หลังจากที่ซินหยาได้ส่งพิกัดให้กับเมลติ้งสโนว์แล้ว เขาได้นั่งรอและมองไปยังท้องฟ้า
เขาหันไปมองเจ้าพวกนกยักษ์เหล่านั้นพลางคิดว่าเขาจะจัดการพวกมันยังไง เนื่องจากเขาไม่มีการโจมตีระยะไกลประจวบกับพวกมันมีประสาทสัมผัสที่ดีมาก แม้แต่เสียงที่เบานิดเดียวมันก็รู้ตัวแล้ว ครั้นจะวิ่งไล่ตามพวกมัน มันก็มีฝีเท้าที่เร็วมากอีก
จนถึงตอนนี้เขาก็คิดแผนการที่จะกำจัดเจ้านกพวกนี้ไม่ออกเลย
ในตอนแรกเขาคิดว่าภารกิจนี้จะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ที่ไหนได้เขาคิดผิด
เขาได้มองดูเจ้าพวกนกและเห็นมนเดินไปมาด้วยขาที่ผอม ๆ ของมัน จู่ ๆ เขาก็ปิ๊งไอเดียบางอย่างออกมา
เขาเผยรอยยิ้มออกมาและเริ่มหัวเราะเบา ๆ
“พวกแกหลงระเริงได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ อีกไม่นานพวกแกจะต้องมาอยู่บนเตาย่างของฉัน”
ก่อนที่ซินหยาจะเริ่มดำเนินแผนการ ในจังหวะนั้นเองเมลติ้งสโนว์ได้โผล่เข้ามาหาซินหยา ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย หนุ่มน้อยได้วิ่งมาหาเขาพร้อมกับโบกมือให้อย่างตื่นเต้น
“เฮ้ ทำไมพี่มานั่งจมปุกอยู่แบบนี้ล่ะ พี่ยอมแพ้แล้วเหรอ?” เมลติ้งสโนว์ถาม
ซินหยาหันไปมองด้วยแววตาเฉียบคม “ไม่ ฉันยังไม่ได้ยอมแพ้” เขาตอบ
“แต่จากที่ผมเห็นมันไม่เป็นอย่างนั้นเลยนะ แต่เอาเถอะพี่ดริฟไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้ผมมาที่นี่แล้ว ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยแน่นอน” เมลติ้งสโนว์กล่าวอย่างมั่นใจ
“อย่าเพิ่งใจร้อนไป พอดีฉันเพิ่งจะคิดแผนการดี ๆ ขึ้นมาได้” ซินหยากล่าว
“ไม่เอาล่ะ ผมไม่ต้องการแผนใด ๆ บุกตะลุยไปหาพวกนกตรง ๆ แบบนี้แหละ”
หลังจากกล่าวจบ เมลติ้งสโนว์ก็วิ่งไปหาเบลลลี่บอร์กตัวหนึ่งพร้อมกับดาบสองเล่มในมือของเขา ในจังหวะที่เขาจะเข้าถึงตัวมัน เจ้านกก็วิ่งหนีออกไปทันท่วงที ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถแตะตัวมันได้เลยแม้แต่ปลายขน
เมลติ้งสโนว์คิดว่าเขาต้องเร็วมากกว่านี้ เขาได้ลองอีกครั้งด้วยความมุ่งมั่น
ซินหยาเผ้าดูทักษะของเมลติ้งสโนว์ มีหลายช็อตที่เหมือนเขาจะเข้าถึงตัวได้แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
และในที่สุดเด็กหนุ่มก็ส่งคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและเริ่มขว้างปาดาบของเขาใส่เบลลี่บอร์ก
ริมฝีปากของซินหยาได้ยกขึ้นเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า เขาพยายามกลั้นหัวเราะออกมา
‘ฮ่า ๆ ก็บอกแล้วว่ามันเร็วมาก’
“ตอนนี้เธอพร้อมที่จะฟังแผนการของฉันอย่างรึยัง” ซินหยาถามเมลติ้งสโนว์ด้วยเสียงดัง
เมลติ้งสโนว์ได้หันมามองซินหยาด้วยสีหน้าที่เหนื่อยหอบ
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะจัดการเจ้านกบ้าพวกนี้ได้”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอเล็งได้แม่นมากแค่ไหน” ซินหยาพลางหัวเราะเบา ๆ
…….
หลังจากนั้นก็มีกองหินจำนวนมากอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ซินหยาได้สั่งให้เมลติ้งสโนว์ไปรวบรวมพวกหินมา เมลติ้งสโนว์รู้สึกงุนงงเล็กน้อยแต่เขาก็ทำตามแต่โดยดี
พอได้ก้อนหินจำนวนที่ต้องการ ซิหยาก็อธิบายแผนการโดยละเอียดให้ฟัง
“ในเมื่อการวิ่งไล่จับมันไม่ได้ผล เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีการ เราจะใช้หินพวกนี้สกัดการเคลื่อนที่ของมัน จากนั้นเราก็ทุบมันให้ตาย” ซินหยาอธิบาย
เมลติ้งสโนว์หยิบหินขึ้นมา “ผมคิดว่าแผนการมันฟังดูยอดเยี่ยมมาก”
เด็กหนุ่มได้โยนหินขึ้นลงเพื่อคำนวณน้ำหนักของหิน จากนั้นเขาก็เหวี่ยงไปในขาของเบลลี่บอร์กอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำให้
*พลัวะ!*
ก้อนหินได้กระแทกขาข้างหนึ่งอย่างเต็มแรง ทำให้เจ้านกล้มไปกองบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ซินหยาที่อยู่ไม่ไกล เขารีบพุ่งไปและแทงมันด้วยมีดและส้อมยักษ์
“มันได้ผล!!” เมลติ้งสโนว์ตะโกนอย่างตื่นเต้นและวิ่งไปดูแต่สิ่งที่ดรอปออกมากลับทำให้เขาต้องผิดหวัง “โธ่! อุตส่าห์ลำบากขนาดนี้กลับได้แค่เนื้อและขนพวกมันเนี่ยนะ”
“ฉันต้องการพวกเนื้อของมันน่ะ ส่วนขนนกมันสามารถเอาไปขายได้นะ พวกมันเอาไว้ใช้ในการทำลูกศรน่ะ” ซินหยากล่าว
“งั้นเหรอ เยี่ยมเลย มาเดี๋ยวผมจะช่วยแยกเนื้อกับขนนกให้เอง”
“และอีกอย่างเราเพิ่งจะฆ่าได้ตัวแรกเท่านั้น ถ้าเราฆ่าตัวอื่น ๆ ไม่แน่บางทีเราอาจจะได้ของดี ๆ มาก็ได้”
เมลติ้งสโนว์พยักหน้าเห็นด้วย “เข้าใจแล้ว งั้นเรามาล่ากันต่อเถอะ”
จากนั้นเมลติ้งสโนว์ก็เดินไปหยิบหินมาอีกสองสามก้อน ส่วนซินหยาก็เตรียมอาวุธของเขาให้พร้อม ทั้งสองมองหน้ากันและให้พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็เปิดฉากล่าพวกนกอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปพักใหญ่ ซินหยาก็ได้เนื้อมามากเกินพอแล้ว ตอนนี้เขากำลังแยกเหรียญกับขนนกออกจากกัน นอกจากนี้ยังมีกรงเล็บดรอปมาอีกสองสามอัน
พวกเขาตั้งใจจะออกล่าอีกสัก 5ตัว และพอแค่นี้ เนื่องจากฟ้าใกล้จะมืดแล้ว
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทำการออกล่าอีกครั้ง พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างดังของเบลลี่บอร์ก พวกเขาได้หันไปมองทางต้นเสียงพบว่ามันเป็นบอสได้ปรากฏตัวออกมา
เมลติ้งสโนว์ได้หันมามองซินหยาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดี
“เวลาได้ออกมาผจญภัยกับพี่เนี่ย ไม่มีคำว่าน่าเบื่อเลย พี่ก็คิดแบเดียวกับผมใช่มั้ย? ครั้งนี้ผมตั้งใจจะบันทึกวิดีโอไว้เพื่อเป็นหลักฐานของชัยชนะของพวกเรา”
บางครั้งซินหยาก็รู้สึกเหนื่อยใจกับเด็กหนุ่มคนนี้มากกว่านกยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเสียอีก