ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังคิดจะยอมแพ้ ทันใดนั้นเองก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกมาจากภายในท้องของตน ซึ่งนั่นได้อธิบายไว้ในคัมภีร์ มันหมายความว่า เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณสวรรค์ในร่าง! โจวเหว่ยชิงรู้สึกตื่นเต้นยินดี เด็กหนุ่มรีบเพ่งความสนใจไปที่บริเวณท้องส่วนล่างเมื่อรู้สึกได้ถึงไอความหนาวเย็นจากที่นั่น จากนั้นเขาก็พยายามชักนำมันขึ้นขึ้นมาข้างบน
สิ่งที่ทำให้โจวเหว่ยชิงประหลาดใจก็คือ หลังจากที่กระแสความเย็นนี้ปรากฏขึ้น ระดับความเย็นยะเยือกก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่อธิบายไว้ในวิชาเทพอมตะที่จะเป็นเพียงไอความเย็นเล็กๆ ทันทีที่ความเย็นนี้ถูกชักจูงมาถึงบริเวณหน้าอก มันก็หลอมรวมกันกลายเป็นก้อนกลมขนาดเล็กก้อนหนึ่ง กระบวนการทั้งหมดดูราบรื่นมาก และมันก็กำลังจะเคลื่อนไปถึงจุดตาย ณ บริเวณกระดูกไหปลาร้าของเขา
‘ต้องสำเร็จ!’ โจวเหว่ยชิงกรีดร้องในใจ ตอนนี้เขาไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงกัดฟันทำทุกอย่างด้วยแรงทั้งหมดที่มี นั่นคือการนำพาไอความเย็นจัดให้พุ่งตามชีพจรไปทะลวงจุดตายที่กระดูกไหปลาร้าด้านซ้ายอย่างรุนแรง
ทันทีที่ไอเย็นนี้พุ่งเข้าปะทะจุดตายนั้น โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายซีกซ้ายของเขาถูกฟ้าผ่าจนชาไปทั้งแถบ ครู่ต่อมา ความรู้สึกชาหนึบนั้นก็เริ่มแพร่กระจายจากร่างกายซีกซ้ายไปยังซีกขวา จากนั้นทั่วทั้งร่างของโจวเหว่ยชิงก็ชาไร้ความรู้สึก ยกเว้นแต่ที่ส่วนศีรษะเท่านั้น
มวลอากาศที่รุนแรงบ้าคลั่งดูเหมือนจะพุ่งออกมาจากจุดตายที่ถูกทะลวง ณ กระดูกไหปลาร้าด้านซ้ายของเขาก่อนจะวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้โจวเหว่ยชิงไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ อีกต่อไป ทว่าสติกลับเริ่มพร่าเลือน จากนั้นเด็กหนุ่มก็พ่นเลือดออกมาเต็มปาก โจวเหว่ยชิงเพิ่งรับรู้ว่าในการฝึกพลังปราณสวรรค์นั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่ทว่าเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดกับเขาไปเมื่อกี้ต่างหาก!!
ความรู้สึกชาหนึบไปทั่วตัวเช่นนี้มักจะมีความหมายว่าการฝึกนี้กำลังมีบางอย่างผิดพลาด ข้อความที่ระบุไว้บนคัมภีร์ยังบอกด้วยว่าวิชาเทพอมตะนั้นเปรียบได้กับวิชาสละวิญญาณ หรือก็คือการเผชิญหน้ากับความตาย และดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งการฝึกปราณนั้น สิ่งต่างๆ มักจะขึ้นอยู่กับโชคชะตา และอาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จมักจะเกิดขึ้นกับคนเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น และชัดเจนว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงไม่ใช่คนๆ นั้น
หากไม่สามารถทะลวงจุดตายได้ก็มีเพียงความตายที่รออยู่
เด็กชายผู้น่าสงสารคนผู้นี้ไม่รู้ว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับอะไร ทว่าก็ยังคงพยายามสู้ต่ออย่างสุดความสามารถ โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับจุดตายบนกระดูกไหปลาร้าฝั่งซ้ายของเขากลายเป็นช่องทางที่ทำให้พลังชีวิตทั้งหมดไหลออกจากร่าง ทว่าเมื่อเข้าใกล้ความตาย โจวเหว่ยชิงกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ กลับกันเขากำลังรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อสติสัมปชัญญะของเขาเริ่มจางหายไป โจวเหว่ยชิงยังคงหวังว่าตนจะโชคดี ข้าทำสำเร็จหรือไม่?
เมื่อมาถึงจุดนี้ ไอความเย็นขนาดเล็กๆ ก็ปะทุออกมาจากภายในช่องท้องของเขาอีกครั้ง ราวกับว่ามีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่แตกกระจายออกเป็นลูกศรน้ำแข็งนับไม่ถ้วนกระหน่ำยิงออกไปยังเส้นชีพจรของตนอย่างบ้าคลั่ง
วินาทีก่อนโจวเหว่ยชิงยังคงล่องลอยอยู่ในภวังค์อย่างรื่นรมย์ ทว่าในวินาทีต่อมาราวกับว่าตัวเขาถูกผลักเข้าไปยังห้องแช่แข็ง ความรู้สึกมึนงงสับสนถูกแทนที่ด้วยความเย็นจัด เมื่อมาถึงจุดนี้ จิตใต้สำนึกของโจวเหว่ยชิงถูกครอบงำด้วยความรู้สึกหิวกระหาย ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเลือด ผมสีหมึกลอยเหยียดขึ้นกลางอากาศ และร่างกายของเด็กหนุ่มก็ดูเหมือนจะเรืองรองไปด้วยไอพลังสีดำเหลือบเทา
พลังชีวิตที่พุ่งออกมาจากจุดตาย ณ กระดูกไหปลาร้าของเขาถูกหยุดยั้งเอาไว้ด้วยการปรากฏตัวของไอสีดำนั่น หากเปรียบจุดตายที่โจวเหว่ยชิงทะลวงเป็นรูบนลูกบอล ไอพลังสีดำนั่นก็ทำหน้าที่เหมือนสิ่งที่อุดรูนั้นไว้
ร่างกายของโจวเหว่ยชิงเริ่มสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้ ความหนาวเย็นนั้นไม่ได้มาจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ทว่ามันมาจากส่วนลึกภายในร่างกายของเขา มันแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดลึกเข้าไปจนถึงไขกระดูก สิ่งที่โจวเหว่ยชิงรู้สึกได้ก็คือไอความเย็นนั้นถูกปลดปล่อยออกมาจากภายในร่างกายของเขาซ้ำๆ พร้อมกันนั้นเด็กหนุ่มก็ยังเห็นไอสีดำเหลือบเทาก่อตัวขึ้นเป็นชั้นๆ บนผิวหนังของตนอย่างชัดเจน ความเย็นจัดทำให้เขาสูญเสียการควบคุมร่างกาย และล้มลงกับพื้น ริมฝีปากเปิดอ้าออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ลมหายใจก่อให้เกิดเป็นไอพลังสีดำเหลือบเทา ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าผิวหนังชั้นนอกของเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยลวดลาย 2 ชนิดซึ่งประกอบไปด้วยสีดำและสีเทา
โจวเหว่ยชิงกำลังฝึกวิชาเทพอมตะที่เปรียบดั่งการเรียนรู้การฆ่าตัวตาย เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วโอกาสหนึ่งในหมื่นคนนั้นมีไม่สูงนัก แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่มีโชคในด้านการฝึกปราณตั้งแต่กำเนิด แต่โจวเหว่ยชิงกลับโชคดีเป็นอย่างยิ่งในด้านอื่นๆ และโชคที่ว่านี้ก็เกิดจากไข่มุกสีดำที่เขากลืนเข้าไปขณะอยู่ที่ป่าดารา
หากการฝึกวิชาเทพอมตะสำเร็จเป็นโอกาส 1 ใน 10,000 แล้วล่ะก็ การกลืนไข่มุกรัตติกาลนี้ย่อมเป็นโอกาสพิเศษที่จะเกิดขึ้นได้เพียงแค่ครั้งเดียวบนโลกใบนี้ เนื่องจากโจวเหว่ยชิงได้เริ่มฝึกวิชาเทพอมตะ ทำให้จุดตาย ณ กระดูกไหปลาร้าของเขาเปิดออก นั่นจึงกระตุ้น และปลุกให้ไข่มุกรัตติกาลซึ่งนอนสงบอยู่ในร่างกายของเด็กหนุ่มสำแดงอานุภาพของมันออกมา สภาพที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั้นเกิดจากการตื่นขึ้นของไข่มุกรัตติกาลนั่นเอง
เดิมทีเมื่อไข่มุกรัตติกาลได้เข้าสู่ร่างกายของเขาแล้ว อานุภาพของมันนั้นช่วยเพิ่มพลังในร่างกายของโจวเหว่ยชิงอย่างช้าๆ เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเด็กหนุ่มเริ่มใช้วิชาเทพอมตะในคืนนี้ มันก็ได้กระตุ้นพลังของไข่มุกออกมาล่วงหน้า
บางสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างชั่วร้ายนี้เหมือนจะขยายขนาดของมันขึ้นภายในร่างของเขา ความรู้สึกเย็นยะเยือกนั้นมาจากพลังอันมหาศาลของไข่มุกรัตติกาลนั่นเอง พลังของมันแทรกซึมเข้ามาในทุกซอกทุกมุมของร่างกายเด็กหนุ่มอย่างไม่ลังเล ตอนนี้โจวเหว่ยชิงจึงถูกมันครอบงำอย่างแท้จริง
หากเป็นคนอื่น บางทีตอนนี้เขาอาจจะรู้สึกตัวแล้ว แต่ทว่าร่างของโจวเว่ยชิงกลับกำลังดูดซับพลังงานของไข่มุกรัตติกาลนั้นอย่างตะกละตะกลาม
อันที่จริง นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมไข่มุกรัตติกาลถึงได้เลือกที่จะเข้าสู่ร่างกายของเขาหลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นในมิตินี้
ในเวลานั้น สิ่งที่ดึงดูดมันก็คือความโกรธแค้นของโจวเหว่ยชิง และความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ของเขาหลังจากถูกบอลอัคคีขององค์หญิงตี้ฝูหยาเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส ไข่มุกรัตติกาลเพิ่งจะเดินทางมาถึงมิตินี้พอดีกับที่โจวเหว่ยชิงกำลังพ่นเลือดออกมาโดนมันด้วยความบังเอิญ เลือดของโจวเหว่ยชิงนั้นมีพลังธาตุมืด ซึ่งสอดคล้องกับพลังของไข่มุกรัตติกาลพอดี ด้วยเหตุนั้นมันจึงเลือกโจวเหว่ยชิง
สำหรับสาเหตุที่ว่าทำไมเลือดของโจวเหว่ยชิงถึงมีพลังธาตุมืดนั้นมันก็ง่ายๆ เพราะทักษะธาตุของแม่ทัพโจวคือธาตุมืดนั่นเอง เนื่องจากเด็กหนุ่มสืบสายเลือดมาจากแม่ทัพใหญ่โจว เขาจึงได้รับการสืบทอดทักษะธาตุเดียวกันมาด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาจึงดึงดูดไข่มุกรัตติกาลและหลอมรวมเข้ากับมันได้
อย่างไรก็ตาม พลังของไข่มุกรัตติกาลนั้นอยู่เหนือการควบคุมมากเกินไป นอกจากทักษะธาตุมืดแล้วมันยังมีทักษะธาตุอื่นๆ อีก ซึ่งนั่นรวมไปถึงทักษะธาตุมิติที่นำมันมายังโลกใบนี้ พร้อมกับทักษะธาตุอื่นๆที่ถูกซ่อนไว้อีกมากมายด้วย พลังปริมาณมหาศาลและทักษะธาตุต่างๆ ที่หลอมรวมเข้าด้วยกันนั้นตรงดิ่งเข้าสู่ร่างกายของโจวเหว่ยชิง และกำลังเปลี่ยนแปลงธาตุภายในร่างกายของเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมความเจ็บปวดที่เผชิญอยู่ถึงรุนแรงมากขนาดนี้ มันเป็นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส มากกว่าอาการปวดเมื่อยหรือความเจ็บปวดที่เด็กหนุ่มประสบมาก่อนหน้านี้อย่างเทียบไม่ติด
…………………………………………………………..
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 5.3 วิชาเทพอมตะ มณีสวรรค์ถือกำเนิด (3)
Posted by ? Views, Released on September 19, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment