Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 28.1 สุดยอดอาวุธสังหาร (1)

“หืม?” ชายวัยกลางคนผู้นั้นลุกขึ้นพรวดพราดอย่างกระทันหัน เขาผลักโจวเหว่ยชิงออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ดูเลื่อนลอยจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็สบถอย่างหัวเสีย “เจ้าเด็กสารเลว! ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า! เห็นมั้ย! แม่นางหน้าอกตูมคนนั้นลุกไปแล้ว! เฮ้อ ยากนักที่จะหาหญิงสาวที่มีตรงนั้นสะบึ้มขนาดนี้ บิดามันเถอะ! เดี๋ยวนะ! ทำไมเจ้าเป็นผู้ชาย? ตาแก่โจวบอกว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่งไม่ใช่เรอะ!” ในขณะที่เขากล่าว เขาก็คว้าคอโจวเหว่ยชิงเข้ามา ใกล้เพ่งดูใกล้ๆ
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “เฮะๆ นี่คงจะเป็นท่านอาวุโสหลัวเขอตี้สินะขอรับ พวกเรามี 2 คนขอรับ อีกคน เป็นผู้หญิง ส่วนข้าเพิ่งจะมาเข้าร่วมภายหลัง แม่ทัพโจวบอกให้พวกเราทั้งคู่ตามหาท่านด้วยกัน”
“หืม สรุปว่ามีหญิงงามอยู่ด้วยจริงๆ สินะ! หึๆๆ งั้นนางอยู่ที่ไหนล่ะ!!!?” หลัวเขอตี้เงยหน้าขึ้นสอดส่องสายตา     หาหญิงงามอีกคนทันที
โจวเหว่ยชิงกระพริบปริบๆก่อนจะคิดกับตัวเองในใจว่า: ท่านผู้นี้สรุปแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่? นี่ใช่ เอ่อ หน่วย เกาทัณฑ์สวรรค์ผู้น่าเคารพนับถือที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เคยพูดถึงจริงๆหรือ? ทำไมเขาช่างมีนิสัยละม้ายคล้ายคลึงกับตาแก่ แปลกประหลาดคนนั้นเหลือเกิน! แม้เขาอาจไม่ได้พูดจาหยาบคายเหมือนกับตาแก่นิสัยเสียคนนั้น แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มี นิสัยเปิดเผยและตรงไปตรงมามากเกินไปจริงๆ
โจวเหว่ยชิงหันไปโบกมือให้กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก่อนจะกวักมือเรียกให้เธอมาหาเขา ในไม่ช้าเธอก็เดินตรงมา ทางนี้ ขณะที่กำลังจะก้าวถึงตัวพวกเขานั่นเอง โจวเหว่ยชิงก็พลันได้ยินหลัวเขอตี้พูดพึมพำกับตัวเอง “ไม่เลว ไม่เลว อืม แต่ ว่าแค่ 33 นิ้ว เฮ้อ นั่นยังไม่ใช่แบบที่ข้าชอบสักเท่าไหร่…” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาถึงบริเวณที่พวกเขายืนอยู่อย่างรวดเร็ว เธอ โค้งคำนับหลัวเขอตี้ด้วยท่าทางนอบน้อม “คาราวะท่านอาวุโส”
ทันใดนั้นดวงตาของหลัวเขอตี้ก็สว่างวาบขึ้น เขาพูดโพล่งขึ้นมาทันทีว่า “หืม!…รอยขีดข่วนบนหยกมิอาจปิดบัง เนื้อแท้! [1] ถึงแม้ว่าจะเล็กไปหน่อย แต่ก็ยังน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ดี….”
สำหรับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ขณะที่ได้ยินหลัวเขอตี้พูดว่า ‘เล็ก’ เธอก็คิดไปเองโดยธรรมชาติว่าเขากำลังพูดถึงอายุ ของเธอ แต่ทว่าโจวเหว่ยชิงกลับเข้าอกเข้าใจหลัวเขอตี้เป็นอย่างดี เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าเขากำลังพูดถึงสิ่งใด ด้วยเหตุนั้น เขาจึงรีบพูดออกมาโดยไม่ได้กระพริบตาแม้แต่น้อย “ท่านอาวุโส แม่นางตรงนั้นยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งเลยขอรับ!”
“หืม? ไหน?” หลัวเขอตี้เงยหน้าขึ้นมองตามนิ้วของโจวเหว่ยชิงทันที
โจวเหว่ยชิงชี้ไปยังหญิงนางหนึ่งที่นั่งอยู่คนเดียวบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา มีอาหารหลายจานเรียงราย อยู่บนโต๊ะแต่เธอกลับกำลังกินอาหารอยู่เพียงคนเดียว สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือแม้ว่าจำนวนโต๊ะทั้งชั้นจะเต็มเกือบ 8 ใน 10 ส่วน แต่โต๊ะในรัศมีรอบๆ เธอกลับว่างเปล่าไร้ผู้คน
หญิงนางนั้นนั่งหันหลังให้กับหลัวเขอตี้และแน่นอนว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นโต๊ะของเธอมาก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเพ่งมองเข้าไปใกล้ๆ หัวใจของเขาก็ต้องสั่นไหวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นรูปร่างของเธอ ผมสีดำขลับเหยียดตรงดูงดงาม เส้นผมถูกปล่อยสยายลงมาปิดบังแผ่นหลังที่ดูบอบบางเอาไว้ อีกทั้งเธอยังสวมชุดสีเขียวที่ดูเหมือนจะทำมาจากวัตถุดิบ ชั้นเลิศ จากมุมที่หลัวเขอตี้มองเห็น สิ่งที่ดึงดูดเขาได้มากที่สุดก็คือหน้าอกอวบอิ่มของเธอที่มีขนาด เอ่อ มหึมามาก! “อย่าง น้อยก็สัก 38 นิ้ว! สวรรค์! นั่นคือ ‘สุดยอดอาวุธสังหาร’ จริงๆ! อาจจะคัพ F ด้วยซ้ำ! ช่างเป็นทรวดทรงที่หายากและงดงาม อย่างแท้จริง!”
หลัวเขอตี้กลืนน้ำลายคงคออึกใหญ่ก่อนที่จะหันไปหาโจวเหว่ยชิงและพูดอย่างเคร่งขรึม “เฮ้ เจ้าเด็กน้อย ข้าจะ ไปจ่ายเงิน แต่พอข้าเดินผ่านโต๊ะนั่น ให้เจ้าตะโกนเรียกข้า เจ้ารู้ว่าข้าหมายถึงอะไร!” เมื่อพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้โจวเหว่ย ชิงจากนั้นก็เริ่มเดินไปทางโต๊ะของหญิงสาวที่สวมชุดสีเขียวผู้นั้น โจวเหว่ยชิงแลกเปลี่ยนสายตาที่แสดงถึงความเข้าอกเข้า ใจให้กับเขา อย่างไรก็ตาม ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลับถามขึ้นมาอย่างสงสัย “เขาหมายถึงอะไรงั้นหรือ?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “เขาจะเดินผ่านโต๊ะของหญิงนางนั้น พอข้าตะโกนเรียกเขา จังหวะนั้น เขาจะหันกลับมาแล้วถือโอกาสมองนางยังไงล่ะ”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มีสายตาแปลกๆขณะที่เธอกล่าวว่า “ เขา…เป็นคนที่เรากำลังมองหาจริงๆใช่ไหม? ทำไมเขาถึง เลวร้ายกว่าเจ้าอีกล่ะ…”
มาถึงตอนนี้ หลัวเขอตี้ก็ได้เดินผ่านโต๊ะของผู้หญิงชุดเขียวไปแล้ว โจวเหว่ยชิงจึงรีบให้ร่วมมืออย่างรวดเร็ว เขา ตะโกนตามหลังออกมาว่า “หลัวเขอตี้ ท่านยังเหลือเหล้าอีกครึ่งขวดที่นี่!”
เมื่อได้รับสัญญาณแล้ว หลัวเขอตี้ก็หันกลับมาด้วยท่าทางอ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ การเคลื่อนไหวของเขา ราวกับชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา จากนั้นสายตาของเขาก็หันมาประสานเข้ากับเรือนร่างของผู้หญิงชุดเขียวที่นั่งอยู่ผู้ เดียวบนโต๊ะตัวนั้น
พลันสายตาของหลัวเขอตี้ก็ดูเหมือนจะหยุดชะงักอยู่กับที่ ร่างกายของเขาแข็งทื่อไม่ไหวติง ภายในใจของเขา มีเพียงสองคำที่ดังก้องกังวานอยู่…ใหญ่มาก…สวรรค์….ช่วยข้าด้วย!…หญิงสาวชุดเขียวผู้นั้นมี ‘สุดยอดอาวุธสังหาร’ จริงๆ!
อย่างที่คาดไว้ น่าจะเป็นคัพF พระเจ้า! นั่นเป็นอาวุธร้ายแรงถึงตายได้เลยทีเดียว! อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองเลย ขึ้นมายังใบหน้าของเธอ ปัญหาคือส่วนนั้นก็เป็นสุดยอดอาวุธสังหารเช่นกัน!
ใบหน้าซีกซ้ายเต็มไปด้วยหลุมและรอยตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับพื้นผิวของดวงจันทร์  ส่วนใบหน้าซีกขวาก็เต็มไป ด้วยสิวเห่อแดง ริมฝีปากหนาๆ ของเธอเหยียดยาวจนเกือบจะถึงหูทั้งสองข้าง ดวงตาสะท้อนสีเหลืองหม่นออกมา สิ่งที่ น่ากลัวที่สุดคือสัดส่วนของใบหน้าที่แปลกประหลาดมาก ช่วงหัวแคบ ส่วนช่วงกรามกว้าง คางของเธอยังเต็มไปด้วยตอ หนวด… นี่มันความงามระดับเหนือไปอีกขั้น…สุดยอดอาวุธสังหารอย่างแท้จริง! ยากจะหาคนอื่นมาลอกเลียนแบบได้!
จากมุมของโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ พวกเขาเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของหลัวเขอตี้เปลี่ยนเป็นสีแดงสลับขาว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับม่วง…หน้าอกของเขาหอบสะท้อนขึ้นลงขณะพยายามปลอบประโลมจิตใจของตนเอง
ในช่วงเวลานั้นเอง ผู้หญิงชุดเขียวที่มี ‘สุดยอดอาวุธสังหาร’ ก็เงยหน้าขึ้นสบตากับหลัวเขอตี้ที่กำลังจ้องมองเธอ อยู่ เห็นดังนั้นเธอจึงชะม้ายชายตาใส่เขาด้วยท่าทางยั่วยวนก่อนจะเอ่ยปากถามว่า  “สุภาพบุรุษรูปหล่อท่านนี้ ไม่ทราบว่า อยากทานอาหารกับข้าหรือ?”
ท่าทางของหลัวเขอตี้สงบเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ากำลังถูกเธอชักชวนจึงรีบเอ่ย ปากตอบกลับอย่างรีบร้อนว่า “ขอโทษนะแม่นางคนงาม ข้าก็อยากจะทานอาหารกับท่านเช่นกัน แต่เกรงว่าตอนนี้ข้ามีเรื่อง เร่งด่วนจะต้องไปจัดการก่อน ไว้ครั้งหน้าละกันนะ” พูดจบเขาก็หันไปมองโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และพูดอย่าง เฉยเมย “ข้าจะไปรอเจ้าสองคนข้างนอก” เขาหันหลังกลับและออกไปด้วยท่าทางราวกับสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยนและมีเสน่ห์ เหลือล้น แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูเงียบสงบมาก แต่โจวเหว่ยชิงก็ทันได้เห็นว่าเขาพยายามสาวเท้ายาวๆ และเดินให้เร็ว กว่าเดิม และทันทีที่เขาไปถึงประตูทางออกโรงเตี๊ยมตี้ฮ่าว โจวเหว่ยชิงก็ได้ยินเสียงเขาสบถออกมา
โจวเหว่ยชิงเผยรอยยิ้มที่ดูงดงามและซื่อสัตย์ของเขาออกมา ก่อนจะหันไปหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์และกล่าวว่า “ดูเหมือนผู้อาวุโสหลัวคนนี้จะไม่ค่อยสบาย! ปิงเอ๋อร์ พวกเรารีบไปกันเถอะ อย่าหันกลับไปเชียว!” ขณะที่พูดเขาก็ดึง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปยังทางออกพลางคิดกับตัวเองว่า หึ ตาแก่นี่! กล้าคิดลามกกับภรรยาในอนาคตของข้า เจ้าสมควรโดน ลงโทษแล้ว! ฮึ่ม!
หลังก้าวออกจากโรงเตี๊ยมพวกเขาก็ทันได้เห็นหลัวเขอตี้กำลังนั่งยองๆอยู่ที่มุมทางออกพร้อมกับอาเจียนออกมา กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปในอากาศ เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งจะอาเจียนทุกอย่างที่เพิ่งทานเข้าไปทั้งหมด
โจวเหว่ยชิงดึงมือซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้าไปหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มซื่อๆอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แม้ซ่างกวนปิง เอ๋อร์จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอก็ยังคาดเดาได้บางส่วน เธอจึงพูดขึ้นมาเบาๆว่า “อ้วนน้อย นี่มันหมายความว่ายัง ไง!”
โจวเหว่ยชิงเอ่ยตอบเบาๆ “ก็อย่างที่โบราณเขาว่าไว้นั่นแหละน้า หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง นั่นไม่ใช่สิ่งที่ ยุติธรรมหรือ? ข้าสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่บิดาของข้าพูดเกี่ยวกับหลิวต้าวไร้ผู้ทัดเทียมคนนี้จริงๆ หรือว่าหลิวนี้จะมาจากหลิว หมาง(อันธพาล)[2]กันแน่”
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวเขอตี้ก็ผงกหัวขึ้นมา ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาก็ทำ ท่าทีราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลัวเขอตี้เดินเข้ามาใกล้กับพวกเขา 2 คน ก่อนจะยิ้มแย้มและเอ่ยกับโจวเหว่ย ชิงว่า “น้องชาย แม่นางคนนั้นคือคนที่เจ้าเรียกว่า ‘ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง’ รึ?”
การแสดงออกทางสีหน้าของโจวเหว่ยชิงนั้นดูซื่อสัตย์และไร้มารยามาก เขาร้องตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งสับสนว่า “ใช่ ขอรับ! ตอนที่ข้าเดินผ่านนางเมื่อสักครู่นี้ ข้าก็ตกใจมากเช่นกัน ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งเช่นนี้ ท่านว่าจะ หาที่ไหนพบได้อีกเล่า? เอ๊ะ ท่านอาวุโส ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? กระเพาะท่านไม่ค่อยดีหรือ?” สีหน้าของหลัวเขอตี้ดู ค่อนข้างบึ้งตึง เขาถอนหายใจเบาๆ ขณะที่พูดว่า “อืม! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งจริงๆ!!!…ฮึ่ม!…เอาล่ะ…เจ้าทั้งคู่ ตามข้ามา” พอพูดจบ เขาก็เดินนำไปยังประตูทางออกของเมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์
เมื่อมองเห็นสีหน้าอาฆาตแค้นของหลัวเขอตี้ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าตนเพิ่งถูกงูพิษกัดจนต้องหนาวสั่นไปถึง กระดูกสันหลัง เขาพลันขบคิดในใจว่า ตอนนี้ใบหน้าของหลัวเขอตี้ผู้นั้นก็ดู ‘ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง’ เช่นกัน!!
หลัวเขอตี้เดินนำไปช้าๆ เขานำทั้งคู่เลี้ยวซ้ายออกจากเมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์ไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด
เมื่อหันกลับมา เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึม “เจ้าทั้งคู่มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ใช่ไหม? เจ้า สองคนควรรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าร่วมกับหน่วยของพวกเรา ไม่ว่าตัวตนหรือสถานะที่แท้จริงของเจ้าคืออะไร ไม่ว่าเจ้า จะมีภูมิหลังแบบไหน หากต้องการเข้าร่วมหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ เจ้าต้องผ่านการทดสอบทั้ง 3 ด่านไปให้ได้ก่อน ส่วนข้า จะเป็นผู้คุมสอบให้กับพวกเจ้า
หลัวเขอตี้ในตอนนี้ดูเหมือนจะเอาจริงเอาจังมาก เมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่สุภาพหล่อเหลาของเขา นั่นจึงเป็นเรื่อง ยากที่จะเชื่อมโยงหลัวเขอตี้กับคนป่าเถื่อนที่พูดจาลามกก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงก็สัมผัสได้ถึงอันตรายบาง อย่างจากร่างของหลัวเขอตี้ บางอย่าง…ที่คล้ายคลึงกันกับเขา นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าบุคคล ผู้นี้สามารถควบคุม อารมณ์ของตนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเล่นละครได้เก่งมาก
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “ท่านอาวุโส แล้วเราจะทดสอบอย่างไรหรือ?”
หลัวเขอตี้กล่าวตอบ “การทดสอบนั้นง่ายมาก ตอนนี้ให้พวกเจ้าเดินไปข้างหน้า 300 หลาและหันกลับมายิงธนู ใส่ข้า พวกเจ้าแต่ละคนจะได้รับลูกธนูคนละ 10 ดอก พวกเจ้าจะต้องทำให้ข้าขยับขาออกจากตำแหน่งที่ข้ายืนอยู่ หรือไม่ ก็ทำให้ข้าขยับตัวปัดป้องลูกศรของพวกเจ้าทิ้งไป หากทำได้ พวกเจ้าถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้”
เดิมทีซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น เธอจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ท่านผู้อาวุโส โปรดชี้แนะข้าด้วย” เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ดึงโจวเหว่ยชิงวิ่งไปด้านหน้าทันที
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงวิ่งตามเธอไป เขาก็กล่าวว่า “คนผู้นั้นช่างให้ความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก ข้ารู้สึก ทะแม่งๆ อย่างไรชอบกล ปิงเอ๋อร์ เจ้าควรระวังตัวให้ดี”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างสงสัยว่า “ผู้อาวุโสหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ได้อุทิศตนให้กับอาณาจักรของเราอย่าง กล้าหาญ พวกเขานับว่าเป็นวีรบุรุษของพวกเรา เพราะฉะนั้น อ้วนน้อย เจ้าคิดมากเกินไปหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโส อาจดื่มมากเกินไป นั่นจึงทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองไปบ้าง ดูสิ ตอนนี้เขาดูดีขึ้นมากหลังจากอาเจียนเอาเหล้า พวกนั้นออกมาจนหมด เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรอกหรือ?”
โจวเหว่ยชิงยักคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดถูก”
เมื่อพวกเขามาถึงบริเวณที่ทำเครื่องหมายกำกับไว้ว่า 300 หลา ทั้งคู่ก็พลันหันกลับไปมองหลัวเขอตี้ ในระยะทาง ดังกล่าว รูปร่างของหลัวเขอตี้กลายเป็นจุดเล็กๆที่อยู่ในระยะไกลๆ แต่ทว่าพวกเขาทั้งคู่ก็เป็นผู้จ้าวมณีสวรรค์ ดังนั้นวิสัย ทัศน์ของพวกเขาจึงดีกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปมาก ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงสามารถมองเห็นหลัวเขอตี้ที่อยู่อีกฝั่งได้อย่างชัด เจน
“เจ้าทั้งสองคนผลัดกันยิง แม่นางน้อย เจ้าเริ่มก่อน” เสียงของหลัวเขอตี้ดังมาถึงหูของพวกเขา แม้ว่าจะไม่ดังมาก แต่ก็ยังได้ยินชัดเจน โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นระยะทางไกลถึง 300 หลา! การทำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องมีพลังปราณสวรรค์อยู่ในระดับที่สูงมาก!
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถอดธนูอุษาม่วงออกมาจากด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปลดปล่อยมณีสวรรค์ออกมา ทันทีมณี ยุทธ์ดวงแรกเคลื่อนตัวออกมา มันก็กลิ้งลงไปยังฝ่ามือของเธอ แสงสีเขียวสว่างวาบ จากนั้นศรติดตามไร้เสียงก็ปรากฏขึ้น บนมือของเธอ
…………………………………………………
[1] 瑕不掩瑜 รอยขีดข่วนบนหยกมิอาจปิดบังเนื้อแท้ แปลว่า จุดด่างพร้อยเล็กๆน้อยๆไม่สามารถจะปิดบังจุดเด่นได้
[2] 流氓 Líu Máng – แปลตรงตัวว่า กุ๊ย อันธพาล ตัวโกง

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset