ท้ายที่สุดแล้ว ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าความสำเร็จทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของโจวเหว่ยชิง แต่เป็นผลพลอยได้ที่เขาได้รับจากการทะลวงจุดฆ่าตัวตายจากวิชาเทพอมตะ ผลพลอยได้อันน่าอัศจรรย์นี้ทำให้เขาสามารถฝึกทักษะพื้นฐานของจ้าวอัญมณีสวรรค์ได้อย่างราบรื่น
เมื่อเห็นว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จ้องมองเขาด้วยความงุนงง โจวเหว่ยชิงก็เดินเข้าไปใกล้เธอและยิ้มกว้าง “ข้ารู้ว่าข้ายอดเยี่ยมมาก แต่ถ้าเจ้ามัวแต่จ้องมองข้าเช่นนั้น ข้าก็เขินแย่สิ!”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงด้วยความอับอาย จากนั้นลูกเตะก็โบยบินไปที่บั้นท้ายของโจวเหว่ยชิง เธอกัดฟันพูด “อ้วนน้อยโจว! ข้ารอฟาดหน้าเจ้ามานานมากแล้ว!!!”
โจวเหว่ยชิงเข้าใจทันทีว่ากำลังจะเกิดเรื่องกับเขา ทันใดนั้นทักษะการแสดงออกว่าหวาดกลัวก็ถูกงัดออกมาใช้อย่างรวดเร็ว อนิจจา ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะถูกหลอกอีกครั้งได้อย่างไร? การเคลื่อนไหวของเธอจึงรวดเร็วราวกับสายลมขณะที่ก้าวไปหาเขาด้วยความโมโห
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย…”
…
สิบนาทีต่อมา อ้วนน้อยโจวก็งอตัวอยู่บนพื้นเหมือนกุ้งต้ม ร่างกายของเขาสั่นขณะที่ส่งเสียงพึมพำออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ดูน่าสงสารราวกับว่าจะตายได้ทุกเวลา
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างพูดไม่ออก ในความเป็นจริงเธอแทบจะไม่ได้ต่อยโดนเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ทักษะการแสดงของชายคนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! แม้เธอจะรู้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังแสดงละคร แต่สุดท้ายเธอก็ยังตีเขาต่อไม่ลง
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างโกรธเคือง “หยุดเล่นละครได้แล้วเจ้าบ้า! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน”
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวเหว่ยชิงผู้ซึ่งดูเหมือนกำลังใกล้ตายเมื่อครู่นี้ก็เด้งตัวขึ้นมาจากพื้นทันที และกระโดดไปรอบๆ อย่างมีชีวิตชีวา แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมีรอยช้ำอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตและความแข็งแกร่ง
เขาถูกอัดจนน่วมหลายครั้งหลายคราตั้งแต่ยังเด็ก ความต้านทานทางกายภาพของเขาจึงเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถเปรียบเทียบได้ เหมือนที่ทะเลสาบวารีเยือกแข็ง ตอนที่เขาปะทะกับตี้ฝูหยา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูหยาจะกล้าโจมตีเขาด้วยมณีธาตุล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้แล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ต้องระวังตัวอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีของตี้ฝูหยายังทำให้เขาได้รับบทเรียนอันมีค่าว่า “ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จ้องเขาและพูดว่า “ใครขอให้เจ้าทำลายธนูอุษาสีม่วงนั่น? เจ้ารู้ค่าของธนูคุณภาพสูงชนิดนี้หรือไม่? เซียวเซ่อแพ้พนันเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าก็ควรเก็บมันไว้ใช้เองจะเป็นประโยชน์กว่า” เนื่องจากเธอเกิดมาในครอบครัวคนธรรมดา และลูกของคนจนก็มักจะถูกสอนให้รู้คุณค่าของเงินทองตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นเมื่อมองไปที่ธนูอุษาสีม่วงที่แตกอยู่บนพื้น ในใจของเธอจึงรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
โจวเหว่ยชิงส่ายหน้า เขาพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าไม่ต้องการธนูของเขา ข้ากลัวว่ามันจะทำให้มือข้าสกปรก แค่มองไอ้หนุ่มหน้าหยกนั่น ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่าถ้าเป็นธนูท่านที่มอบให้กับข้า ข้าจะดูแลมันอย่างดีและเก็บไว้บนหิ้งเลยทีเดียว ทุกวันๆ ข้าจะดมกลิ่นหอมๆ ของท่านที่เหลือติดอยู่บนนั้น จากนั้นพลังของข้าก็จะถูกเติมเต็มอีกครั้ง!”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำมือแน่น “อยากโดนอีกหมัดรึไง? หา!”
ร่างกายของโจวเหว่ยชิงหดกลับทันที เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาหงอยๆ แล้วพูดว่า “ท่านบอกว่าวันนี้ท่านจะปล่อยข้าไปไม่ใช่หรือ? แต่หากท่านอยากจะตีข้าอีกจริงๆ ก็มาสิ…”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกว่าการจัดการกับเขาเป็นเรื่องยากขึ้นทุกขณะ เธอไม่สามารถตัดสินคนๆ นี้ด้วยความคิดแบบเดิมๆ ได้ ความเจ้าเล่ห์ของเขานั้นอยู่เหนือไปอีกระดับอย่างแท้จริง
“พูดไร้สาระให้น้อยๆ ลงหน่อยเถอะ เอาล่ะ แสดงว่าตอนนี้เจ้าเชื่อมกับมณีสวรรค์ของเจ้าได้แล้ว เช่นนั้นมณีธาตุของเจ้ามีทักษะอย่างไรบ้าง?”
ทันทีที่กล่าวถึงการฝึกฝนมณีสวรรค์ สีหน้าของโจวเว่ยชิงก็พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างหาได้ยาก เขากล่าวว่า “หลังจากปราณสวรรค์ และมณีธาตุของข้าหลอมรวมกัน ข้าเห็นสีที่แตกต่างกันหลายสี เมื่อข้าเพ่งไปที่แต่ละสี ร่างกายของข้าก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับทักษะธาตุต่างๆ ที่เป็นตัวแทนแต่ละสี ข้ามีทักษะธาตุ 5 สีที่แตกต่างกัน และข้าคิดว่าพวกมันน่าจะเป็นทักษะดังนี้ สีเขียวเป็นทักษะธาตุลม สีฟ้าเป็นทักษะธาตุสายฟ้า สีดำเป็นทักษะธาตุมืด และสีเงินเป็นทักษะธาตุมิติ ส่วนสุดท้ายเป็นสีเทา เมื่อข้าเพ่งไปที่มัน ข้าก็ถูกความกระหายเลือดเข้าครอบงำและต้องการจะฆ่าฟัน ยิ่งไปกว่านั้น ปราณสวรรค์ของข้าก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน นั่นมันแปลกมากๆ ดังนั้นข้าจึงเรียกมันว่าทักษะธาตุปีศาจไปก่อนชั่วคราว” เขาไม่ได้พูดถึงทักษะธาตุสุดท้ายของเขา ไม่ใช่เพราะเขาไม่ไว้วางใจซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่เป็นเพราะเขาเองก็แน่ใจว่าแม้แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าเป็นทักษะธาตุอะไรกันแน่
เมื่อฟังที่เขาพูดเสร็จ เส้นเลือดในตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ตีบตัน เธอรำพึงในใจ ‘ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนเจ้าเล่ห์เช่นนี้จึงได้รับทักษะธาตุที่ดีมากมายขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้น เป็นเพราะของเขา…ข้าถึง…’
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะบัดหัวไล่ความคิดนั้น เธอพยายามจะหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น แต่ทว่าเธอก็รู้สึกได้ว่าความรู้สึกของตนเองเวลามองโจวเหว่ยชิงก็แปลกไปในบางครั้ง
“ตามข้ามา” ขณะที่พูด เธอก็สะพายธนูอุษาสีม่วงของเธอไว้ด้านหลัง หยิบแล่งธนูสองอัน ก่อนจะเดินออกไป
โจวเหว่ยชิงเดินตามเธอออกจากกระโจมบัญชาการ มุ่งหน้าไปยังชานเมือง ในไม่ช้าทั้งคู่ก็ออกจากพื้นที่ค่ายทหาร ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็หันมามองเขาและพูดว่า “ใช้ทักษะธาตุลมของเจ้า”
“ให้ข้าใช้มันยังไง?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้างุนงง
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “เพ่งความสนใจไปที่ส่วนสีเขียวของวงล้อทักษะธาตุ”
โจวเหว่ยชิงหยุดนิ่ง ก่อนจะปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเขาออกมา จากนั้นเขาค่อยๆ ชักนำปราณสวรรค์ของเขาไปที่มณีธาตุ ทันทีที่วงล้อแสงหกสีปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาก็มุ่งความสนใจไปยังพื้นส่วนสีเขียวตามที่เธอบอกไว้ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มเบาขึ้น ราวกับว่ามีอากาศกำลังหมุนวนอยู่รอบตัวเขา สิ่งนั้นทำให้รู้สึกเบาสบายและล่องลอยราวกับขนนก ในบรรดาทักษะธาตุต่างๆ ที่มณีธาตุของเขามีอยู่ ทักษะธาตุลมคือทักษะธาตุที่ใช้ปราณสวรรค์น้อยที่สุด และในขณะที่เขาใช้งานมณีธาตุของเขานั้น อัตราการดูดกลืน ณ หลุมดำจากจุดตายทั้ง 4 ก็เร่งความเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน พวกมันกำลังเร่งดูดซับพลังปราณสวรรค์จากภายนอกเข้ามาภายในร่างของเขา
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รอโจวเหว่ยชิงอย่างอดทนขณะที่เขาเริ่มใช้มณีธาตุของเขา กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเกือบสองนาที จนกระทั่งเธอเห็นชั้นแสงสีเขียวสลัวเริ่มรายล้อมร่างของโจวเหว่ยชิง จากนั้นเธอจึงเริ่มเคลื่อนไหว ในชั่วพริบตาแสงสีเขียวก็สว่างวาบขึ้นมาบนข้อมือของเธอ มันคือทักษะธาตุลมนั่นเอง และด้วยเหตุนั้นมันก็ทำให้เธอวิ่งนำโจวเหว่ยชิงไปก่อนด้วยความเร็วสูง
นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเหว่ยชิงใช้ประโยชน์จากมณีธาตุของเขา เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเบามากจนแทบจะลอยขึ้นได้ และทุกอย่างก็ดูง่ายดายราวกับไม่ต้องออกแรงอะไรเลย เขาเพียงแค่ต้องสัมผัสเท้าเบาๆ บนพื้น จากนั้นก็สามารถลอยไปข้างหน้าได้ไกลถึง 3-4 เมตร วิธีนี้ไม่เพียงแต่ทำให้วิ่งเร็วกว่าปกติหลายเท่า แต่มันยังไม่ต้องใช้แรงมากนักอีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจที่คนจำนวนมากต้องการที่จะเป็นจ้าวมณี ความสามารถของจ้าวมณีนั้นน่ามหัศจรรย์จริงๆ! เมื่อ โจวเหว่ยชิงพบข้อได้เปรียบต่างๆ มากมายของทักษะธาตุลม เขาอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานขึ้นมาในใจ อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังสามารถมองเห็นช่องว่างความแตกต่างระหว่างเขากับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถเปิดใช้ทักษะธาตุลมของเธอทันที ผิดกับเขาที่ต้องใช้เวลาเตรียมการนาน
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เดินทางไปได้ไกลเกือบ 10 ไมล์ จากบริเวณค่ายทหารไปถึงเขตชานเมืองของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ และขณะนี้ทั้งคู่ก็กำลังเข้าสู่ป่าดารา
“ปิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้กำลังจะพาข้ามาฆ่าปิดปากใช่ไหม?” โจวเหว่ยชิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างขำขันขณะที่เขาวิ่งตามซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้าไปในป่าดารา
………………………………………………………………
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 9.4 ธนูอุษาม่วง (4)
Posted by ? Views, Released on September 19, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment