง เขาจึงยกขาขึ้น ส่วนมูคยอมก็ขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นมาอุ้มฮาจุน ใบหน้าของพวกเขาจึงใกล้ชิดกันอย่างกะทันหัน
“พวกเราไปด้วยกัน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งนายแล้วไปคนเดียวได้ยังไง พวกเหลือขอเต็มไปหมด พูดอะไรให้มันเข้าท่าหน่อย อยากเห็นฉันกังวลจนเตะบอลไม่ได้หรือไง”
“…เปล่านะ…”
“หรือจะให้อยู่ที่นี่ไปเหมือนเดิม จบชีวิตนักกีฬาในเคลีกดีไหม”
“อย่ามาเพ้อเจ้อนะ!”
ตอนนั้นฮาจุนถึงได้ขึ้นเสียงสูงด้วยความตกใจราวกับเพิ่งคิดได้ มูคยอมจึงบ่นออกมาอย่างเต็มที่
“พูดออกมาได้ยังไงว่าอย่าไปมีเซ็กส์กับคนอื่น นี่มันบาปของฉันเหรอเนี่ย ถ้างั้นอีฮาจุน ถ้าฉันกลับไปคนเดียวแล้วทิ้งนายไว้ที่นี่ นายก็จะทำทุกอย่างยกเว้นมีเซ็กส์กับคนอื่นใช่ไหม”
“บ้าไปแล้วเหรอ ใครบอกจะทำแบบนั้น แต่เพราะนายบอกว่าต้องทำกันทุกครั้งหลังแข่งเสร็จ มันเลยเป็นปัญหามาตลอดไม่ใช่เหรอ”
“นั่นหมายถึงทำกับนายต่างหาก”
มูคยอมดีดลิ้นเบาๆ และประทับริมฝีปากลงมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะกำลังดูดดุนลิ้นซึ่งเคล้าไปด้วยกลิ่นไวน์ แต่ฮาจุนกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องจริง
มันเป็นจูบสั้นๆ แต่หนักแน่น มูคยอมไล้ลิ้นอย่างอ่อนโยนและถอนริมฝีปากออกไป แล้วพูดกระซิบด้วยน้ำเสียงที่หวานฉ่ำเสียยิ่งกว่าไวน์
“พูดมาสิ ว่าคิมมูคยอมเป็นของฉัน”
“…”
“เร็วเข้า”
เมื่อถูกเร่ง เสียงเล็กๆ ก็ดังเล็ดรอดออกมาอย่างไม่มั่นใจราวกับกำลังพูดคำต้องห้าม
“…คิมมูคยอม…เป็นของฉัน”
“พูดด้วยว่าอย่าไปนอนกับคนอื่น อย่าไปสนใจคนอื่น”
ฮาจุนจ้องตาของมูคยอมที่พูดแบบนั้นออกมาโดยไร้เสียง
สีหน้าที่เคยแข็งทื่อราวกับหุ่นขี้ผึ้งไม่สมกับเป็นคนที่เพิ่งจะผ่านบทรักอันเร่าร้อนบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย และอยู่ๆ ฮาจุนก็เอาแขนคล้องคอของมูคยอมเอาไว้แน่นแล้วเกี่ยวให้อีกฝ่ายก้มหน้าลงมา
เสียงที่พูดขึ้นราวกับอัดอั้นทำให้เกิดความร้อนเหมือนกับหยดน้ำที่เกิดจากไอน้ำ
“ห้ามนอนกับคนอื่น แล้วก็ห้ามสนใจคนอื่น”
“เข้าใจแล้ว”
“ห้ามจูบ แล้วก็ห้ามจับมือด้วย”
“ได้”
“ต่อไปจะไม่จะไม่ยกโทษให้กับเรื่องข่าวฉาวแล้วนะ ถ้านอกใจนายได้ตายในเงื้อมมือฉันแน่”
ฮาจุนรัวคำพูดตรงท้ายประโยค มูคยอมหัวเราะหึออกมาเหมือนสนุกกับอะไรบางอย่างและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ล้อเล่นครึ่ง ข่มขู่ครึ่ง
“รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่พูดอยู่ตอนนี้นายก็ต้องทำตามเหมือนกัน”
พอได้ยินคำพูดที่ไม่คุ้นเคย ฮาจุนก็หน้าแดงระเรื่อและหายใจติดขัด ฮาจุนซุกหน้าลงบนไหล่ของมูคยอมเหมือนต้องการจะซ่อนใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมา แล้วพอผ่านไปสักพักฮาจุนถึงถามขึ้นด้วยความกังวล
“ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งจะเป็นไรไหม… เมื่อก่อนก็เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสแค่แป๊บเดียวเอง”
“ลองอยู่ไปเดี๋ยวก็รู้เรื่อง หรือไม่ก็เรียนภาษาเพิ่มต่างหากก็ได้”
แล้วมูคยอมก็มุ่งไปยังห้องโดยที่ยังอุ้มฮาจุนไว้ แม้ว่าตอนนี้มันจะถูกตกแต่งให้ต่างไปจากเดิม แต่มันก็คือห้องของเขาที่ฮาจุนเคยใช้สมัยเด็ก
ทั้งสองคนนอนคว่ำลงบนเตียงและคุยกันอย่างใจเย็นอยู่พักใหญ่ กรีนฟอร์ดเป็นสถานที่แบบไหน ระบบการฝึกเป็นอย่างไร อากาศที่ลอนดอนเป็นอย่างไร เปิดเทอมเมื่อไหร่ ก่อนหน้านั้นต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เรียนภาษาเพิ่มเติมก่อนจะดีกว่าเข้ามหาวิทยาลัยทันทีหรือเปล่า โค้ชฝึกหัดต้องเข้าทำงานสัปดาห์ละกี่ครั้ง ระหว่างเรียนสามารถทำงานไปด้วยได้จริงหรือเปล่า หลากหลายเรื่องราวจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่
* * *
เสียงจากรอบตัวที่รวมกันเป็นคลื่นเสียงขนาดใหญ่ดังขึ้นตรงที่นั่งผู้ชม มีคนตะโกนคำว่าประเทศเกาหลี ฟาดกระบองลม ตีกลอง และบางคนก็เป่าแตรเชียร์
บรรยากาศตึงเครียดในสนามแข่งบดบังความวุ่นวายนั้น เหล่าผู้เล่นงเคร่งเครียดกันอย่างเห็นได้ชัดราวกับกำลังยืนอยู่บนเส้นด้าย
อีกฝ่ายคือประเทศเม็กซิโก ส่วนคะแนนคือ 1 ประตูต่อ 1 และตอนนี้เหลือเวลาแข่งไม่ถึง 5 นาที
มันแตกต่างกับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่มูคยอมลงเล่นเป็นครั้งที่สองเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตั้งแต่ต้นเกมมาจนถึงตอนนี้พวกเขามีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม ความสามัคคีระหว่างผู้เล่นก็ไปด้วยกันได้ดี ผู้เล่นและผู้ชมทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของชัยชนะ ความคาดหวังที่ว่าครั้งนี้มันจะแตกต่างออกไปพองโตขึ้นราวกับบอลลูน ถึงแม้ว่าโอกาสครองบอลและยิงเข้าเป้าจะสูงแต่ประตูตัดสินก็ยังไม่เกิดขึ้น
ในช่วงครึ่งหลังทั้งสองทีมต่างใจร้อนจึงเกิดความผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้ง การครองบอลในครึ่งแรกที่เป็นไปได้ด้วยดีเริ่มติดขัด บอลจึงถูกสับเปลี่ยนไปมาระหว่างทั้งสองทีม
กองกลางของทีมเม็กซิโกอาศัยช่วงที่ฝ่ายรับของทีมเกาหลีประมาท พยายามทำประตูจากระยะไกลทันที ลูกบอลลอยทะลุแนวตั้งรับของทีมเกาหลีไปจนเกือบจะเข้าประตู แต่อิมจองคยูพุ่งตัวขึ้นมาและเอามือรับเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเสียงพูดคุยของผู้คนดังเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งสนาม
‘เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะครับเนี่ย’
‘ถึงตอนนี้จะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่ก็ยิ่งต้องมีสมาธิและไม่ใจร้อนถึงจะขึ้นเป็นฝ่ายขึ้นนำได้นะครับ’
‘เพราะถ้าหากยิ่งใจร้อนก็จะยิ่งประมาท หวังว่าผู้เล่นประเทศเราจะมีกำลังใจสู้ไปจนจบเกมนะครับ’
เสียงวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยความโล่งอกเจือความกังวลดังออกมาจากจอภาพขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้ในสนาม ใครบางคนพูดปลุกขวัญขึ้นมาระหว่างที่ผู้คนต่างลืมที่จะส่งเสียงเชียร์และกำลังนั่งจดจ่อกับการแข่งขันในช่วงสุดท้ายอยู่บนพื้น จากนั้นเสียงปรบมือและเสียงตะโกนสโลแกนถึงดังขึ้น
จองคยูวิ่งออกมาข้างหน้าประตูและขว้างบอลออกไปราวกับนักทุ่มน้ำหนัก ลูกบอลเด้งออกไปรวดเดียวถึงกลางสนาม ผู้เล่นกองกลางรับส่งบอลกันหลายครั้งแล้วพยายามส่งต่อให้กับมูคยอม แต่ผู้เล่นทีมเม็กซิโกกลับวิ่งพุ่งเข้ามาแย่งบอลไป บอลจึงยังไม่พ้นไปจากกลางสนามและกลิ้งไปมาอยู่ระหว่างเท้าของผู้เล่น การแข่งขันเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษท่ามกลางสายตาที่กระวนกระวาย
‘ว้าว!’
ทว่าหลังจากนั้นเสียงของทุกคนก็ดังขึ้น ทีมเกาหลีตัดการส่งบอลของทีมเม็กซิโกและแย่งมาได้อย่างสวยงาม
บอลที่แย่งมาได้ถูกส่งกลับไปยังแนวตั้งรับทันที สุดท้ายลูกบอลไร้เจ้าของที่กลิ้งไปทางนู้นทีคนนี้ทีก็ลอยไกลออกไป กองหลังตัวกลางที่คอยสังเกตภาพรวมของสนามรับลูกเอาไว้ได้และเตะบอลยาวส่งไปทางด้านซ้ายทันที มันเป็นพื้นที่โล่งเพราะเมื่อสักครู่ผู้คนต่างรวมกลุ่มกันอยู่ที่ด้านขวา ผู้เล่นตำแหน่งแนวรับด้านซ้ายหลังเริ่มวิ่งเลี้ยงลูกมาหามูคยอมและส่งต่อให้โดยไม่รอช้า
มูคยอมคาดเดาตำแหน่งที่จะรับลูกและกำลังวิ่งไปตรงนั้น และทันทีที่มูคยอมรับลูก เหล่าผู้เล่นทีมเม็กซิโกที่รับรู้ถึงวิกฤตต่างก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากหนึ่งประตูในครึ่งแรกเป็นคนอื่นที่ทำคะแนน ดังนั้นมูคยอมจึงยังไม่ได้ลิ้มรสการยิงประตู
ในครึ่งแรกผู้เล่นหลายคนต่างใส่กำลังกันไปอย่างเต็มที่ เมื่อเข้าครึ่งหลังก็เลยสูญเสียแรงและสมาธิไป อีกทั้งยังถูกสกัดบอลอยู่หลายครั้ง ถึงมูคยอมจะคิดอยากให้ลูกบอลฟลุคเข้ามาใกล้ๆ แต่เขากลับไม่สามารถครองบอลได้อย่างเต็มที่เพราะแทบจะถูกล้อมเอาไว้ หรือไม่ก็ถูกจงใจสกัดบอล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ครองบอลได้สำเร็จและวิ่งเลี้ยงลูกไปด้วยสายตาวาววับราวกับสุนัขล่าเนื้อ
ผู้เล่นคนหนึ่งล้มตัวลงเพื่อเข้าสกัดบอล แต่มูคยอมเดาะบอลขึ้นด้วยปลายเท้าแล้วกระโดดข้ามอีกฝ่ายไป มูคยอมวิ่งเลี้ยงลูกหลบผู้เล่นสามสี่คนที่วิ่งเข้ามาด้านหน้าและด้านข้างแทบจะพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
มูคยอมไม่ได้ดูเหนื่อยขนาดนั้น อาจเพราะถูกสกัดไว้ตลอดครึ่งหลังจึงมีแรงเก็บไว้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ผู้คนเริ่มส่งเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่งกับการฉายเดี่ยวอันน่าประทับใจที่ปรากฎขึ้นกะทันหัน
แม้แต่ผู้รักษาประตูก็เริ่มรู้สึกร้อนใจจึงก้าวออกมาข้างหน้า และเมื่อผู้เล่นกองหลังพุ่งตัวเข้ามา มูคยอมก็เปลี่ยนทิศทางโดยเขี่ยบอลไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว มูคยอมเตะบอลออกไปในระหว่างที่ผู้เล่นคนอื่นๆ กำลังลังเลและตามเขาไม่ทันจากการเปลี่ยนทิศทางโดยกะทันหัน ลูกบอลสไลด์ไปที่ด้านหลังของผู้รักษาประตู
สนามแข่งขันและลานกว้างเดือดพล่านราวกับได้กลายเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ และดูเหมือนว่าเสียงร้องตะโกนกำลังจะพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าขึ้นไป
‘โกล! เข้าโกลแล้วครับ! ทำประตูได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ!’
‘สมบูรณ์แบบ! เป็นการจบเกมที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ! เมื่อสักครู่ผู้เล่นคิมมูคยอมยึดครองสนามได้อย่างไร้ที่ติเลยครับ!’
‘เข้ารอบ 8 ทีม! นี่มันเป็นการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในรอบกี่ปีของประเทศเกาหลีกันครับเนี่ย!’
เสียงบรรยายที่สูงขึ้นเจือความตื่นเต้นอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด ระหว่างนั้นมูคยอมที่เป็นตัวเอกในการทำประตูก็กำลังยกกำปั้นแล้ววิ่งไปบนสนาม เพื่อนร่วมทีมต่างก็วิ่งตามหลังมูคยอมมา บนสนามเต็มไปด้วยความคึกคัก
‘เป็นการจบเกมที่สวยงามจริงๆ! การทำประตูของคิมมูคยอมนี่มีผลเป็นอย่างมากกับการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายจริงๆ ครับ ว่ากันว่าทีมเวิร์คในปีนี้ก็ดีมากด้วยครับ’
‘หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการเข้ารอบ 16 ทีมก็เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว ซึ่งผมก็คิดแบบนั้นเช่นกันครับ แต่พอเป็นแบบนี้แล้วความคาดหวังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ประสิทธิภาพของนักกีฬาประเทศเรานี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ’
‘ว่าแต่ทำไมผู้เล่นคิมมูคยอมถึงไม่ฉลองกับผู้เล่นคนอื่นๆ เขากำลังจะไปไหนครับนั่น’
กล้องที่เคยจับใบหน้ามูคยอมซูมออกมาถ่ายในระยะไกล เผยให้เห็นภาพที่อีกฝ่ายกำลังวิ่งตรงไปยังที่นั่งสำหรับนักกีฬา และกระโดดเข้าไปท่ามกลางทีมงานที่ออกมายืนอยู่เกือบจะข้างในสนามหลังจบการแข่งขัน
เลนส์กล้องกลับมาโฟกัสที่มูคยอมอีกครั้ง มูคยอมกำลังโอบกอดผู้ชายคนหนึ่งที่ห้อยป้ายโค้ชไว้ แล้วนักกีฬาคนอื่นๆ กับทีมงานก็เข้ามาโอบกอดรอบๆ คนทั้งสองแน่นราวกับกำลังซ้อนตัวกันในชั่วพริบตา ปรากฎให้เห็นผู้คนที่รวมตัวกันเป็นวงกลมขนาดใหญ่บนสนาม เหล่าผู้บรรยายยิ้มออกมาและบรรยายถึงภาพตรงหน้า
‘อ๋อ โค้ชอีนี่เองครับ! เป็นที่ทราบกันว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันเป็นพิเศษก็เลยอาจจะอยากร่วมยินดีไปด้วยกันนะครับ’
‘โค้ชอีฮาจุนก็เพิ่งแขวนสตั๊ดไปได้ไม่กี่ปีนี้เองครับ ในเวิลด์คัพรอบก่อนเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่เข้าคู่กันได้อย่างยอดเยี่ยมกับผู้เล่นคิมมูคยอมครับ เรื่องที่ว่าการร่วมงานกันในทีมซิตี้โซลเป็นไปได้ดีมาก ผู้เล่นคิมมูคยอมก็เลยพาโค้ชอีฮาจุนมาถึงกรีนฟอร์ดด้วยเมื่อปีที่แล้วก็ดังมากเลยไม่ใช่เหรอครับ’
‘ใช่แล้วครับ ถ้ายังไม่ได้แขวนสตั๊ดไปวันนี้ก็คงจะเป็นการทำผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอนครับ…’
‘…’
มูคยอมหลับตาลง
และทิ้งเสียงร้องตะโกนของผู้ชม เสียงของผู้สื่อข่าว เสียงกดชัตเตอร์ที่ค่อยๆ เบาลงเอาไว้ข้างหลัง
ตึก ตึก
เขาได้ยินแค่เสียงหัวใจเต้นของตัวเองและเสียงหายใจของชายหนุ่มที่ตัวเองกำลังกอดอยู่ผ่านหูเข้ามาและดังก้องอยู่ในหัว
คิมมูคยอมและตัวแทนทีมประเทศเกาหลีใต้ได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันเวิลด์คัพครั้งนี้ เขารู้สึกดี ถ้าบังเอิญอาจเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายและโชคดีได้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศก็ได้ ใครจะไปรู้อนาคต?
บางครั้งเขารู้สึกอ่อนไหวแปลกๆ ก่อนทำประตูและหลังจากทำประตูได้ รู้สึกเหมือนได้ยินทุกคำพูดของผู้คน และเหมือนจะรับรู้ไปถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของหญ้าบนสนามด้วย
ฮาจุนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาตอนนี้ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มกว้างออกมา และเมื่ออีกฝ่ายซบหน้าลงบนไหล่ เขาก็รู้สึกเหมือนแขนที่รุดเข้ามาโอบกอดด้วยความจริงใจแน่นขึ้นกำลังเคลื่อนไหวช้าลง เส้นผมนุ่มลื่นทำให้ต้นคอที่ชุ่มเหงื่อของเขาจั๊กจี้
“คิมมูคยอม เก่งมากจริงๆ! วันนี้นายสุดยอดไปเลย!”
คำชื่นชมที่อีกฝ่ายร้องตะโกนขึ้นหลายต่อหลายครั้งเหมือนกลัวว่าเสียงจะถูกกลบอยู่ในอ้อมกอด กล่อมเข้ามาในหูราวกับเสียงเพลง แม้ว่ามันจะคล้ายกับเมื่อสี่ปีก่อนที่มูคยอมจำไม่ได้ แต่ภาพที่ต่างออกไปคือเขามีรอยยิ้มค้างอยู่บนริมฝีปากเมื่อลืมตาขึ้น
เรื่องที่ลืมไปแล้วก็แล้วไป เรามาสร้างความทรงจำที่น่าจดจำกนอีกครั้งก็ได้นี่ เหมือนกับตอนนี้
ที่ยังมีอีกหลายสนามจนนับไม่ถ้วนให้พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน