#ขอใช้คำว่าแฮมเบอร์เกอร์สเต๊ก แทนคำว่า แฮมเบิร์ก นะแปลตอนเบลอๆ55+
คนที่มีประสบการณ์การทำอาหารมีแค่ นิไคโดะ และผม เลยมีหน้าที่ดูแลอาหารจานหลัก แฮมเบอร์เกอร์สเต๊ก ส่วนเรย์และคากิฮาระจะดูแลซุปและข้าว
ดูเหมือน โนกิ และ โดโมโตะ จะรับผิดชอบสลัดเพราะไม่ต้องไฟในการปรุง
อย่างไรก็ตาม นิไคโดกับผมจะเตรียมแฮมเบอร์เกอร์สเต๊กให้เสร็จโดยเร็วที่สุดและช่วยพวกเขาหากมีปัญหา นี่ถือเป็นการแบ่งงานที่ค่อนข้างดีเลย
ผมไม่รู้ว่าตัวคากิฮาระเองจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมคิดว่าเขาค่อนข้างเป็นผู้นำที่มีความสามารถ
“คุณดูจะชินกับการทำอาหารนะ ชิโดะคุง” (อาซึสะ)
“ห๊ะ?” (รินทาโร่)
“ฉันค่อนข้างแปลกใจนะที่ชิโดะคุงหั่นหัวหอมได้เก่งมาก” (อาซึสะ)
ผมมองลงไปที่มือตัวเอง
หัวหอมสับละเอียดมีขนาดไม่เท่ากันทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ไม่สม่ำเสมอจนไม่สามารถบอกได้ เว้นแต่จะมองโดยระเอียด
บางทีอาจเป็นเพราะผมทำสิ่งนี้มาหลายปีแล้ว เลยทำสิ่งนี้โดยไม่รู้ตัว
“อืม……โดยส่วนตัวแล้วผมชอบทำอาหารน่ะ เลยฝึกมาเยอะ” (รินทาโร่)
“นั่นสินะ ลองดูสิฉันยังหั่นได้ไม่เก่งเลย…….” (อาซึสะ)
เมื่อผมมองดูมือของนิไคโดะ จะเห็นว่าเธอกำลังหั่นหัวหอมเป็นชิ้นเล็กๆมันดูไม่ค่อยสวยมากนัก
ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่ แต่ — ดูเหมือนเธอจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ตอนที่เอาไปทำสเต็กแฮมเบอร์เกอร์ มันจะเล็กลงจนมองไม่ออกเอง” (รินทาโร่)
“ฉันกังวลนิดหน่อยน่ะ……” (อาซึสะ)
“ขอแค่มีรสชาติที่ดีมันไม่เป็นไรหรอกถ้ามันไม่ได้อยู่ในร้านอาหาร ขอแค่เธออยากให้คนที่อยากกินได้รู้สึกอร่อยก็พอแล้ว นอกจากนี้การทำอาหารก็เหมือนการบอกตัวตนของคนทำด้วยนะ ” (รินทาโร่)
“……” (อาซึสะ)
เสียงมีดหายไปจากดนิไคโดะ ผมมองไปด้วยความสงสัย
จากนั้นเธอก็จ้องมองมาที่ผมอย่างแปลกใจด้วยเหตุผลบางอย่าง
[ผู้แปล : เอ๊ะหรือคนนี้จะเป็นคู่แข่งคนใหม่กันนะ]
“มีอะไรเหรอ?” (รินทาโร่)
“อา…… ฉันแค่คิดว่าชิโดะคุงมีใบหน้าที่อ่อนโยนจัง” (อาซึสะ)
“อะไร?” (รินทาโร่)
ปกติแล้วผมมักจะไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรมาก
“ปกติชิโดะคุงดูเหมือนพยายามเข้ากับคนอื่น แต่ตอนนี้ดูจริงใจมาก” (อาซึสะ)
“……อย่างนั้นเหรอ?” (รินทาโร่)
“เอ่อ ขอโทษนะที่จ้องชิโดะคุงแบบนี้” (อาซึสะ)
“ไม่เป็นไรหรอก……” (รินทาโร่)
ผมเดาว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เธอมาเป็นตัวแทนของชั้นเรียน
เธอมองทะลุผ่านผมจนเห็นผมที่มักจะพยายามรักษาความสัมพันะ์และรักษาระยะห่างที่ดีจากผู้อื่น
การที่เธอมองผมออกมันไม่ได้รบกวนผมเลย
เหตุผลที่ผมไม่ต้องการแสดงตัวตนที่แท้จริงคือผมกลัวที่จะเปิดเผยตัวเองถ้ายังไม่รู้จักคนนั้นดีพอ
ถ้าผมมั่นใจว่าสามารถเชื่อใจใครซักคนได้ เช่น ยูกิโอะ ผมจะเต็มใจคุยกับพวกเขาโดยไม่เสแสร้ง
“ฉันชื่นชมชิโดะคุงนะที่ทำอาหารเก่งขนาดนี้……. นายเรียนรู้สิ่งจากแม่หรือมั้ย?” (อาซึสะ)
“…….” (รินทาโร่)
[ผู้แปล:ธงหักละแบบนี้]
ในตอนนั้น ผมรู้สึกเจ็บที่ปลายนิ้ว
ดูเหมือนว่าผมจะเผลอโดนมีดบาด
ผมถึงกับตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ราวกับว่ามันเป็นปัญหาของคนอื่น
“ชิโดะคุงเป็นอะไรมั้ย!?” (อาซึสะ)
“……ไม่มีปัญหา” (รินทาโร่)
ผมหัวเราะกับตัวเอง ผมไม่เคยทำผิดพลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำที่นี่และตอนนี้
เมื่อผมตกตะลึงเล็กน้อย สมาชิกคนอื่นๆ ที่ทำงานอยู่รอบตัวผมก็เข้ามาหาผมเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ชิโดะ เป็นอะไรไป?” (ยูสุเกะ)
“ขอโทษนะ คากิฮาระคุง ผมแค่ทำมีดบาดนิ้วน่ะ” (รินทาโร่)
“ชิโดะคุงไหวมั้ย นายควรไปห้องพยาบาลนะ ผมจะดูแลส่วนที่เหลือต่อเอง” (ยูสุเกะ)
“……เข้าใจแล้ว ผมจะรีบกลับมา” (รินทาโร่)
ผมบอกอาจารย์เรื่องที่โดนบาด แล้วก็ออกจากห้องคหกรรมไป
ตอนที่กำลังออกไป ผมก็มองไปที่นิไคโด ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกผิด
“–––– ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ลึกขนาดนั้น ยาฆ่าเชื้อและพันแผลก็ใช้ได้ค่ะ ฉันไม่แนะนำให้ทำงานกับน้ำสักพักนะคะ มันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้”
“เข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่รบกวน” (รินทาโร่)
“ไม่เป็นไรมันเป็นงานของฉัน นายกลับไปเรียนได้แล้ว”
หลังจากที่อาจารย์ห้องพยาบาล รักษาเสร็จแล้วผมก็เดินออกจากห้องพยาบาลไปที่โถงทางเดิน
ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นผ้าพันแผลบนนิ้ว
(ไม่คิดว่าจะอารมณ์เสียแค่ได้ยินเรื่องนี้……)
มันไม่ใช่ความผิดของนิไคโดเลย นี่เป็นปัญหาทางจิตใจของผมเอง
ผมค่อนข้างตกใจที่ได้ยินคำที่ผมไม่ชอบ
ผมเปิดประตูห้องคหกรรมด้วยความรู้สึกหดหู่
เมื่อผมพยายามกลับเข้าร่วมกลุ่มของคากิฮาระ พวกเขารายล้อมผมด้วยใบหน้าที่กังวลอย่างมาก
“ชิโด แผลของนายเป็นอย่างไรบ้าง” (ยูสุเกะ)
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ถูกสั่งห้ามไม่ให้โดนน้ำ ดังนั้นผมคิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้มากต้องขอโทษด้วย” (รินทาโร่)
“เข้าใจแล้ว…… อ่า แต่ไม่ต้องห่วงนะ ส่วนแฮมเบอร์เกอร์สเต๊กนั้นผมเตรียมมาให้ถึงขั้นที่อาซึสะจะปรุงได้ก็เลยคิดว่าเอาอยู่ อีกอย่าง สลัดก็คงจะ……ได้เหมือนกัน” (ยูสุเกะ)
เมื่อคากิฮาระมองโนกิและโดโมโตะอย่างกังวล ทั้งคู่ก็ยกนิ้วโป้งให้เขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ คากิฮาระดูวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็เลยว่าสองคนนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ
ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าในมุมมองของผมจะรู้สึกโล่งใจด้วยเหตุผลบางอย่างก็ตาม
“ฉัน ขอโทษนะ ชิโดะคุง ฉันคุยกับนายตอนที่ใช้มีดก่อนหน้านี้” (อาซึสะ)
“มันเป็นความประมาทของผมเอง ดังนั้นนิไดโดะซังไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกก ผมสิที่ต้องขอโทษที่ทำให้เธอทำอาหารคนเดียว” (รินทาโร่)
“อืม! ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันควรทำเท่านั้นเอง” (อาซึสะ)
ผมละสายตาจากนิไคโดและมามองเรย์
เธอดูค่อนกังวลเกี่ยวกับผม แและดวงตาเธอค่อนข้างสับสน เธอไม่เคยเห็นผมทำผิดพลาดมาก่อน เธอจึงค่อนข้างตกใจ
คราวนี้ผมก็ตรวจดูแฮมเบอร์เกอร์สเต็กที่นิไคโดทำไว้ ดูเหมือนว่าเศษขนมปังและไข่ถูกใช้เป็นเครื่องปรุง และไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ แฮมเบอร์เกอร์สเต็กจะเสร็จแล้ว แต่รีดลมออกมาแล้วนำไปปรุงให้สุก
[ผู้แปล : งงเลยอะไรคือปล่อยลมนิ หรือ หมายถึงเจาะความร้อนเข้าแล้วสุกทั่วถึงงี้เหรอ]
“ชิโดะ ผมขอโทษถ้าบังคับนายให้ทำงาน แต่ขอให้นายทิ้งขยะหรือจัดจานได้ไหม” (ยูสุเกะ)
“ให้ผมทำแบบนั้นดีแล้ว เพราะผมช่วยอะไรไม่ได้เลย…….” (รินทาโร่)
“อื้ม” (ยูสุเกะ)
ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่นิสัยดี เลยมอบงานให้ผม เขาน่าจะคิดว่าผมจะรู้สึกผิดที่กินอาหารโดยไม่ได้ช่วย
ถ้าเขาคิดมากเกี่ยวกับความรู้สึกของคนอื่นได้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเนื้อหอมขนาดนี้
สามารถติดตามผลงานได้ที่ เพจ เเปลเรื่องที่สนใจ
ลงหน้าเพจก่อน 1 วันนะครับ