Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 30.1 สำนักสวรรค์พิสดาร (1)

เนื่องจากตอนนี้พวกเขามาอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งคู่พยักหน้าให้หัวเฟิงเป็นการตกลง
“เดี๋ยวก่อน เหว่ยน้อย เจ้าแก้ปัญหาเส้นชีพจรอุดตันของเจ้าได้แล้วหรือ!? ข้าไม่ได้พบเจ้ามานานเป็นปีแล้ว ดูสิ เจ้าโตขึ้นมากทีเดียว!” มู่เอินพูดด้วยท่าทางประหลาดใจ แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขารู้จักสภาพร่างกายของโจวเหว่ยชิงเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงไม่คาดคิดว่าโจวเหว่ยชิงจะกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยความพึงพอใจ “อาจารย์ ท่านจากไปโดยไม่บอกอะไรข้าเลย! ศิษย์ของท่านไม่เพียงแก้ไขปัญหาเส้นชีพจรอุดตันได้ ดูนี่!!” ในขณะที่เขาพูด โจวเหว่ยชิงก็ยกมือขวาขึ้น และเมื่อเขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ มณีสวรรค์ของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาทันที บริเวณรอบๆ ข้อมือขวาของเขามีหยกน้ำแข็งกำลังส่องแสงเจิดจ้าอยู่ เผยประกายบริสุทธิ์ของมันออกมาต่อหน้าทุกๆ คน
มู่เอินกะพริบตาถี่ๆ แม้ว่าเขาจะอายุมากที่สุดในกลุ่ม แต่สายตาและทัศนวิสัยของเขานั้นกลับไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ มิฉะนั้นเขาคงจะไม่มีฉายาว่าอันธพาลตาเทพหรอก ทว่าเมื่อหยกน้ำแข็งบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มู่    เอินก็พลันตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง
สายตาของหลัวเขอตี้มองเลยไปยังมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงเพื่อสอดส่องหามณีธาตุ อนิจจา โจวเหว่ยชิงนั้นมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว มือซ้ายของเขาจึงถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยแขนเสื้อตัวยาว
ดวงตาของหัวเฟิงดูเหมือนจะเจิดจ้าขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขามองไปยังโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาอ่อนโยน ดวงตาดูเหมือนจะมีร่องรอยความสับสนและความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาพร้อมๆ กัน ราวกับว่าเขากำลังหวนคิดไปถึงอะไรบางอย่าง…
“เป็นไปไม่ได้! พวกเราไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว ถึงแม้เจ้าจะแก้ไขปัญหาเส้นชีพจรอุดตันได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกมณีสวรรค์ขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้! จะ เจ้า…เจ้าเด็กเหลือขอ! นี่เป็นเจ้าตัวจริงแน่รึ?” ในขณะที่เขาพูด มู่เอินก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเอื้อมมือหยิกเข้าที่ใบหน้าของโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างทะนงตนว่า “ถ้าท่านอิจฉา ก็แค่พูดว่าอิจฉา! ข้าเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนและหล่อเหลาเสียขนาดนี้ ใครจะกล้าปลอมตัวเป็นข้าได้อีก! ท่านก็รู้จักนิสัยบิดาข้าดี เขาย่อมไม่ทำอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแน่ หากไม่ใช่เพราะมณีสวรรค์ของข้าตื่นขึ้นมาจริงๆ เขาจะกล้าส่งข้ามาที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์พร้อมกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์หรือ? อาจารย์ ข้าจะแนะนำท่าน นี่คือภรรยาของข้า ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ หญิงงามอันดับหนึ่งของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์! หึๆๆๆ”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กรอกตาขึ้นมองเขาอย่างเคืองๆ แต่ทว่าก็ไม่ได้มีทีท่าปฏิเสธอะไร… อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งจะได้รู้จักกับคน ‘เหลี่ยมจัด’ และตาแก่ ‘อันธพาล’ เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจึงต้องการอ้วนน้อยโจวไว้ใช้เป็นเกราะกำบังเพื่อทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยจากสองคนนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องของเจ้าเด็กหน้าด้านคนนี้จะทำให้มู่เอินอยากลงไม้ลงมือกับเขาแค่ไหน แต่ยังไงก็ตาม ความจริงที่ว่ามณีสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงถูกปลุกขึ้นมาแล้วก็ยังสามารถสั่นสะเทือนจิตใจของสมาชิกในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ทั้ง 3 คนได้เป็นอย่างมาก อย่างไรซะ ก่อนหน้านี้อาณาจักรก็มีจ้าวมณีสวรค์เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น หนึ่งคือแม่ทัพใหญ่โจว ส่วนอีกคนก็คืออัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างซ่างกวนปิงเอ๋อร์
สำหรับอาณาจักรใหญ่ๆ นั้น จ้าวมณีสวรรค์ที่เพิ่มมาคนหนึ่งอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สำหรับอาณาจักรเล็กๆ เช่นเกาทัณฑ์สวรรค์ นี่อาจเป็นสิ่งที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงสถานะของอาณาจักรเล็กๆ แห่งนี้ในดินแดนไร้ขอบเขตไปได้สิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าเป็นไพ่ตายที่กำหนดชะตากรรมของทุกๆ คนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าได้เลยด้วยซ้ำ! เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าหากอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ไม่มีแม่ทัพโจวผู้ครอบครองมณี 8 ดวงและหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์คอยปกป้องเอาไว้  อาณาจักรนี้ก็อาจจะถูกกำจัดไปนานแล้ว
หลัวเขอตี้มองไปที่มู่เอินและกล่าวว่า “ตาแก่อันธพาลนี่! มณียุทธ์ของเขาเป็นของจริงแน่นอน ข้าทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเขาก็ใช้ศาสตรามณียุทธ์ที่เป็นธนูกับข้า ความแข็งแกร่งของธนูนั่นค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียว”
หัวเฟิงกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ พวกเราควรรีบมุ่งหน้าไปห้องประชุมเพื่อหารือกันให้มากกว่านี้”
“เหลี่ยมจัด ไปเรียกป้อมธนูและปืนใหญ่มาด้วย” เขาเรียกแต่ละคนด้วยฉายา พูดจบก็เดินไปหาโจวเหว่ยชิงและตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะเดินนำไปยังบ้านไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดหลังหนึ่ง
คนที่เหลืออยู่ทั้งหมดต่างก็เดินตามเขาเข้าไปในบ้านไม้หลังนั้น ข้างในบ้านเป็นพื้นที่โล่งๆ มีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยเก้าอี้ทรงกลมหลายตัว เห็นได้ชัดว่านี่คือที่ๆ พวกเขาจัดประชุมกันตามปกติ หัวเฟิงนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะ จากนั้นหลัวเขอตี้ก็นำสมาชิกอีก 2 คนตามเข้ามาด้วย
“หัวหน้า” ฮั่นโม่และเกาเฉินพยักหน้าทักทายหัวเฟิง เขายิ้มบางเบาและพูดว่า “เอาล่ะ ทุกคน นั่งลงเถอะ” ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนโจวเหว่ยชิงก็นั่งลงข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์
หัวเฟิงหันไปมองโจวเหว่ยชิงอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ให้ข้าแนะนำสองคนนี้ก่อน สาวน้อยคนนี้คือซ่างกวนปิง เอ๋อร์ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเรา ก่อนหน้านี้แม่ทัพโจวได้แนะนำเธอมา ดังนั้นเธอจะร่วมฝึกกับเราเป็นเวลา 2 ปี ส่วนเด็กหนุ่มคนนี้ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ทัพโจว โจวเหว่ยชิง ก่อนหน้านี้เขาได้เรียนรู้วิถีการเอาชีวิตรอดกับมู่เอินมาเป็นเวลา 2 ปี และตอนนี้มณีสวรรค์ของเขาได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว เขาคือจ้าวมณีสวรรค์คนที่ 3 ของอาณาจักรเราและจะเข้าร่วมฝึกกับหน่วยของพวกเราพร้อมกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แม่นางซ่างกวน เจ้ามีมณีคู่ประเภทเสริมความว่องไวและข้าก็เป็นจ้าวมณีธาตุลม เพราะฉะนั้นเจ้าเต็มใจจะรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนจะเผยสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ สำหรับหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์นั้นเธอเคยได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพวกเขาและปรารถนาที่จะเข้าร่วมกับพวกเขามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เธอได้เห็นการยิงธนูที่น่าทึ่งของหลัวเขอตี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ผู้นำของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ ผู้ซึ่งมีมณีธาตุเดียวกันกับเธอต้องการจะรับเธอเป็นลูกศิษย์อีกด้วย! เป็นเช่นนี้แล้วเธอจะไม่เต็มใจได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น ในบรรดาสมาชิกทั้ง 5 คนของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ที่เธอเห็นมาในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่หัวหน้าท่านนี้เท่านั้นที่ดูค่อนข้างปกติกว่าคนอื่นๆ…
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ยืนขึ้นและสาวเท้าเข้าไปหาหัวเฟิง เธอคุกเข่าลงและกล่าวว่า “อาจารย์” ขณะที่พูด เธอก็ก้มลงคำนับเขาสามครั้ง
หลังจากโค้งคำนับเสร็จ หัวเฟิงก็ช่วยประคองเธอลุกขึ้นมา “เจ้าสามารถติดตามข้าได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะส่งต่อทุกๆ อย่างที่ข้ารู้ให้แก่เจ้า เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีความสามารถ ข้ามั่นใจว่าอีกไม่นานความสามารถของเจ้าจะแซงหน้าข้าไปได้แน่นอน”
หลังจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลับไปที่นั่งของตนแล้ว หัวเฟิงก็หันไปหาโจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “ มณีสวรรค์ของเจ้าน่าจะเป็นทักษะธาตุมืดเช่นเดียวกับแม่ทัพโจว น่าเสียดายที่ในหมู่พวกเราไม่มีใครที่มีทักษะธาตุเดียวกับเจ้าเลย เพราะฉะนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าเรียนรู้จากมู่เอินต่อไป ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ของเรา มู่เอินอาจไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ทักษะการยิงธนูของเขานั้นยอดเยี่ยมที่สุด”
ทันทีที่หัวเฟิงพูดจบ เสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจดังขึ้นมาเกรียวกราวทันที แน่นอนว่าเสียงเหล่านั้นมาจากสมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ทั้ง 3 คนที่นั่งอยู่
น้ำเสียงของหลัวเขอตี้นั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ส่วนเกาเฉินนั้นแฝงไปด้วยการยั่วยุ ในขณะที่เสียงของฮั่นโม่นั้นค่อนข้างแข็งห้วน
“พวกเจ้าฮึดฮัดอะไรกันมิทราบ!!!! มีใครอยากจะแข่งธนูกับข้างั้นรึ?! ในระยะ 100 หลา แม้ว่าเจ้าทั้ง 3 คนจะเผชิญหน้ากับข้าเพียงคนเดียว ข้าก็ยังเอาชนะพวกเจ้าได้อยู่ดี ว่าไง มีใครอยากจะลองไหมล่ะ?” มู่เอินกล่าวด้วยท่าทีสบายๆขณะเอนหลังลงบนเก้าอี้
โจวเหว่ยชิงพบว่าเมื่อมู่เอินพูดจบ ทั้ง 3 คนก็ไม่มีใครกล้าสบตากับเขาอีกเลย
หัวเฟิงหัวเราะออกมาเสียงดังขณะที่พูดว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องการยิงธนู ข้ามั่นใจเป็นอย่างมากว่าในระยะ 100 หลา มู่เอินไม่มีทางแพ้ใครบนโลกนี้แน่นอน เหว่ยน้อย ปิงเอ๋อร์ ในอนาคตข้าจะเรียกพวกเจ้าเช่นนั้น ตกลงไหม? เอาล่ะ ต่อจากนี้ข้าจะแนะนำหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ของพวกเราให้ฟัง”
“หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเป็นเวลามากกว่า 130 กว่าปีแล้ว และหน่วยของเราก็เคยช่วยอาณาจักรนี้ให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้าง อีกทั้งยังช่วยพลิกสถานการณ์ใหญ่ๆ ไว้ได้ 3 ครั้ง ด้วยเหตุนี้ เมื่อ 86 ปีก่อนอาณาจักรจึงเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เพื่อเป็นเกียรติแก่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ของเรา หน่วยของเรากลายเป็นหน่วยจู่โจมที่รู้จักกันในนามกองธนูระดับตำนานของอาณาจักร และพื้นที่บริเวณนี้ก็ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักร หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์รุ่นแรกมีจำนวน 7 คน ด้วยเหตุนั้น ต่อมาหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จึงคงจำนวนสมาชิกไว้ที่ 7 คนเสมอ พวกเราคือรุ่นที่สอง และเราแต่ละคนก็ได้สืบทอดทักษะการยิงธนูประเภทต่างๆมาจากผู้อาวุโสคนก่อนๆ  ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งคู่จะตั้งใจเรียนรู้ทักษะพวกนี้ให้ดีแล้วสืบทอดมันต่อไป”
“หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราเคยมีจ้าวมณีสวรรค์ แต่ก็มีไม่มากนักเท่าไหร่ แท้จริงแล้วแม่ทัพโจวเคยเป็นผู้นำหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์มาก่อน แต่เนื่องจากเหตุผลจำเป็นบางอย่าง ข้าจึงต้องเข้ารับตำแหน่งแทน เอาล่ะ ตอนนี้ในบรรดาพวกเราทั้ง 7 คน ข้าจะแนะนำคุณสมบัติและจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนให้ฟังอย่างง่ายๆ”
“ข้าเป็นจ้าวมณีธาตุลมที่มีมณี 7 ดวง ในฐานะผู้นำหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ ส่วนใหญ่ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านกลยุทธ์ วางแผนเส้นทางการหลบหนีและแผนการณ์ลอบสังหาร ฉายาของข้าคือ ‘สุดยอดนักฆ่า’ ” ขณะที่หัวเฟิงพูดคำ 4 คำนี้ออกมา แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต่างก็รู้สึกเย็บวาบไปถึงกระดูกสันหลัง
หัวเฟิงหันไปที่มู่เอินและพูดว่า “มู่เอิน จ้าวมณียุทธ์ที่ครอบครองมณี 6 ดวง ครึ่งหนึ่งเป็นประเภทเพิ่มความคล่อง แคล่ว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเพิ่มความแข็งแกร่ง เขามักจะรับหน้าที่ทำลายล้างที่มั่นศัตรูและลอบโจมตีทุกปรเภท สามารถสังหารศัตรูในทุกๆ สภาพแวดล้อมได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เขายังรับผิดชอบด้านการปลอมตัวและปกปิดตัวตน และเพราะว่าสายตาของเขาที่ดีที่สุดในหมู่พวกเรา เขาจึงถูกเรียกว่า ‘อันธพาลตาเทพ’ ”
“หลัวเขอตี้ จ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 5 ดวง ครึ่งหนึ่งเพิ่มความยืดหยุ่น อีกครึ่งหนึ่งเพิ่มการสอดประสาน เขารับผิดชอบการสอดแนม สำรวจพื้นที่และหลอกล่อศัตรู เขาเป็นหน่วยลาดตระเวนเพียงหนึ่งเดียวของเรา ฉายาของเขาคือ ‘ขี้เมาเหลี่ยมจัด’ และเพราะเขาเป็นคู่หูกับมู่เอิน นั่นจึงทำให้ทุกคนเรียกเขาว่า ‘หลิวที่ไม่เข้ากับคู่หู’ ” ที่ด้านข้างมู่เอินส่งเสียงหึในลำคอแล้วกล่าวว่า “หึๆๆ ที่หลัวเขอตี้เป็นคนสอดแนมก็เพราะว่าเขาอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเราทุกคนยังไงล่ะ”
หลัวเขอตี้พูดด้วยความเกรี้ยวกราด “หมายความว่ายังไงที่ว่าข้าอ่อนแอที่สุดน่ะหา!? ถึงยังไงข้าก็อายุน้อยกว่าพวกเจ้าเป็นสิบๆ ปีเชียวนะ!” แม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงแค่แกล้งโมโหเท่านั้น
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากัน ใบหน้าของทั้งคู่ต่างก็ไม่อาจซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้ หากทักษะการยิงธนูของหลัวเขอตี้ที่พวกเขาชื่นชมกันหนักหนานั้นถือว่าอ่อนแอที่สุดในหน่วยแล้ว พวกเขาก็แทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ จะเก่งกาจแค่ไหน
มู่เอินเบ้ปากอย่างเหยียดหยาม แต่หัวเฟิงกลับเมินเขาและพูดต่อว่า “ฮั่นโม่ จ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 6 ดวง มณียุทธ์ประเภทเพิ่มความทนทานและความทรหด เขามีพลังโจมตีรุนแรงมากและยังโจมตีได้ต่อเนื่องอีกด้วย ในหน่วยของเรา เขารับผิดชอบการระดมยิงอย่างต่อเนื่องและรับการโจมตีจากศัตรู ฉายาของเขาคือป้อมธนู ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นเหมือนป้อมธนูที่ยิงลูกศรออกไปไม่หยุดหย่อน”
“เกาเฉิน จ้าวมณีธาตุไฟที่มีมณี 6 ดวง เขาเชี่ยวชาญในด้านการจู่โจมและการทำลายล้าง ฉายาของเขาคือ ‘ปืนใหญ่’ ในสถานการณ์ปกติ คู่หูเกาเฉินและฮั่นโม่ที่ทำงานประสานกันจะสามารถสังหารทหารธรรมดาๆจำนวนมากกว่า 1000 คนได้อย่างสบายๆ”
หัวเฟิงกล่าวว่า “จริงๆแล้วยังมีสมาชิกอีก 2 คน แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในระหว่างปฎิบัติภารกิจ ข้าจะแนะนำพวกเขาให้เจ้าทั้งคู่รู้จักเมื่อได้พบกันในอนาคต”
โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หัวหน้า ที่ว่าพวกเราจะออกไปปฏิบัติภารกิจนั่นคือภารกิจอะไรหรือขอรับ? ภารกิจของอาณาจักรหรือ?”
…………………………………..

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset