Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 14.4 ศาสตรามณียุทธ์ครบชุด (4)

หลังจากได้ยินฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าว ดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ตอนที่ได้ยินเกี่ยวกับศาสตรามณียุทธ์ครั้งแรก เขาก็ได้บอกกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ว่าอยากได้ชุดเกราะป้องกันคุณภาพเยี่ยมไว้เพื่อปกป้องชีวิตอันมีค่าของตนเอง ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าชุดเกราะศาสตรามณียุทธ์ทั้งตัวนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการหรอกหรือ? ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร? เมื่อได้ฟังคำพูดของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วยซ้ำๆ
หลังจากฮูเหยียนเอ้าป๋อเล่าจบ ดวงตาของชายชราก็เผยความภาคภูมิใจออกมา “ถ้าวันหนึ่งลูกศิษย์ของข้าสามารถครอบครองชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับพระเจ้าได้ครบทั้ง 10 ชิ้น ชีวิตนี้ของข้าก็ไม่สูญเปล่าแล้ว เจ้าอ้วนน้อย ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ เจ้าเพียงแค่ต้องฝึกฝนร่างกายอย่างหนักด้วยความพยายามที่มีทั้งหมดอย่างเต็มที่ 2 ปีต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของเจ้า และยิ่งไปกว่าน้ัน นี่เป็นช่วงเวลาที่เจ้ายังไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าจะต้องมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างสุดความสามารถ เข้าใจหรือ ไม่?”
โจวเหว่ยชิงตอบอย่างจริงจังด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ “อาจารย์ ท่านมั่นใจได้ แม้ว่าท่านจะไม่ขอ ข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว” เพื่อครอบครองชุดศาสตรามณียุทธ์ที่น่าเกรงขามนี้ และเพื่อปกป้องชีวิตของตนเอง เขาจะไม่ขี้เกียจอย่างแน่นอน
ขณะที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ หากมีเป้าหมายที่แน่วแน่ พวกเขาก็จะไม่รู้สึกว่างเปล่าและหลงทาง แน่นอนว่าการมีเป้าหมายนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อกระตุ้นให้ตนเองมีความมุ่งมั่น และสามารถสนุกไปกับการฝึกฝนนั้นได้ และนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่โจวเหว่ยชิงกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ แม้เขาจะเป็นคนฉลาดแกมโกงที่ชอบทำสิ่งต่างๆ ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่จริงๆ แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่ใช่คนขี้เกียจตัวเป็นขน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประตูสู่โลกแห่งมณีแห่งสวรรค์ได้ถูกเปิดขึ้นและนำตัวเขาไปสู่โลกลึกลับใบใหม่ นั่นทำให้เขาปรารถนาจะครอบครองความแข็งแกร่ง และกลายเป็นคนที่น่าเกรงขามให้จงได้
ฮูเหยียนเอ้าป๋อโบกมือนำโดมป้องกันสีเงินที่ครอบห้องอยู่ออกไป ส่วนเฟิงหยูก็เก็บศาสตรามณียุทธ์เขาพร้อมกับแย้มยิ้มเบาๆ ขณะที่พูด “ตอนนี้เจ้าสามารถโคจรพลังฟื้นฟูปราณสวรรค์ขณะรอภรรยาของเจ้าได้ที่ห้องข้างๆ นั่น อีกสักพักคนรับใช้จะนำอาหารกับเครื่องดื่มไปให้ ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงมุมทิศตะวันตก หลังจากที่แม่นางน้อยคนนั้นสามารถหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์เสร็จแล้ว เจ้าทั้งคู่ก็สามารถจากไปได้ แต่ก่อนหน้านั้น หากเจ้าต้องการออกไปข้างนอกด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เจ้าต้องแจ้งให้ข้าหรืออาจารย์ของเจ้าทราบก่อน”
“ขอบคุณมากขอรับ ท่านอาวุโสเฟิงหยู อาจารย์ ข้าไปก่อนล่ะขอรับ” พอพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็หันหลังเดินออกไป เมื่อไปถึงประตู ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักและหันกลับมายิ้มให้ฮูเหยียนเอ้าป๋อก่อนจะพูดว่า “อาจารย์ ข้าคิดว่าท่านควรลดน้ำหนักจริงๆ” พอพูดจบ ไม่รอให้ฮูเหยียนเอ้าป๋อตอบกลับ โจวเหว่ยชิงก็จ้ำอ้าวหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮูเหยียนเอ้าป๋อก้มลงมองดูพุงกลมๆ ของตนเอง ขณะที่เฟิงหยูอดไม่ได้ที่จะหลุดขำพรืดออกมา
ฮูเหยียนเอ้าป๋อส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอน่าตายนั่น ข้าจะต้องหงุดหงิดตายไม่ช้าก็เร็วแน่”
เฟิงหยูตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ดีหรือที่เขามีนิสัยเช่นนี้? โชคดีที่เด็กคนนี้เกิดในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ หากเขาเกิดในอาณาจักรเฟยหลี่ เจ้าจะมีโอกาสได้รับเด็กนั่นเป็นลูกศิษย์หรือ?”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อพูดด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้เรียกว่า ‘คนดวงดี แม้ไม่ต้องตามหา โชคก็จะมาหาเอง’ ข้าคิดว่านี่จะต้องเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของข้าแน่นอน เฮ้อ! ไม่เคยคิดเลยว่าสวรรค์จะมอบของขวัญอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้แก่ข้า…ตาแก่เฟิงหยู เจ้าวางแผนจะนำลูกศิษย์ล้ำค่าของข้าไปกักเก็บทักษะเมื่อใด?”
เฟิงหยูส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าเรายังไม่ควรให้เขากักเก็บทักษะ อย่างน้อยก็ในเวลานี้”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อมีสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมรึ?”
เฟิงหยูกล่าว “ด้วยนิสัยที่กระตือรือร้นของเด็กคนนั้น หากกักเก็บทักษะลงในไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขาแล้ว มันก็ยากที่จะรับประกันว่าเจ้านั่นจะไม่ใช้ทักษะที่ได้มา และนั่นก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการเปิดเผยมณีธาตุของเขา ซึ่งนั่นย่อมเลวร้ายมาก พวกเราอาจต้องรอให้ครบสองปีก่อนถึงจะตัดสินใจได้ ถึงเวลานั้น ถ้าหากมณีสวรรค์ชุดที่ 2 ไม่ถูกปลุกขึ้นมาก่อนกลางคัน มันก็น่าจะใกล้ตื่นขึ้นมาแล้ว หากเด็กนั่นมีมณีสวรรค์ 2 ชุดแล้ว เราค่อยให้เขากักเก็บทักษะธาตุทั้งหมดในครั้งเดียว ถึงเวลานั้นเขาก็น่าจะสามารถป้องกันตัวเองจากคู่ต่อสู้ระดับพื้นๆ ได้อย่างง่ายดายแล้ว”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อกรุ่นคิดและพยักหน้า “นั่นสมเหตุสมผล ตอนเข้ามาเด็กคนนี้สะพายธนูยาวอยู่บนหลังแถมยังเป็นพลธนูในกองทัพด้วย นั่นเป็นตัวเลือกที่ดีในการซ่อนตัวจริงๆ เฮ้อ ไพฑูรย์ตาแมวสองสีนั้นมีทักษะธาตุมากกว่า 3 อย่าง ก่อนหน้านี้ข้าดันลืมถามว่าทักษะธาตุอื่นๆ ของเขาคืออะไรกันแน่”
เฟิงหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ดีที่สุดหากเราไม่รู้ตอนนี้ เพราะในหนึ่งวันตื่นเต้นมากเกินไปจะไม่ดีต่อร่างกาย อ้วนน้อยโจว…เด็กน้อยคนนี้ช่างเป็นลูกศิษย์ที่น่าสนใจจริงๆ…”
โจวเหว่ยชิงไม่ได้กลับไปยังห้องว่างๆที่เขาหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์ก่อนหน้า แต่มุ่งหน้าไปยังห้องที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยู่ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเคาะประตูเรียก “ภรรยา ศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เนื่องจากเฟิงหยูได้กล่าวว่าพวกเขาสามารถหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ได้เพียงวันละครั้ง โจวเหว่ยชิงจึงคิดว่าตอนนี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์น่าจะทดลองเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังคาดเดาผลลัพธ์อยู่นั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่มีใบหน้ากึ่งโกรธกึ่งเขินอายก็ปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิง เธอพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ “ใครเป็นภรรยาเจ้า! เข้ามา!” เธอคว้าหูเขาไว้แล้วลากเข้าไปในห้อง
“อั๊ยหยา!!! มันเจ็บนะ!! ภรรยา เจ้าจะสังหารสามีหรือ? นั่นเป็นข้อหาร้ายแรงเชียวนะ!” แม้ในขณะที่กำลังเจ็บปวด โจวเหว่ยชิงก็ไม่ลืมที่จะตอดเล็กตอดน้อยกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์
“เจ้ายังกล้าพูดอีก?!” นิ้วของซ่างกวนปิงเอ๋อร์บิดหูของโจวเหว่ยชิงจนทำมุมฉาก นั่นทำให้เขาต้องร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ร้องอ้อนวอนว่าไม่กล้าอีกแล้วๆๆ ก่อนที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะยอมปล่อยเขาไปในที่สุด
ห้องนี้เหมือนกับห้องที่โจวเว่ยชิงเข้าไปก่อนหน้า ห้องทั้งห้องไม่มีการตกแต่งใดๆ เลย โจวเหว่ยชิงมองที่กล่องไม้บนพื้นและถามว่า “ภรรยา…เอ่อ…ไม่สิ…ผู้บัญชาการกองพัน การหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ของท่านเป็นยังไงบ้าง?”
สีหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ดีขึ้นเล็กน้อย “ข้าได้ผ่านการหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ของวันนี้ไปแล้ว และตอนนี้กำลังโคจรพลังฟื้นฟูปราณสวรรค์อยู่ การทดลองวันนี้ทำให้ข้าเข้าใจบางอย่าง เจ้าต้องพยายามสัมผัสและทำความเข้าใจพลังงานที่อยู่ในคัมภีร์ให้ได้ขณะที่กำลังหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์ ในเมื่อเจ้าเพิ่งเริ่มต้น ความล้มเหลวย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเราเข้าใจมากขึ้น เราก็จะประสบความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้น”
โจวเหว่ยชิงยิ้มขณะที่เขายักไหล่ และพูดว่า “แต่ข้าทำสำเร็จแล้วนี่นา!”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง “คุยโวอย่างกับเป่าวัวปลิวไปทั้งตัวได้![1] เจ้าจะไร้ยางอายก็เรื่องของเจ้า แต่ข้าเกลียดพวกที่ชอบขี้โม้โออวดทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเลยนัก”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา “ถ้าจะต้องเป่าวัว ข้าเป่าท่านเบาๆ ไม่ดีกว่าหรือ!? เฮ้อ…แค่ตอนนี้ข้ายังมีปราณสวรรค์ไม่พอจะแสดงธนูราชันที่สง่างามไร้ที่ติของข้าให้ท่านดูเท่านั้นเอง”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ “เจ้าหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์สำเร็จจริงๆ หรือ?”
โจวเหว่ยชิงแอ่นอกออกมาอย่างภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “แน่นอน! มีสามีที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ท่านไม่ภูมิใจหรือ?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตกใจมากจนไม่ทันสังเกตว่าโจวเหว่ยชิงกำลังฉวยโอกาสเรียกเธอว่าภรรยาอย่างที่เขาชอบทำ เธอพึมพำกับตัวเอง “นั่นเป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้ด้วยหรือที่จะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ครั้งแรก ผู้อาวุโสเฟิงหยูช่วยอะไรเจ้าเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวและอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เธอฟังอย่างละเอียด รวมถึงทักษะธาตุมืด และธาตุปีศาจที่ซ้อนทับเข้าด้วยกันเพื่อช่วยเหลือเขาก่อนหน้านี้ด้วย มณีสวรรค์ของเด็กหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นขึ้นได้เนื่องจากการเสียสละของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ต้องการปิดบังอะไรจากเธอ เพราะถ้าหากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องการจะทำร้ายเขา แม้จะมีโจวเหว่ยชิง 100 คนก็อาจจะตายไปนานแล้ว ดังนั้น หลังจากตัดสินใจหนีออกจากบ้านแล้ว คนที่เขาไว้ใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหญิงสาวตรงหน้า
เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดที่โจวเหว่ยชิงพูดอย่างละเอียด ดวงตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะเผยความอิจฉาออกมา ทว่าเธอกลับพูดว่า “เจ้าเสี่ยงเกินไปแล้ว! ความลับเกี่ยวกับไพฑูรย์ตาแมวสองสีนั้นยิ่งมีคนรู้น้อยยิ่งดี”
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างหมดหนทาง “พวกเราใช้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของเขาไปแล้ว หากข้าไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ด้วยนิสัยตระหนี่ของท่าอาจารย์ข้า เขาอาจจะไม่อนุญาตให้เรากลับไปอย่างง่ายดายก็ได้! นอกจากนี้ ข้ายังมีคำสาบานจากมณีของเขาอีกด้วย ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป”
………………………………………………….
[1] 吹牛 แปลตรงตัวว่า เป่าวัว มีความหมายว่า ขี้โม้โอ้อวด

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset