HxH: Researcher chapter 94: กองโจรเงามายา
ในดวงตาของ ยาซุโอะ ส่องแสงระยิบระยับ ขณะที่เขาถามด้วยความสงสัย “แล้วสมาชิกอีกคนเป็นใครกัน?”
“ตามข้อมูลที่เรารู้มา เขาเป็นชายสวมกางเกงนักมวยสีแดงที่มีผ้าพันแผลสีน้ําตาลแดงพันตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามีชื่อว่า โบโนเรนอฟ เอ็นดอนโก
ความสามารถของเขาค่อนข้างจํากัด นั่นก็คือเขาจําเป็นต้องเล่นดนตรีก่อน ซึ่งแน่นอนว่าพ่อไม่ปล่อยให้เขาทําแบบนั้นได้แน่นอน แต่ถึงแม้ว่าเขาค่อนข้างเชื่องช้า แต่หัวหน้ากองโจรเงามายากเข้ามาถ่วงเวลาพ่อเอาไว้ เขาจึงมีเวลามากพอจนใช้ความสามารถของเขาได้
เขาแปรสภาพเป็นหอกและชุดเกราะนักรบอีก 2 – 3 ชิ้นบนร่างกายของเขา และดูเหมือนว่าเขาต้องการทําอะไรบางอย่าง แต่พ่อถอยกลับมาเสียก่อน แล้วก็…สําหรับคนที่พ่อฆ่า”
ยาซุโอะ ขัดจังหวะ “ไม่จําเป็น ผมแค่อยากรู้เกี่ยวกับเป้าหมายที่มีชีวิตเท่านั้น”
สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าความโล่งใจจะซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา ในขณะที่เขาคิดในใจ “ดีที่ในหมู่พวกมันไม่มี ปาคุโนด้า อยู่ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องหาทางอื่นๆ”
ซิลเวอร์ พยักหน้าและเริ่มเดินไปที่ด้านข้างของหลังคาและพูดว่า “เราไปกันเลยไหม?” ยาซุโอะ ไม่ตอบ แต่เขาก็เดินตามไปเงียบ ๆ
พวกเขากระโดดจากอาคารหนึ่งไปยังอีกอาคารหนึ่ง จนกระทั่งไปถึงอาคารเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลในสายตาของ ซิลเวอร์
ซิลเวอร์ พูดขึ้นทันทีที่ถึง “พ่อแน่ใจว่าเขาสัมผัสได้ถึงพวกเราแล้ว… เอาล่ะ เริ่มกันเลย”
หลังจากเขาพูดแบบนั้น ประตูมิติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา และเมื่อพวกเขาเดินผ่านไป พวกเขาก็ไปปรากฏอยู่ในห้องที่มืดสนิท ขณะนั้นเอง ยาซูโอะ ก็สร้างอีกาสีม่วงเข้มออกมา
พวกเขาได้กลิ่นเน่าเปื่อยของเนื้อ เสียงแมลง เสียงเท้าแมลงสาบที่แตะพื้นขณะค้นหาอาหาร
อาหารเน่าเปื่อยที่พวกมันต้องการ แต่ทั้งสองไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก พวกเขามองไปยังอีกสองคนในห้องแทน
อีกด้านหนึ่ง โบโนเรนอฟ ที่มีบาดแผลเล็กน้อยพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา แม้ว่ามันจะดูแทบไม่ออก เนื่องจากเขาใช้ผ้าพันแผลจํานวนมาก เพื่อหยุดเลือดที่กําลังไหล และผู้ที่แปรสภาพชุดเกราะใส่ตัวเขาพร้อมกับที่ถือหอกอยู่ ชายหนุ่มผมสีดําและตาสีเทา
ลักษณะเด่นสองประการของเขา คือ รอยสักรูปกากบาทบนหน้าผากและต่างหูทรงกลม
ผมสีเข้มของเขาห้อยลงมาอย่างเป็นธรรมชาติเกือบจะซ่อนรอยสักรูปกากบาทบนหน้าผากของเขา
เขาใส่กางเกงสีเข้มและเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบง่าย แม้ว่ามันจะดูไม่ขาวอีกต่อไปแล้วเนื่องจากสิ่งสกปรกบนตัวมันและรอยกรีดทั่วตัว
พวกเขาเตรียมพร้อมต่อสู้ มองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ และพวกเขาก็ขมวดคิ้วมากขึ้น เมื่อสังเกตเห็นว่ามีอีกคนอยู่กับเขา
คนที่สวมเสื้อสเวตเตอร์สีดํากับกางเกงสีดํา ผมสีดําสนิทของเขาห้อยลงมาตามธรรมชาติ เช่นกัน แต่ไม่ได้ซ่อนต่างหูโซ่ยาวสีเงินที่หูข้างซ้ายของเขา ขณะที่เขามองเห็นดวงตาแปลก ๆ ของเขา ดวงตาสีดําสนิทและดวงตาสีเงิน
อากาศในห้องดูเหมือนจะเปลี่ยนไป เนื่องจากความกดดันที่เพิ่มขึ้น แมลงและสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในห้องเล็ก ๆ ที่มืดมิดถูกแช่งแข็ง แช่แข็งด้วยความตกใจไม่สามารถหลบหนีได้ภายใต้บรรยากาศที่เยือกเย็น
ความมืดไม่ได้เป็นศัตรูของทั้งสี่ เพราะพวกเขามองเห็นกันชัดเจน
ชายร่างสูงสองคนที่เดินออกมาจากประตูมิติที่แทบจะปิดในทันที
พวกเขาพยักหน้าซึ่งกันและกัน และ หายตัวไป ไม่มีคําพูดใด ๆ ยกเว้นเสียงที่ก้องกังวานไปทั่วอาคาร
กําแพงด้านหลัง โบโนเรนอฟ และ คุโรโร่ พังทลายลงเกือบหมด หนึ่งในพวกเขาถูกส่งกระเด็นถอยหลัง ด้วยแรงกระแทกที่ทําลายกําแพงข้างหลังเขาแตกกระจาย นั่นคือ คุโรโร่ ขณะที่หนังสือปรากฏขึ้นบนมือของเขา ก่อนที่ ยาซุโอะ จะเตะเขาเบา ๆ ส่งเขากระเด็นกลับไป
ในทางกลับกัน โบโนเรนอฟ หายตัวไปพร้อมกับตู้เย็นมาแทนที่เขาในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ ซิลเวอร์ จะเหวี่ยงหมัด ส่งมันทะลุผ่านกําแพงที่เปราะบาง ทําให้ตู้เย็นเกือบจะถูกทําลายทั้งหมด
ซิลเวอร์ หยุดลงสองสามวินาที เพื่อแพร่กระจาย เอ็น” ของเขา จนกระทั่งเขาสัมผัสได้ถึงตําแหน่งของ โบโนเรนอฟ ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มใช้ “อิน” ซ่อนตัวตนของเขา และเขาสังเกตเห็นบางอย่าง โบโนเรนอฟ เริ่มแสดงการเต้นรําด้วยเพลงเฉพาะที่ส่งเสียงผ่านอาคารนี้ เนื่องจากรูบนร่างกายของเขานับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นประเพณีของชนเผ่าของเขา
ดูเหมือนว่า ซิลเวอร์ จะไม่ตื่นตระหนก ขณะที่เขาเริ่มวิ่งทะลุกําแพง ราวกับมันไม่ได้เป็นอุปสรรคแม้แต่น้อย เขาวิ่งด้วยความเร็วสูงไปยังที่ซึ่งเขาสัมผัสได้ถึง โนโบเรนอฟ และที่มาของเสียง
“สวัสดี!” ยาซุโอะ พูดพร้อมกับมองไปที่ คุโรโร่ ที่ยืนอยู่และไม่ตอบอะไรแม้แต่น้อย แต่เขาพลิกหน้าหนังสือโดยสังเกตว่า ยาซูโอะ ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ จากนั้น เขาก็ยกมือขึ้น ขณะที่ปืนสีขาว ปรากฏขึ้นและเล็งไปทางขวาของเขา… ไปที่กําแพงที่ว่างเปล่าและเหนี่ยวไกปืนก่อนที่จะยิงกระสุนสีขาวออกมา
เขาพลิกหน้าหนังสืออีกครั้ง ในขณะที่กระสุนแทนที่จะชนกําแพงเริ่มถอยหลังเข้าหาเขา ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าก่อนหน้านี้มาก
เมื่อกระสุนอยู่ห่างจากศีรษะของเขาเพียงหนึ่งเซนติเมตร เขาก็หายตัวไปพร้อมกับ ยาซูโอะ ที่ปรากฏตัวขึ้นแทน
คุโรโร่ ปรากฏตัวแทนที่ ยาซุโอะ จากนั้นเริ่มวิ่งตาม ซิลเวอร์ เพียงเพราะรู้สึกว่าอันตรายถึงขีดสุด เมื่อกระสุนนัดเดียวกันปรากฏขึ้นข้างหลังเขาผ่านประตูมิติ โดยมีประตูมิติอีกบานอยู่ข้างหน้าเขา โดยมี ยาซูโอะ ปรากฏผ่านประตูนั้น
“ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้ธรรมชาติดําเนินไปตามวิถีของมันแล้วรอความตายเสียดีกว่า…” ยาซูโอะ พูดอย่างปกติ ในขณะที่ลูบต่างหูและยืนขวางทาง
คุโรโร่ ถอนหายใจ “น่ารําคาญจริง ๆ” ขณะที่คิดในใจว่า “แม้ว่าฉันจะแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ฉันเตรียมไว้ เมื่อคูลดาวน์ของฉันหมดลง เขาก็ยังจะเทเลพอร์ตมาหาฉัน
นี่มันน่ารําคาญและคงจะเลวร้ายที่สุด เป็นเพราะลางสังหรณ์ของ มาจิ และฉันอยู่ใกล้ตําแหน่งของพวกเขามากที่สุด นักฆ่าตระกูลโซลกอีกคนที่ปรากฏตัวเร็วขนาดนี้ไม่อยู่ในการคํานวณของฉันอย่างแน่นอน”
ขณะที่เขาคิดเรื่องนี้ เขาก็เริ่มเดินไปหา ยาซูโอะ ขณะที่พลิกหน้าหนังสือ
และมันเลวร้ายที่สุดของตระกูลโซลก เป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่ก็ลึกลับที่สุดด้วยความสามารถของเขาที่ยังไม่มีใครรู้ ดังนั้น ฉันไม่มีทางเตรียมตัวสําหรับความสามารถในการเทเลพอร์ตเลยจริง ๆ และฉันก็ปล่อยให้คนอื่นมาไม่ได้ โบโน ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่สังเกตเห็นว่าเสียงเพลงหยุดลง โดยที่ โบโนเรนอฟ ยังเต้นไม่จบ ซึ่งหมายความว่าเขาใช้ความสามารถของเขาไม่ได้และจะไม่สามารถทําอะไรกับคนอย่าง ซิลเวอร์ ได้มากนัก
หน้าหนังสือเปลี่ยนไป ขณะที่เขาเริ่มเดินไปทาง ยาซูโอะ ด้วยปืนกระบอกเดิมที่ปรากฏอยู่ในมือซ้ายของเขา และยิงหลายครั้งในหลายทิศทาง และหลังจากนั้น เขาก็เริ่มวิ่ง ในขณะที่พลิกหน้ากระดาษอีกครั้งและ โจมตีด้วยมือซ้ายของเขาไปยังพื้นที่ข้างหัวใจของเขา
เขากําหนดเป้าหมายไปยังพื้นที่ที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อเขามากเกินไป แต่จะมีเลือดออกเพียงพอสําหรับสิ่งที่เขาต้องการจะทํา
บาดแผลลึกดูเหมือนจะไม่ทําให้เขารําคาญ ขณะที่เลือดไหลเข้าสู่มือซ้ายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แต่มันไม่หยุดไหล ขณะที่มันไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ใบหน้าของเขาซีดเผือดกว่าที่เป็นอยู่
ยาซูโอะ ไม่ได้ขยับจากที่ของเขา ในขณะที่เขามองดูฉากที่กําลังเล่น มองดูกระสุนสีขาวทั้งหมดที่สะท้อนออกมา เมื่อพวกมันสัมผัสกับกําแพง และมุ่งหน้ามาในทิศทางของเขาจากทุกด้าน โดยเหลือเพียงทางเดินเดียว
ทางเดินที่นําไปสู่ คุโรโร่ ดังนั้น ทางออกเดียว คือ การใช้ความสามารถของประตูมิติ เพื่อเคลื่อนย้ายจากที่นั่นเร็วพอที่กระสุนจะไม่ตามเขาผ่านพวกมัน
คุโรโร่ หรี่ตาลงโดยมีเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ลึกอยู่ภายในตัวพวกมัน นี่คือการต่อสู้ที่เขาไม่ได้เตรียมไว้และเขาไม่สามารถยืมความสามารถจากสมาชิกแก๊งคนอื่น ๆ ได้ เนื่องจากเขาอยู่คนเดียว
เขาโชคดีที่เขาได้ใกล้กับกลุ่มของ โบโนเรนอฟ และ มาจิ ก็โทรหาเขาทันทีที่เธอมีลางสังหรณ์ ดังนั้น สิ่งที่เขาทําได้ คือ ปล่อยให้คู่ต่อสู้ประมาทเลินเล่อ หรือ “ฉันแค่ต้องการให้เขาเทเลพอร์ตออกไปไกล ๆ เพื่อให้แผนทํางานต่อไปได้
ดวงตาของ ยาซุโอะ ดูเหมือนจะมองไปที่อื่นโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขามากนัก
“ฉันแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าเขาจะเตรียมพร้อมก็ตาม ฉันก็เห็นหลายวิธีที่ฉันสามารถฆ่าเขาได้ และวิธีอื่น ๆ จะปรากฏขึ้น เมื่อการต่อสู้ดําเนินต่อไป เช่นเดียวกับที่ฉันเห็นในตอนนี้ ดังนั้น อาจจะลองกุหลาบม่วงได้อีกด้วย”
ขณะที่เขาคิดเรื่องนี้ เวลาก็เริ่มช้าลง ขณะที่มือเปื้อนเลือดของ คุโรโร่ อยู่ใกล้เขา เช่นเดียวกับกระสุนจํานวนมากที่อยู่รอบ ๆ
ซิลเวอร์ หลบหอกโดยไม่มีปัญหาอะไรมาก และเอนตัวไปด้านข้างทันทีด้วยมืออันแหลมคมของเขาที่เฉือน โบโนเรนอฟ ทิ้งบาดแผลลึกไว้ หนึ่งในหลาย ๆ บาดแผลของเขา ในขณะที่เลือดไหลออกจากปากของเขา
เขาแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย เนื่องจากการมองเห็นของเขาพร่ามัวจนแทบไม่รู้สึกถึงร่างกายของเขาอีกต่อไป
และ ซิลเวอร์ มองดูอย่างไร้อารมณ์ ในขณะที่เขาเริ่มโจมตีพร้อมที่จะส่งการโจมตีครั้งสุดท้าย ให้จิตวิญญาณอีกดวงหายตัวไปจากดินแดนแห่งชีวิต แต่กลับมีมือสีซีดปรากฏขึ้นจากประตูมิติจับมือของเขาไว้และหยุดการโจมตี