ซินหยากับเมลติ้งสโนว์พากันเดินออกมาในถนนที่พลุกพ่านไปด้วยผู้คน
จู่ ๆ เมลติ้งสโนว์ก็โพล่งขึ้นมาว่า
“แล้วภารกิจของพี่มันคืออะไรเหรอ”
“นี่เธอถามรายละเอียดหลังจากที่ตอบตกลงแล้วเนี่ยนะ” ซินหยาตอบพลางหัวเราะ
“ยังไงผมก็ไปช่วยพี่อยู่ดีนั่นแหละแต่ที่ผมถามก็เผื่อผมต้องอัพเกรดอาวุธหรือชุดเกราะ เพื่อความปลอดภัยอะไรทำนองนี้” เมลติ้งสโนว์ตอบ
‘ที่เมลติ้งสโนว์พูดมาก็มีเหตุผลเพราะมอนเตอร์ที่จะต้องเจอนั้น วินเทอร์ได้บอกว่าพวกมันจะมีการโจมตีระยะไกลและเนื่องจากพวกมันเป็นสิ่งที่เกิดจากยาที่ทิ้งไว้ พวกมันน่าจะความสามารถกัดกร่อนสิ่งต่าง ๆ อีกด้วย’
ซินหยาคิดและหันไปมองเมลติ้งสโนว์อย่างประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีความคิดที่รอบคอบขนาดนี้ มันคงจะจริงดั่งคำกว่าที่ว่า
‘เพียงเพราะอายุมากกว่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะฉลาดกว่าผู้เยาว์’
“ที่เธอพูดมันก็ถูก งั้นพวกเราไปเตรียมตัวกันเถอะเพราะว่าฉันในตอนนี้ยังใช้สกิลไม่ได้ คงต้องหวังพึ่งเธอสักหน่อยแล้วในภารกิจนี้” ซินหยากล่าว
“ไม่เป็นหรอกฮะ ผมยินดีช่วยพี่อยู่แล้วแต่พี่ช่วยบอกผมหน่อยสิว่าภารกิจของพี่มันเป็นแบบไหนเหรอ” เมลติ้งสโนว์ถาม
ซินหยาจึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่เขารู้จากวินเทอร์ให้เมลติ้งสโนว์ฟัง เขาเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตำนานของซิลแว็คผู้ซึ่งเป็นวีรบุรุษในอดีต เขายังเล่าเรื่องที่ลูกศิษย์ของเขาซ่อนบันทึกของซิลแว็คเพราะไม่อยากให้คนจำนวนมากอ่านมันและเรียนรู้สิ่งที่อยู่ข้างใน โดยลูกศิษย์ของซิลแว็คนั้นเขาได้แบ่งส่วนของบันทึกและซ่อนต่างดันเจี้ยนต่าง ๆ ทั่วโลกและเขาก็ได้เล่าว่าหนึ่งในดันเจี้ยนเล่านั้นอยู่ใกล้ ๆ กับเมืองเบลล์พอร์ต
“ว้าว!!” เมลติ้งสโนว์อุทานอย่างตื่นเต้นหลังจากได้รู้เรื่องทั้งหมด “อาชีพของพี่มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าอาชีพของผมซะอีก มันทำให้ผมแอบน้อยใจอยู่หน่อย ๆ เลยนะเนี่ย”
“อ้าว ทำไมเหรอ” ซินหยาถามพลางหัวเราะ
“ก็เรื่องราวของอาชีพของผมมีแค่ ชายหนุ่มที่ทะเยอทะยาน เขาต้องการวิธีที่ใช้เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาให้มากขึ้นในสนามต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงจับอาวุธเพิ่มขึ้นมาเป็นสองข้างและกวัดแกว่งไปในสนามต่อสู้ จนสามารถเอาชนะพวกคู่แข่งได้ทั้งหมด นี่จึงทำให้เขาได้รับการบันทึกว่าเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
พี่เห็นมั้ย เนื้อเรื่องของอาชีพผม มันทื่อและน่าเบื่อแค่ไหน ไม่มีความลึกลับซ้อน ใด ๆ เลย” เมลติ้งสโนว์กล่าวพลางถอนหายใจ
ซินหยาตบไปที่บ่าของเด็กหนุ่มและพูดว่า
“มันเป็นอาชีพใหม่และแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลยนะ ฉันคิดว่าเธอต้องมีความสุขแน่ ๆ ที่ไม่ต้องวิ่งไปมาอย่างงง ๆ แบบฉัน”
“เอาน่าพี่ คิดซะว่าเป็นการผจญภัยล่ะกัน” เมลติ้งสโนว์กล่าว “แล้วพี่รู้มั้ยว่ามีอะไรอยู่ในดันเจี้ยน”
“แน่นอน ฉันรู้มาว่าในดันเจี้ยนจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นการทดสอบบางอย่างแต่ฉันไม่รู้นะว่ามันจะทดสอบอะไรและถ้าหากทำพลาดถึงตายได้เลย ดังนั้นเราจึงตั้งตุนยาเพิ่มเลือดไว้เยอะ ๆ
และส่วนที่สองนั้นเราต้องจีดการมอนเตอร์ที่สร้างขึ้นมาจากยา” ซินหยากล่าว
“เป็นมอนเตอ์ที่สร้างมาจากยางั้นเหรอ?” เมลติ้งสโนว์กล่าวเอียงคอสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นตัวอะไรแต่ที่ฉันรู้ว่าก็คือมันสามารถโจมตีระยะไกลได้ ดังนั้นเราอาจต้องสู้กับมันทั้งระยะใกล้และระยะไกลแล้วยังต้องระวังของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอีก” ซินหยาตอบ
เมลติ้งสโนว์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า
“ถ้างั้นเราก็ต้องทำการเคลือบอุปกรณ์ของพวกเราก่อนเพื่อที่จะทำให้ของสวมใส่ของเราสามารถรับการโจมตีของมันได้”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือน แล้วเราต้องหาซื้อแพด้วย” ซินหยากล่าว
“หื้ม พี่จะเอาแพไปทำอะไร” เมลติ้งสโนว์ถาม
“อ้อจริงสิ ฉันลืมบอกไป คืองี้ดันเจี้ยนที่เราจะไปนั้นมันเป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบอะไรทำนองนี้”
เมื่อเมลติ้งสโนว์ได้ยินแบบนั้นก็หัวออย่างตื่นเต้นออกมา “นี่ไม่ใช้การผจญภัยธรรมดา ๆ แต่การผจญภัยบนเกาะร้าง ..แต่ว่านะมันจะต้องกินเวลาถ่ายวิดีโออย่างยาวนานแน่นอน ไหนจะเรื่องขาไปและขากลับอีก” เมลติ้งสโนว์มีท่าทีดูกังวล
“สำหรับเรื่องนั้น พอดีฉันได้ม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตมา ดังนั้นพวกเราคงไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปที่นั่น มันจะช่วยให้เราประหยัดเวลามากขึ้น”
“เยี่ยมเลย อย่างน้อยเราก็ไม่กังวลเรื่องเวลาเดินทางแล้ว” เมลติ้งสโนว์กลับมาร่าเริงอีกครั้ง “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
จากนั้นพวกเขาเดินทางไปยังหอคอยเวทมนต์เพื่อหานักเวทย์ร่ายเวทย์เคลือบใส่พวกเขา การเคลือบนี้มีราคาที่ไม่แพงมากนักเนื่องจากนักเวทย์คนไหนก็สามารถทำได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเสียไปคนละ 5เหรียญทองแดงเท่านั้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็แวะไปที่ย่านร้านค้า ซินหยาเห็นเรือลำเล็กที่ออกมาวางขาย ตัวเขาอยากได้เรือลำเล็กมาใช้งานแต่น่าเสียดายที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะเดินถึงจะใช้มันได้ ตัวทักษะนั้นมันหาได้ง่ายแต่ติดปัญหาตรงที่คนที่สอนทักษะ เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเบลล์พอร์ตดังนั้นซินหยาจึงไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องใช้แพในการเดินทางข้ามทะเลสาบ
เมื่อเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซินหยาก็สร้างปาร์ตี้และเชิญเมลติ้งสโนว์มาเข้าร่วม
จากนั้นเขาก็นำม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตออกมาและฉีกมันออกเป็นสองส่วน ทำให้มีแสงจ้าปรากฏรอบตัวพวกเขา ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์
*วิ้ง วิ้ง*
แสงวาบค่อย ๆ หรี่ลง เมื่อพวกเขาหยีตาปรับแสงและมองโดยรอบและพบว่า ตอนนี้พวกเขาบนเกาะกลางทะเลสาบ รอบ ๆ เกาะแห่งนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากสายน้ำที่ไหลเอื่อยอย่างเชื่องช้า
พวกเขาหรี่ตาเพ่งมองไกล ๆ ก็เห็นจุดเขียว ๆ ที่น่าจะเป็นต้นไม้ที่อยู่ห่างไกลหลายกิโลเมตร
ส่วนบนเกาะนั้นแบบแห้งแล้งไร้สิ่งใดมีเพียงช่องเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาบนผิวดิน มันถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ ข้างในเป็นบันไดคู่หนึ่งที่ทำจากเถาวัลย์ที่ทอดลงไปข้างล่าง
พวกเขามองลงไปในนั้น พวกเขาไม่เห็นสิ่งอื่นเลยนอกจากความมืดมิดและเงียบงันชวนให้ขนลุก
ซินหยาเริ่มรู้สึกไม่ดีกับสถานที่แห่ง เขากำลังจะหันไปพูดกับเมลติ้งสโนว์แต่เขากำลังอัดคลิปพูดคุยกับแฟนคลับและพูดถึงสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ
“พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะพี่ดริฟ วู้ววว!!” เมลติ้งสโนว์กล่าวก่อนที่จะมุ่งลงไปข้างล่าง
ซินหยาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะจะตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาลงไปข้างล่าง เขาได้หันไปมองรอบ ๆ สิ่งที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาถึงต้องประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้