บทที่ 31 โหมดเซียน!
หลังจากได้ยินคำพูดของฟุคาซากุแล้วเรียวก็เสียใจไประยะนึงแต่เขายังคงใจเย็นอยู่
นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เข้าใจพลังของโหมดเซียนงั้นเหรอ? จิไรยะคิด มินาโตะเองก็มองจิไรยะเช่นกัน ทั้งสองตัดสินใจที่จะไม่บอกถึงความทรงพลังของโหมดเซียนเพื่อไม่ให้เรียวจมปลักอยู่กับมัน
อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ เรียวเข้าใจว่าหากเขาเป็นนํ้าแข็งแล้ว เขาก็เป็นส่วนนึงของธรรมชาติเช่นกัน เขาไม่จำเป็นต้องมีโหมดเซียนก็ได้
พลังงานธรรมชาติในความหมายของเรียวคืออะไร? เรียวจำได้ว่าคุรามะเคยพูดเรื่อง 10 หางสามารถนำพลังงานธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายได้
แล้วเมื่อพูดถึง 10 หางต้องนึกถึงอะไร? คางุยะ! ด้วยคำอธิบายข้างต้นทำให้เขาคิดว่าพลังนํ้าแข็งของเขาสามารถพัฒนาให้มีพลังเทียบเท่ากับคางูยะได้!
ใช่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องวัดพลังกับ 10 หาง แต่เขาต้องการควบคุมให้มีความสามารถเทียบเท่า เขาสามารถหยิบใช้พลังงานธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเขา มันสามารถที่จะพัฒนาต่อไปได้อย่างเช่น เนตรวงแหวนไปสู่เนตรสังสาระ
เรียวรู้สึกว่าเขาพึ่งเห็นค่าของไพ่ลับของตนเมื่อเขาข้ามายังโลกนี้
“ท่านฟุคาซากุครับ ผมควรเรียนวิชาเซียนไหม?” เรียวถาม
“เรียวจัง หากเธออยากเรียนวิชาเซียนละก็ ก็ให้ไปที่ใน 3 แดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเซียน หุบเขาเมียวโบคุ ป่าชิคโคทซึ และถํ้าริวจิ เธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้ทำสัญญาของเราแล้ว พวกเราต้อนรับเธอเสมอ”
“หัวหน้า ท่านคิดว่าเจ้าเด็กนี้สามารถเรียนวิชาเซียนได้งั้นเหรอ?” จิไรยะถามออกมา
“ใช่แล้ว แค่เรียนรู้แล้วเอาพัฒนาต่อยอดในแบบของตนเองด้วยพลังงานธรรมชาติ เขาแค่ต้องเรียนรู้ที่จะดูดซับมัน”
“ตอนนั้นท่านบอกว่าเขานั้นใช้โหมดเซียนไม่ได้ แล้วผมจะไปเรียนได้ยังไงกันครับ?” มินาโตะที่สงสัยก็ได้ถามออกมา
มินาโตะกับจิไรยะเองก็พยายามปิดบังประโยชน์ของวิชาเซียนจากเรียว เขากลัวว่าเรียวจะได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดว่าท่านฟุคาซากุนั้นจะเห็นด้วยที่เรียวไปเรียนวิชาเซียนที่หุบเขาเมียวโบคุ เขารู้ว่าเรียวนั้นไม่สามารถเข้าโหมดเซียนได้ แต่ยังอนุญาตให้เรียนวิชาเซียน ทุกคนนั้นงงงวยเป็นอย่างมาก
“แน่นอนว่าเรียวจังไม่สามารถใช้โหมดเซียนได้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันเสียหน่อย ธาตุนํ้าแข็งของเขาก็เป็นหนึ่งในโหมดเซียนอยู่แล้ว แต่ว่าเขาไม่ควรใช้โหมดนั้นของเขาด้วยจักระ ชั้นเองก็ไม่รู้ว่าเช่นกันว่าในอนาคตมีจะดีหรือแย่สำหรับเรียวจัง” ฟุคาซากุตอบกลับ
“ท่านฟุคาซากุครับ ท่านบอกว่าผมไม่สามารถเข้าสู่โหมดเซียนได้ด้วยร่างนํ้าแข็ง ท่านช่วยบอกผมหน่อยครับว่าหากว่าผมปิดโหมดนี้จะได้ไหม?” หลังจากที่พูดจบร่างกายของเรียวก็กลับมาเป็นปกติ
“นี้เป็นโหมดพิเศษที่เรียกว่าร่างนํ้าแข็ง? ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสม ชั้นเกรงว่าเธอก็ยังไม่สามารถเข้าสู่โหมดเซียนได้ในร่างปกติ” ฟุคาซากุคตอบ
“ทำไมกันครับ?” เรียวไม่คิดว่าคำตอบคือเขาไม่สามารถใช้มันได้
“เรียวจัง มันมีสองเหตุผล เหตุผลแรก นั้นคือเธอไม่มีจักระเพียงพอ อย่างที่สอง พลังของเธอนั้นหลอมรวมกับธรรมชาติแล้ว ตอนที่เธอเรียนรู้วิชากลั่นจักระ เมื่อเธอกลั่นจักระเป็นครั้งแรกชั้นมั่นใจว่าเธอมีจักระมากกว่าคนทั่วไป” ฟุคาซาคุอธิบาย
เรียวจำได้ว่าเมื่อเขาบ่มเพาะจักระครั้งแรกตอนอายุ 4 ขวบนั้นเขามีจักระที่มากกว่าคนทั่วไปถึงหลายเท่า แม้แต่คนในตระกูลอุซึมากิก็ยังมีไม่เท่าเขา!
อย่างไรก็ตามในปีถัดมาของเขา จักระของเขาก็เติบโตอยู่ในระดับที่ปกติ จักระของเขามักจะมากกว่าเพื่อนของเขาเพราะว่า เขามีการเริ่มต้นที่ดี
“ใช่แล้วครับ ผมมีมากจริงๆ” เรียวพยักหน้า
“เมื่อหลอมรวมพลังให้เข้ากับพลังงานธรรมชาติแล้วเป็นเรื่องดีที่จะมีการเติบโตอย่างปกติ แต่มันไม่น่าเหมาะสำหรับเธอ อัตราการดูดซับพลังงานธรรมชาติของเธอนั้นเร็วเกินไป เมื่อหลอมรวมกับธรรมชาติ มันยิ่งเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้น การดูดซับพลังงานจากธรรมชาติเร็วเกินไปจะไม่มีเวลาให้จักระของเธอหลอมรวมเข้ากับมัน เมื่อเธอพยามที่จะเข้าโหมดเซียน มันก็จะกลายเป็นโหมดร่างนํ้าแข็งแทน”
หลังจากที่เรียวได้ยินคำพูดของฟุคาซาคุก็ทำให้แววตาของเสียประกายไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสู่โหมดเซียนได้จริงๆ
เรียวยังคงอยากที่จะเข้าถึงโหมดเซียนอยู่ดี แต่เหมือนว่าเขาจะสามารถใช้พลังนํ้าแข็งด้วยพลังงานธรรมชาติของเขาเท่านั้น ปัญหาก็คือเขาอาจจะต้องพึ่งพาจักระในการใช้วิชาต่างๆ
เรียวตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกจองจำในร่างอายุ 7 ขวบ เหมือนเขาถูกสาปให้มีปริมาณจักระมากแค่เท่านี้ ตอนนี้พลังของเขาแทบจะเทียบเคียงกับโจนินพิเศษแล้ว
ปัญหาด้านร่างกายไม่สามารถแก้ไขได้ในตอนนี้ แต่การใช้พลังนํ้าแข็งนั้นกินพลังจักระของเขามากเกินไป และเขาสามารถแก้ไขมันได้ด้วยวิธีเรียนวิชาเซียน ด้วยเหตุนี้ทำให้เรียวรู้สึกตื่นเต้นว่าเขาสามารถใช้พลังนํ้าแข็งได้อย่างหลากหลายในอนาคต
เรียวคิดว่าในอนาคตเขาน่าจะสามารถประมือกับคุชินะที่อยู่ในโหมดสัตว์หางได้ พลังของเธอนั้นอยู่ในระดับคาเงะ แต่เรียวต้องการมากกว่านั้น
“ท่านฟุคาซากุ ผมสามารถเริ่มเรียนได้ตอนไหนครับ?” เรียวถามด้วยความใจร้อนเล็กๆ
“ตอนไหนก็ได้ ตราบใดที่จิไรยะจังตกลง!” ฟุคาซากุพยักหน้า
“ผมหรอ? ยังไงก็ได้อะ เจ้าเด็กเวรตัวเล็กนี้เป็นคนของตระกูลยามานากะ และเป็นลูกศิษย์ของคุชินะ การเรียนวิชาเซียนน่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนี้ นี้เป็นประโยชน์ต่อโคโนฮะด้วย”
จิไรยะนั้นซื่อสัตย์ต่อโคโนฮะเสมอมา เขารู้ว่าพันธมิตร อิโนะชิกะโจนั้นก็มีความจงรักภักดีต่อโคโนฮะ และคุชินะเองก็ถือเจตจำนงค์แห่งไฟไว้ ลูกศิษย์ของเธอคงจะต้องแข็งแกร่ง และเด็กคนนี้เองก็ยังเป็นกระดูกสันหลังของโรงพยาบาล เขายอมรับด้วยความดีใจ
“ดีมาก ถ้างั้นเรียวจัง เตรียมตัวไว้ อีกสามวันชั้นจะอัญเชิญเธอผ่านชั้น”
“ขอบคุณครับท่านฟุคาซากุ!” เรียวดีใจ
“ถ้าไม่มีอะไรชั้นไปก่อนนะ!” ฟุคาซากุกล่าว
“หัวหน้า ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” จิไรยะกล่าว
ฟุคาซากุโบกมือให้กับทุกคนก่อนที่จะกลับหุบเขาเมียวโบคุ
“เรียว พรุ่งนี้ไม่ต้องฝึกนะ ไปหาซื้อพวกอาหารกระป๋องอาหารสำเร็จรูป เสบียงแห้ง จำพวกให้พลังงานสูง” มินาโตะตบไหล่เรียวพร้อมกับให้คำแนะนำ
คำพูดของเขาทำให้เขานึกถึงตอนที่อยู่ในหุบเขาเมียวโบคุ จิไรยะเองก็เช่นกัน หน้าของเขาเขียวคลํ้า เรียวเองก็นึกได้ว่าพวกเขากินอะไรที่หุบเขาเมียวโบคุ
“พี่คุชินะ พรุ่งนี้ไปซื้อของกับผมนะ!” เรียวกล่าว
“ได้สิ ว่าแต่พวกเขาเป็นอะไรไปงั้นเหรอ” คุชินะมองหน้ามินาโตะกับจิไรยะด้วยความสับสน สงสัยเธอคงไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนกินอะไรไปบ้างที่หุบขาวเมียวโบคุ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าอาหารที่หุบขาวเมียวโบคุนั้นรสชาติแย่มาก!” เรียวตอบ
“จริงหรอมินาโตะ?” คุชินะถามแฟนหนุ่มของเธอ
“แน่นอนสุดๆ” มินาโตะอยากหยุดบทสนทนาไว้เพียงแค่นี้
“คาคาชิ พรุ่งนี้นายก็มากับชั้นด้วยสิ” เรียวจำได้ว่าคาคาชินั้นถูกทุกคนลืมไปเลย
คาคาชิเองก็ไม่สนใจสนแค่ฝึกวิชากระสุนวงจักรเท่านั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเรียวเขาก็ได้หยุดมือพร้อมกับพยักหน้า
เรียวที่อยูู่ในโคโนฮะมาตลอด 7 ปี นี้จะถือเป็นครั้งแรกที่เขาออกไปเจอโลกภายนอก!