อีกด้านหนึ่ง ไป๋จิ่วที่กำลังพยายามแยกตัวออกจากวงล้อมหมาป่าโลกันตร์อย่างยากลำบากก็พลันได้ยินเสียงร้องคำรามของเสือดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ ร่างของเขาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจนเกือบจะฉี่รดกางเกงอีกรอบ “โชคดีที่เรารีบวิ่งหนีออกมาก่อน ฟังจากเสียงคำรามแล้ว เสือตัวนั้นจะต้องเป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะแน่ๆ! ป่านนี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์คงน่าจะไม่รอดแล้ว เฮ้อ น่าสงสารจริงๆ เป็นถึงแม่นางน้อยที่งดงามเสียขนาดนั้น…”
ในขณะที่เสียงคำรามของเสือดำดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า ฝูงหมาป่าโลกันตร์ที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง ลูกไฟสีเขียวต่างก็ลอยออกมาปากของหมาป่าโลกันตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่พวกนั้น คล้ายกับแม่น้ำคดเคี้ยวหลายสายกำลังไหลเอื่อยเข้าสู่ท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่ ลูกไฟเหล่านั้นทยอยไหลเข้ามารวมตัวกันอยู่ด้านข้างของโจวเหว่ยชิงก่อนจะถูกเขาอ้าปากกลืนกินเข้าไปทั้งหมด ไอหมอกสีเทาดำที่กำลังไหลวนอยู่รอบๆ ร่างของโจวเหว่ยชิงมีสีเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในร่างของเขาจนได้ยินเสียงกระดูกหักดังลั่นออกมาอีกครั้ง อนิจจา สำหรับหมาป่าโลกันตร์ที่มอบปราณสวรรค์ธาตุลมให้กับเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกมันต่างก็ตัวอ่อนยวบลงไปกับพื้น ตายเกลื่อนดุจผักปลาทันที
ในโลกของสัตว์อสูรสวรรค์ ความสามารถนี้เป็นที่รู้จักกันดีในการใช้เรียกหา “สิ่งบรรณาการ” หมาป่าโลกันตร์พวกนั้นทนฟังเสียงขู่คำรามของเสือปีศาจที่มีพลังกดข่มอย่างรุนแรงเช่นนี้ไม่ได้ จิตใจของพวกมันจึงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์และยินยอมมอบพลังปราณสวรรค์อันมีค่าของพวกมันเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่เขา
เมื่อได้ยินโจวเหว่ยชิงขู่คำรามเช่นนั้นออกมา แขนขาทั้ง 4 ของ ราชาหมาป่าโลกันตร์ก็อ่อนยวบลงทันที มันไม่มีเวลาให้ลังลังเลอีกต่อไป รีบหันหลังกลับเตรียมจะจ้ำอ้าวหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตทันที อนิจจา สายเกินไปแล้วที่จะคิดหลบหนี เมื่อโจวเหว่ยชิงกลืนกินพลังปราณของหมาป่าโลกันตร์ครบ 100 ตัวแล้ว เขาจะพลาดท่าให้โอกาสมันหลบหนีไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร
ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน เวลานี้ช่างไร้วี่แววของแสงสว่าง ในชั่วพริบตานั้น ราชาหมาป่าโลกันตร์ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังเกาะแน่นอยู่ที่ลำตัวของมัน เป็นเงาหนวดทั้ง 12 ของทักษะสัมผัสมืดนั่นเองที่กำลังยึดร่างของมันเอาไว้
แม้จะอยู่ภายใต้สถานะปีศาจกลายร่าง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่โจวเหว่ยชิงผู้ครอบครองมณีเพียงชุดเดียวจะสามารถควบคุมอสูรสวรรค์ระดับปรมะได้ แต่ทว่านั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับใช้ยึดร่างของมันไว้ชั่วคราวเพื่อไม่ให้มันหลบหนีไปได้
ราชาหมาป่าโลกันตร์กำลังพยายามดิ้นรนให้หลุดจากเงาหนวดสีดำที่ตรึงร่างของมันไว้กับพื้น แน่นอนว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ มันก็สามารถกระชากตัวออกมาจากการคุมขังได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่มันเพิ่งเป็นอิสระนั่นเอง ดวงตาสีแดงฉานคู่หนึ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของมันแล้ว
และทักษะโซ่ตรวนวายุถูกนำมาใช้กับราชาหมาป่าโลกันตร์อีกครั้ง หลังจากได้กลืนกินพลังปราณสวรรค์ธาตุลมจำนวนมหาศาลเข้าไปแล้ว ปราณสวรรค์ทั้งหมดในร่างของโจวเว่ยชิงก็เกือบจะมากกว่าปราณสวรรค์ของราชาหมาป่าโลกันตร์แล้ว! แม้ว่าเขาจะใช้ได้แค่ทักษะระดับพื้นฐาน แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้
ราชาหมาป่าโลกันตร์เพิ่งจะเป็นอิสระจากทักษะสัมผัสมืด แต่ทว่าเมื่อร่างกายของมันเริ่มขยับ ร่างของมันก็กลับไปแข็งทื่ออีกครั้ง ในคราวนี้ ก่อนที่มันจะหลุดพ้นจากทักษะโซ่ตรวนวายุได้ ฝ่ามือขวาของโจวเหว่ยชิงตวัดลงบนศีรษะของมันอย่างโหดเหี้ยมแล้ว
กระแสไฟฟ้าแล่นเปรี้ยะๆ ขึ้นมาในอากาศขณะที่โจวเหว่ยชิงใช้ทักษะฝ่ามืออัสนีบาตฟาดลงมาพร้อมกันด้วย
ระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นมาทันที ราชาหมาป่าโลกันตร์ร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสยดสยอง ร่างของมันกระเด็นออกไปและพลิกไปมาหลายตลบจนได้ยินเสียงบางอย่างปริแตกออกมา กระแสไฟฟ้าไหลวูบวาบขึ้นมาเป็นชั้นๆอาบทั่วร่างของมัน อีกทั้งยังส่งเสียงเปรี้ยะๆ ออกมาเป็นระยะๆ
แน่นอนว่าราชาหมาป่าโลกันตร์ตัวนี้สมควรแล้วที่เป็นถึงอสูรสวรรค์ระดับปรมะ ถึงแม้ว่ามันจะกลัวกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิง แต่ทว่าการฆ่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ปกติแล้ว หากรับการโจมตีขั้นสูงสุดจากทักษะประเภทโจมตี ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ของโจวเหว่ยชิงอย่างเต็มกำลัง ราชาหมาป่าโลกันตร์ตัวนั้นก็จะเพียงแค่กลายเป็นอัมพาตอยู่ชั่วคราวและมีอาการมึนงงเล็กน้อยเท่านั้น และแม้จะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง โจวเหว่ยชิงก็ยังไม่อาจสังหารอสูรสวรรค์ระดับปรมะตัวนี้ได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าโจวเหว่ยชิงยังเหลือขาขวาปีศาจที่แปลกประหลาดของเขาอยู่อีกข้าง หลังจากฟาดฝ่ามืออัสนีบาตเข้าใส่ราชาหมาป่าโลกันตร์แล้ว ในชั่วพริบตาต่อมาเขาก็เงื้อขาขวาปีศาจขึ้นเหนือร่างราชาหมาป่าโลกันตร์ ราวกับว่ามันคือเครื่องประหารสีดำขนาดใหญ่ที่พร้อมจะบั่นคอนักโทษได้ทุกเมื่อ
ขณะที่โจวเหว่ยชิงกวาดขาขวาลงมา แทนที่จะใช้ส้นเท้าหรือฝ่าเท้าเพื่อจัดการกับราชาหมาป่าโลกันตร์ตัวนั้น เขากลับเลือกใช้ปลายเท้าซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับตะขอแมงป่องสีดำที่เขาเห็นมาจากหางของเสือดำตัวนั้นแทน
ปลายเท้าขวาของโจวเหว่ยชิงตัดเข้ากับกะโหลกศีรษะของราชาหมาป่าโลกันตร์อย่างรุนแรง เฉือนสมองลากผ่านลงมาตามแนวดิ่งอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เกิดประกายแสงสีแดงสาดกระจายออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับเลือดสดๆ ถูกพ่นออกมาอาบย้อมไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่ร่างกายของโจวเหว่ยชิงเคลื่อนลงมาถึงอีกฝั่ง มือทั้งสองข้างของเขาก็ถูกใช้ค้ำยันพื้นขณะที่ขยับถอยออกมามองดูผลงานที่ด้านข้าง เด็กหนุ่มดึงเท้าขวาออกมาจากกะโหลกศีรษะของราชาหมาป่าโลกันตร์ จากนั้นลูกไฟสีเขียวสดใสที่คล้ายกันกับหมาป่าโลกันตร์ตัวอื่นๆ ก็ลอยละล่องออกมา เพียงแต่ว่าลูกไฟดวงนี้กลับมีความหนาแน่นมากกว่าดวงอื่นๆ เมื่อลูกไฟสีเขียวดวงนั้นถูกกลืนกินโดยโจวเหว่ยชิง ร่างของราชาหมาป่าโลกันตร์ก็ทรุดลงไปกองกับพื้นและสิ้นใจทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายของโจวเหว่ยชิงก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นเช่นกัน และคราวนี้เขาไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาอีก ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะเขากลืนกินพลังปราณสวรรค์ธาตุลมมากเกินไป นั่นจึงทำให้ไอพลังสีเทาดำรอบๆร่างกายของโจวหว่ยชิงมีสีเขียวจางๆ ปะปนอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้ พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่มีฝูงหมาป่าโลกันตร์ครอบครองอยู่อย่างหนาแน่น แต่ทว่าในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ที่แห่งนี้กลับเหลือทิ้งไว้แค่เพียงทะเลเลือดและซากศพ แน่นอนว่านั่นรวมถึงราชาหมาป่าโลกันตร์ผู้เป็นเจ้าป่าแห่งนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ฝูงหมาป่าโลกันตร์ก็ยังถูกกำจัดทิ้งไปทั้งหมด
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยืนขึ้นอย่างสั่นๆ เธอมองไปที่ฉากเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า แม้แต่วิญญาณของเธอยังสั่นเทาด้วยความกลัว โจวเหว่ยชิงในสถานะปีศาจกลายร่างนั้นน่ากลัวมากจริงๆ…
ความจริงแล้ว แม้พลังที่เขาใช้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ทว่ากลิ่นอายที่ล้อมรอบตัวเขานั้นกลับทำให้หมาป่าโลกันตร์ธรรมดาๆไม่กล้าจะสู้กลับ ในท้ายที่สุด เด็กหนุ่มก็ยังต้องพึ่งพาการใช้ทักษะประเภทควบคุมอย่างต่อเนื่องติดๆกัน เมื่อประสานเข้ากับพลังของขาขวาปีศาจ นั่นจึงทำให้เขาสามารถสังหารราชาหมาป่าโลกันตร์ตัวนั้นลงได้ เธอเห็นกับตาว่าโจวหว่ยชิงเพิ่งจะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงขึ้นมา…
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับทักษะธาตุปีศาจของโจวเหว่ยชิง แต่เธอก็เห็นว่าโจวเหว่ยชิงอาศัยพลังปราณของหมาป่าโลกันตร์ธรรมดาๆ ในการฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฆ่าอสูรสวรรค์ระดับปรมะอย่างราชาหมาป่าโลกันตร์ตัวนั้นได้ เขาทำแบบนั้นได้อย่างไรกันนะ? เหตุใดโจวหว่ยชิงจึงสามารถใช้ประโยชน์จากพลังปราณของอสูรสวรรค์ได้หลังจากฆ่าพวกมัน?
ในขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังยืนอยู่นั่นเอง บางอย่างก็เคลื่อนที่มาเบื้องหน้าเธออย่างฉับพลันจนทำให้ต้องตะลึงงัน สายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องมาที่เธอในระยะประชิด ทันใดนั้นรังสีกระหายเลือดก็วาบผ่านขึ้นมาในตาคู่นั้น และมือสีดำสนิทคู่หนึ่งก็พุ่งเข้ามาจับเธอไว้
นี่มันจบแล้วสินะ…ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขณะที่เธอหลับตาลง สมองพลันคิดว่า อย่างน้อย ตายในมือของเขาก็ยังดีกว่าตกเป็นอาหารของหมาป่าพวกนั้น..
ทว่าความเจ็บปวดที่เธอคิดไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้น ในเวลาถัดมา ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอถูกโอบกระชับจนแน่นขึ้น เธอถูกห่อหุ้มไว้ด้วยการอ้อมกอดอันแน่นหนา อบอุ่นและอ่อนโยน ทว่าก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายและกระหายเลือดของโจวเหว่ยชิง แรงกอดที่มากเกินไปทำให้เธอรู้สึกปวดไปทั่วร่างกาย เสียงหายใจหอบหนักดังอยู่ที่ข้างหูของเธอ แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้ขยับต่อต้านเขา
หลังจากช่วงเวลาสับสนมึนงงได้ผ่านพ้นไป ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ฟื้นคืนสติกลับมา เดี๋ยว…เขายังไม่ฆ่าข้าใช่ไหม? อันที่จริง นี่เขาไม่ฆ่าข้าหรอ? นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง? เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง! ไม่อย่างนั้นเขาจะฆ่าหมาป่าโลกันตร์พวกนี้ไปทั้งหมดได้ยังไง?
ใบหน้าของเธอวางแนบอยู่บนหน้าอกของเด็กหนุ่ม และเธอรู้สึกว่าหน้าอกของเขาเย็นยะเยือก ไอเย็นที่น่าขนลุกสายหนึ่งพลันไหลบ่าเข้ามาในร่างของเธออย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายที่โหดเหี้ยมและชั่วร้ายยังคงรวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นและไหลวนไปรอบๆ ตัวเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เบิกตาขึ้นและเห็นว่าลายเสือดำที่แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมาบนร่างของโจวเว่ยชิงยังคงขยับเคลื่อนไหวไปมาบนผิวของเขา แต่ในขณะเดียวกันพวกมันก็กำลังค่อยๆ จางหายไปด้วย
สถานะปีศาจกลายร่างของเขากำลังจางลงและหายไป? และเหตุผลน่าจะมาจาก…ร่างกายของข้า?
การค้นพบนี้ทำให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เธอรีบยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพิกเฉยต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากแรงกอดรัดที่แน่นขึ้นของเขา จากนั้นก็โอบกอดโจวหว่ยชิงกลับด้วยอ้อมแขนของเธอ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ช้าๆ และชัดเจน
“อ้วนน้อย…ตื่นเถอะ…กลับมาหาข้า…”
“อ้วนน้อย…ตื่นเถอะ…กลับมาหาข้า…”
เธอยังคงพูดคำเหล่านั้นซ้ำๆ อย่างไม่หยุดหย่อน กอดเขาไว้แน่นด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมี และใช้ร่างกายของเธออบอุ่นร่างกายของโจวหว่ยชิง…
…………………………………………
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 23.3 เข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง (3)
Posted by ? Views, Released on November 22, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment