Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 16.2 การแข่งขันระหว่างทหารใหม่ (2)

“ทำไมถึงมีทหารละทิ้งหน้าที่?” ผู้บัญชาการกองร้อยบางคนถามอย่างสงสัย
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และเซียวเซ่อจดจำโจวเหว่ยชิงได้ในทันที เซียวเซ่อจึงยิ้มและกล่าวว่า “โธ่เอ๋ย… นั่นไม่ใช่ผู้ช่วยส่วนตัวของผู้บัญชาการกองพันหรอกหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ทำไม …”
ก่อนที่เซียวเซ่อจะพูดจบ สีหน้าของผู้บัญชาการกองร้อยทั้งหมดก็เปลี่ยนไปทันที นั่นเป็นเพราะโจวเหว่ยชิงที่กำลังวิ่งหนีไปทางด้านหลังนั้นกำลังถูกลูกธนูอย่างน้อย 30 ถึง 40 ดอกพุ่งติดตามมาจากด้านหลังของเขา และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นพุ่งเป้าไปที่เด็กหนุ่มอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ราวกับว่าโจวเหว่ยชิงมีตาอีกดวงอยู่ข้างหลัง ขณะที่พุ่งไปข้างหน้าได้ 7-8 เมตร เขาก็กระโดดหลบและกลิ้งตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วมากและประสานงานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มได้ฝึกฝนเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ลูกธนู 30-40 ดอกที่พุ่งเข้าหาเขา ส่วนใหญ่ก็จะพุ่งลงไปปะทะกับพื้นที่โจวเหว่ยชิงเคยอยู่ และขณะวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เด็กหนุ่มก็สามารถหลบลูกธนูส่วนใหญ่พ้นไปได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากเขากระโดดและม้วนตัวเสร็จ ทุกคนก็ยังได้ยินเพียงเสียง ‘ผลั่วะ ผลั่วะ’ ตามหลังมา นั่นคือเสียงลูกธนูที่เพิ่งพุ่งชนเข้ากับพื้นที่ข้างหลังโจวเหว่ยชิงไปอย่างเฉียดฉิว แต่ทว่าก็ยังไม่มีธนูสักดอกที่ยิงโดนเป้าหมายอย่างเขา
เซียวเซ่อกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เขาไปทำอะไรให้เทพเจ้าพิโรธและสวรรค์ต้องลงโทษเช่นนี้? ทำไมเขาถึงตกเป็นเป้าหมายของการระดมยิงจากฝ่ายศัตรูล่ะ?”
นักธนูจากกองพันที่ 1 และ 2 ที่พุ่งเป้าไปยังโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มคนที่โดดเด่นที่สุดจากกองพันที่ 2 และการที่พวกเขามุ่งโจมตีไปเพียงคนๆ เดียวก็มอบโอกาสให้แก่ทหารที่เหลือของกองพันที่ 3 และ 4 จำนวน 70 คนได้ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่การสูญเสียของพวกเขาต่ำกว่าคู่ต่อสู้
โจวเหว่ยชิงกลิ้งตัวห่างออกไปประมาณ 3-4 เมตร จากนั้นร่างกายก็เด้งขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว และพริบตาเดียวที่ปลายเท้าของเขาสัมผัสกับพื้น เด็กหนุ่มก็กระโดดขึ้นสูงเกือบ 1 เมตรอย่างฉับพลัน ตามด้วยเสียง ‘หวืด’ ลูกธนูอีกดอกหนึ่งก็พุ่งออกไปจากธนูอุษาม่วง
เนื่องจากโจวเหว่ยชิงเคลื่อนไหวได้ว่องไวและหลบหลีกได้อย่างคล่องตัว เขาจึงดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ทหารทุกคนที่เฝ้าสังเกตการต่อสู้นี้อยู่ พวกเขาต่างก็ต้องการจะเห็นความแม่นยำของเด็กหนุ่มผู้นี้ชัดๆด้วยตาของตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้ว ท่ากระโดดเช่นนี้ก็ยากมากที่จะง้างธนูขึ้นไปได้พร้อมๆกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีเวลาให้เล็งเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น และเหตุผลที่เด็กหนุ่มต้องกระโดดขึ้นสูงก็เพื่อหลบหลีกไม่ให้โดนทหารทุกคนที่อยู่รอบๆนั่นเอง
“วืดดดดดดด” ราวกับว่าเมื่อใดก็ตามที่โจวเว่ยชิงขยับธนูอุษาม่วงของเขา ทหารจากฝั่งตรงข้ามก็จะต้องร่วงลงไปกับพื้น ผู้บัญชาการกองร้อยแต่ละคนมองหน้ากันอย่างงงงวย หลายคนล้วนเป็นนักธนูที่มีประสบการณ์โชกโชน  ดังนั้นเมื่อตรวจสอบด้วยสายตาตนเอง พวกเขาก็ระหนักได้ว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับโจวเหว่ยชิง แม้แต่พวกเขาเองก็อาจจะทำได้ไม่ดีไปกว่าด้วยซ้ำ
ผู้บัญชาการกองร้อยที่รับผิดชอบในการกำกับควบคุมกองพันที่ 1 และ 2 นั้นมีประสบการณ์มาก หลังจากค้นพบทักษะอันยอดเยี่ยมของโจวเหว่ยชิง เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายอีกครั้ง โดยครั้งนี้ชายหนุ่มสั่งให้รอบต่อไปมุ่งเป้าไปที่ทหารที่เหลือทั้งหมดในกองพันที่ 3 และ 4 แทน ซึ่งแผนของเขาก็ง่ายมาก เนื่องจากโจวเหว่ยชิงนั้นมีความแม่นยำสูง ผู้บัญชาการกองร้อยจึงจะต้อง ‘ฆ่า’ คนอื่นๆ ให้หมดเสียก่อนแล้วเหลือเขาไว้เป็นคนสุดท้าย เพื่อจะได้ให้ทหารทั้งหมดพร้อมใจกันเล็งไปที่โจวเหว่ยชิงคนเดียวในตอนสุดท้าย ทันใดนั้น ความโชคร้ายตกใส่หัวของทหารใหม่ที่เหลือทั้งหมดของกองพันที่ 3 และ 4
ราวกับว่าได้รับการกระตุ้นครั้งใหญ่จากความสามารถของโจวเหว่ยชิง นักธนูจากกองพันที่ 1 และ 2 ต่างก็หึกเหิมที่จะแสดงความแม่นยำของตนออกมา แต่เดิมกองพันที่ 3 และ 4 นั้นเหลือทหารเพียง 70 นายอยู่แล้ว และหลังจากการระดมยิงครั้งนี้ ทหารจำนวน 40 นายก็ต้องออกจากสนามไปอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ฝั่งของกองพันที่ 1 และ 2  ทหารใหม่ 80 นายกำลังยืนอยู่อย่างมั่นคง และนั่นก็กลายเป็นภาพความแตกต่างอย่างชัดเจนของทั้งสองฝั่ง
โจวเหว่ยชิงเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเขาแล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงพยายามใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ก็เหมือนกับที่ผู้บัญชาการกองร้อยผู้กำกับสั่งการกองพันที่ 1 และ 2 ได้ตัดสินใจก่อนหน้านี้ ไม่ว่าโจวเหว่ยชิงจะแม่นยำเพียงใด เขาก็มีเพียงแค่คนเดียว ในขณะที่ทหารใหม่ของกองพันที่ 3 และ 4 กำลังถูกกำจัดทิ้งไปเรื่อยๆ ฝ่ายตรงข้ามก็ยังคงมีคนเหลือมากกว่า 50 คน
“ชิบ หาย แล้ว!!!!” เมื่อมองไปยังห่าธนูซึ่งกำลังลอยละลิ่วมาทางเขา โจวเหว่ยชิงก็หันหลังออกวิ่งอีกครั้ง ในใจพลันรู้สึกมืดมนเป็นอย่างยิ่ง ฝีมือของทหารทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันมากเกินไป อย่างน้อยเขาก็ฆ่าศัตรูไปแล้ว 16-17 คนด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ฝั่งตรงข้ามก็ยังคงเหลืออยู่ตั้งเกือบ 50 คน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
ผู้บัญชาการกองร้อยจากกองพันที่ 1 ตะโกนออกมาเสียงดัง “เล็งไปที่ไอ้หมอนั่น แล้วยิงเขาให้ได้! ใครที่จัดการมันลงได้ บิดาจะมอบรางวัลนักธนูที่ดีที่สุดให้กับเจ้าวันนี้!”
ในเวลานี้โจวเหว่ยชิงไม่เหลือทหารคนอื่นๆ มาไว้กำบังเขาอีกต่อไป และสถานการณ์ก็ยิ่งอันตรายขึ้นกว่าเดิมมาก ลูกธนูจำนวนมหาศาลที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้ากำลังครอบคลุมสนามรบไว้ราวกับเป็นตาข่ายลูกปืนใหญ่  สำหรับโจวเหว่ยชิง ลูกธนูพวกนี้ยากมากจะหลบพ้นเหมือนอย่างที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้
แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้ใช้มณีสวรรค์ แต่สถานการณ์ในขณะนี้ก็แสดงให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือกว่าคนทั่วไปของโจวเหว่ยชิง หลังจากมณีของเขาตื่นขึ้นมา ตอนนี้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาก็ไปไกลเกินกว่าทหารธรรมดาเหล่านั้นแล้ว  เด็กหนุ่มวิ่งไปรอบๆ พร้อมกับสลับทิศทางไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน พยายามที่จะไม่วิ่งไปในทิศทางที่สามารถคาดเดาได้เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถยิงโดนตัวเขา
อย่างไรก็ตาม สำหรับทหารจากกองพันที่ 1 และ 2 ที่เล็งเขาเป็นเป้าหมายนั้น พวกนั้นไม่เพียงต้องใช้สายตาเล็งเท่านั้น แต่ยังต้องหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนจะยิงออกไปอีกด้วย หลังจากโจวเหว่ยชิงพยายามวิ่งหนีไปทางด้านหลังสนามรบฝั่งตน และหลบหลีกหนีห่าลูกศรจากฝั่งตรงข้ามด้วยความยากลำบากได้ถึง 2 รอบ ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝั่งก็กว้างขึ้นเป็นประมาณ 300 หลา ระยะทางนี้ไกลเกินกว่ารัศมีการยิงของทหารใหม่ผู้โดดเด่นเหล่านั้นแล้ว และพวกเขาทำได้เพียงแค่ยิงขึ้นไปบนอากาศให้สูงขึ้นเพื่อให้ลูกศรเหล่านั้นตกลงไปครอบคลุมพื้นที่ที่โจวเหว่ยชิงยืนอยู่เท่านั้น
โจวเหว่ยชิงฉวยโอกาสนี้หอบหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ วิ่งไปพลางยิงธนูออกไปพลาง สุดท้ายก็สามารถจัดการกับศัตรูได้อีก 7-8 คน
“นี่เขากำลังเล่น ‘ยิงจำกัดระยะห่าง’ กับพวกนั้นอยู่เหรอ? ทหารใหม่คนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ ผู้บัญชาการกองร้อยเซียว ท่านพูดก่อนหน้านี้ว่าเขาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้บัญชาการกองพัน? เด็กคนนั้นค่อนข้างยอดเยี่ยมเลยที เดียว!” ผู้บัญชาการกองร้อยคนหนึ่งยืนที่อยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมาอย่างชื่นชม
‘การยิงจำกัดระยะห่าง’ นั้นเป็นกลยุทธ์แบบยิง และวิ่งหนีประเภทหนึ่งที่นักธนูใช้กันอย่างมีประสิทธิภาพ แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้เพื่อจัดการกับหน่วยโจมตีระยะประชิด โดยใช้ประโยชน์จากระยะห่างที่ตนได้เปรียบกับศัตรูเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้ได้ อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงนั้นพึ่งพาความแข็งแกร่งและพลังของธนูอุษาม่วงร่วมด้วย  เขาทั้งใช้ความประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างพรสวรรค์ของเขา และระยะทางที่ได้เปรียบเพื่อ ‘ยิงจำกัดระยะห่าง’ กับฝ่ายตรงข้าม นั่นทำให้ทหารอาวุโสเหล่านี้ประทับใจและชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก
หนึ่งในผู้บัญชาการกองร้อยของกองพันธนูที่ 1 อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองพันซ่างกวน ยกน้องชายคนนี้ให้พวกเราเป็นอย่างไร? ไม่ต้องเอ่ยถึงตำแหน่งนายหมู่เลย ด้วยความสามารถของน้องชายคนนี้ เขาสามารถเป็นรองผู้บัญชาการกองร้อยของข้าได้เลย”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยิ้มอย่างแผ่วเบา นึกในใจว่าอ้วนน้อยโจวนั้นเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ อย่าพูดถึงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองร้อยของเจ้าเลย หากข้ารายงานเรื่องสถานะจ้าวมณีสวรรค์ของเขา ตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองพันก็ยังอาจไม่พอด้วยซ้ำ
“สุภาพบุรุษย่อมไม่ยื้อแย่งของรักของผู้อื่น[1] ผู้บัญชาการกองร้อยลี่ ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
เซียวเซ่อยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และพูดว่า “นั่นหมายความว่าผู้บัญชาการกองพันตกหลุมรักเขาใช่หรือไม่?”
สีหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นเย็นชา “ผู้บัญชาการกองร้อยเซียว ให้ความเคารพตนเองบ้างเถิด”
ผู้บัญชาการกองร้อยคนอื่นๆ รับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองใจระหว่างซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และเซียวเซ่อ พวกเขาจึงไม่ได้พยายามพูดแทรก เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้บัญชาการกองร้อยลี่จากกองพันที่ 1 กล่าวอย่างสงสัยว่า “นั่นเจ้าอ้วนน้อยโจวกำลังทำอะไรอยู่? เขากำลังจะไปถึงป่าที่สามารถให้ที่กำบังแก่ตนเองได้ ทำไมเขาถึงหันหลังวิ่งกลับมาซะอย่างนั้น?”
ขณะที่ผู้บัญชาการกองร้อยลี่กล่าว โจวเหว่ยชิงก็วิ่งออกไปไกลได้ไกลมากแล้ว อีกทั้งเขายังสามารถเพิ่มระยะห่างได้มากขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มกลับกำลังหันหลังและวิ่งกลับไปหากองพันที่ 1 และกองพันที่ 2 อย่างไม่มีใครคาดคิดเพื่อเผชิญหน้ากับทหารมากกว่า 40 นาย
คนอื่นๆ ต่างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เซียวเซ่อกลับเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว “เขาไม่มีลูกธนู!”
 ……………………………………………….
[1]สุภาพบุรุษย่อมไม่ยื้อแย่งของรักของผู้อื่น แปลว่า ไม่ควรฉกชิงของรักของคนอื่น

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset