กู่ฉางเกอไม่ต้องการวิชาอะไรภายใต้ส่วนของวิชายุทธ์ในตอนนี้ ความสนใจของเขาจึงเบี่ยงไปยังพรสวรรค์
[เส้นชีพจรจะขอเปลี่ยนเป็นพรสวรรค์แทนในส่วนหน้าต่างระบบ ผู้แต่งขอเปลี่ยนเอง]
สิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์คือสิ่งที่ติดตัวคนมาแต่เกิด
บางคนเกิดมาพร้อมเส้นชีพจรที่แข็งแกร่งและสืบทอดพลังอันยิ่งใหญ่จากบรรพบุรุษ บ้างเกิดมาพร้อมร่างกายที่ทรงพลังจนไร้ผู้ต้านและอื่นๆ
กล่าวโดยย่อ เส้นชีพจรทุกชนิด พรสวรรค์กับกายาล้วนติดตัวมาเหมือนกัน และมันก็ยากที่จะระบุชื่อทั้งหมดลงในสารานุกรมเล่มเดียว
ความต่อเนื่องเดียวเกี่ยวกับพวกมันคือความจริงที่คนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ติดตัว ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร แต่ระบบกลับทำลายมันง่ายๆ โดยที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนพรสวรรค์ เส้นชีพจรหรือกายาได้ง่ายๆโดยการใช้ค่าโชคชะตาต่อให้จะไม่มีมันติดตัวมาแต่กำเนิด
กู่ฉางเกอตรวจสอบผ่านตัวเลือกที่มี
พรสวรรค์ปัจจุบันเขาน่ากลัวมาพอแล้ว ใจมารของเขาคือพรสวรรค์ติดตัวที่สามารถช่วยให้พรสวรรค์อื่นดำรงอยู่ในตัวเขาได้โดยไม่ขัดแย้งกัน ถ้าคนอื่นพยายามผสานพรสวรรค์อื่นกัน งั้นพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าจะกำจัดอันที่อ่อนแอกว่า หรืออาจมีความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้ถ้าพรสวรรค์ทั้งสองไม่สามารถรวมกันหรือกลืนกินกันได้
แต่ทว่า กู่ฉางเกอไม่ต้องกังวลถึงความเสี่ยงเช่นนั้น ไม่งั้นเขาจะได้รับกระดูกเต๋ามาได้ไง?
กระดูกเต๋าคือพรสวรรค์โดยกำเนิดแสนน่ากลัว กระดูกเต๋ามาพร้อมกับตอนคนเกิดและอักขระเต๋าธรรมชาติก็จะฝังบนกระดูกพวกเขา
ตราบเท่าที่ผู้ครอบครองกระดูกเต๋าไม่โดนฆ่าตายในเปล พวกเขาจะถูกลิขิตให้ไปถึงจุดสูงสุดและกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต เหนือสิ่งอื่นใด เต๋าอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และสวรรค์ก็คือผู้หนุนหลังมัน คุณเพียงแค่ต้องขี่เสื้อคลุมมันเพื่อไปสู่ความเป็นเทพ
กระนั้น ก็ยังไม่มีสิ่งใดในโลกตอบสนองต่อความโลภของมนุษย์ได้
กู่ฉางเกอมองผ่านร้านค้าระบบและพบพรสวรรค์ของเขาอยู่ที่นั่น
ไม่ช้า ดวงตาของเขาก็สว่างวาบ
[วิหารวิหารจิตเทพบรรพกาล]
กู่ฉางเกอค่อยๆออกเสียง
ชื่อนี้พอสำหรับเขาที่จะบอกว่าพรสวรรค์นี้เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะวิญญาณ รูปร่างกับขีดจำกัดของวิญญาณจะถูกกำหนดให้เป็นหินขณะเกิด และผู้ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์บางอย่างที่เกี่ยวกับวิญญาณจะน่ากลัวมากและครอบครองความสามารถสุดเหลือเชื่อ
ว่ากันว่าคนที่มีวิญญาณแกร่งกว่าจะเหนือกว่าคนอื่น และน้อยคนที่จะเทียบกับพวกเขาได้
กู่ฉางเกอไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ในอาณาจักรเบื้องบน
วิญญาณคือเรื่องลวงตาและไม่อาจหยั่งรู้
เคล็ดวิชาที่ใช้เพื่อเสริมดวงวิญญาณนั้นมีน้อยมาก และทั้งหมดก็ถูกซ่อนไว้อย่างแน่นหนาและได้รับการปกป้องโดยเหล่าจักรพรรดิเซียนแห่งอาณาจักรเบื้องบน
กู่ฉางเกอย่อมไม่มีพรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้
“[วิชาเซียนปีศาจกลืนกิน]สามารถกลืนกินต้นกำเนิดของเซียน และแม้กระทั่งวิญญาณของพวกเขา มันต้องเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ[วิหารจิตเทพบรรพกาล]และอาจเพิ่มพลังของมันไปอีกระดับ…”
“แต่มันค่อนข้างแพง อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถได้รับเคล็ดบ่มเพาะระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยราคานี้”
“แต้มโชคชะตาพันแต้ม!มันไม่ขาดทุน แต่ก็แพง!”
กู่ฉางเกอไม่หดหู่ใจกับราคาแสนแพงหลังคิดถึงศักยภาพที่จะได้รับกลับ โดยไม่ลังเล เขาแลกพันแต้มกับ[วิหารจิตเทพบรรพกาล]
กระแสอากาศบริสุทธิ์ไหลเข้าจิตวิญญาณของกู่ฉางเกอ
[ครื่น!]
กู่ฉางเกอได้ยินเสียงสั่นสะเทือนในส่วนลึกของทะเลจิตวิญญาณเขา แม้กระทั่งอากาศรอบตัวเขาก็ยังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดในตัวเขา
ภายในทะเลจิตวิญญาณ กู่ฉางเกอสามารถได้ยินเสียงสวดมนต์ต่างๆนาๆขณะที่ดอกบัวทองต่างๆบานสะพรั่ง รายล้อมไปด้วยโบราณสถานลี้ลับและปราณเซียนที่อธิบายไม่ได้ มันราวกับว่าโลกกำลังเปิดออกในทะเลจิตวิญญาณของเขา
ไม่ช้า โครงสร้างสีดำมืดยิ่งใหญ่ก็ผุดจากใต้ทะเลจิตวิญญาณเขา มันคือวิหารเย็นสีดำสนิทที่ตั้งตระหง่านไร้สิ่งใดสัมผัส ภายในวังหารมีเงาร่างคล้ายปีศาจโบราณกำลังนั่งอยู่ พลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวรอบๆมันสั่นสะเทือน มันมีพลังที่ดูเหมือนจะสะกดทุกอย่างใต้สวรรค์ไว้ได้
“งั้นนี่ก็คือวิหารจิตเทพบรรพกาล!พลังของวิญญาณของเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า”
กู่ฉางเกอหัวเราะคิกคักกับตัวเอง
การแข็งแกร่งขึ้นและมีทุกอย่างภายใต้การควบคุมช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษ ไม่น่าแปลกที่คนนับไม่ถ้วนจะไล่ตามพลัง
มันคือความรู้สึกที่สุดยอด
…
อีกสามวันผ่านไป
[ห่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไปหลายพันลี้]
[ฮึ่ม!]
แสงสายรุ้งปรากฏในท้องฟ้าขณะที่ร่างเกรียงไกรหลายร่างมาบรรจบกันจากทิศทางที่ต่างกัน
บ้างกำลังเดินทางด้วยเรือบิน บ้างกำลังขี่อสูรร้าย บ้างกำลังบินโดยไร้สิ่งใดหนุน…สิ่งเดียวที่เหมือนกันในหมู่พวกเขาคือ พวกเขาล้วนมีกลิ่นอายทรงพลังและรุนแรง
เหล่ายอดฝีมือจากทั่วทั้งแดนบูรพากำลังมุ่งหน้าไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วยความเร็วสูงสุด ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นที่มีมรดกตกทอดมานับพันปี ราชวงศ์บ่มเพาะ ตระกูลเก่าแก่ นิกาย และอื่นๆ ทั้งหมดล้วนปกครองผืนดินขนาดมหึมาในแดนบูรพา
“ข่าวถูกต้องแน่นะ?”
ชายชราที่กำลังพักอยู่บนยอดเขาถาม เขาสวมชุดคลุมสีขาวไร้ที่ติที่พลิ้วสะบัดตามสายลม ผิวแววววาวของเขาสะท้อนแสงแดด และเขาก็ดูเหมือนเซียนขณะจ้องมองไปทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
แดนไท่เสวียนแผ่ขยายไปทั่วขุนเขาทอดยาวไม่รู้จบ โดยมีเกาะศักดิ์สิทธิ์มากมายลอยในอากาศ มันสามารถเห็นหมอกที่ห่อหุ้มพื้นที่ของดินแดนไท่เสวียนไว้ มันทำให้เกิดนิมิตของสัตว์วิเศษต่างๆที่ทะยานขึ้นฟ้า ดำลงสู่พื้นดิน ทำให้เกิดความน่าเกรงขามในใจของผู้พบเห็น
เบื้องหลังนิมิตและม่านหมอกเป็นดินแดนแห่งความบริสุทธิ์
ดวงตาร้อนแรงของชายชราเต็มไปด้วยความโลภขณะจ้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเหมือนดวงตาของหมาป่าที่จ้องเหยื่อ
ถ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยางสวี่ของเขากลืนกินดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ งั้นพวกเขาก็จะเป็นใหญ่สุดในแดนบูรพา!
“เรียนท่านผู้อาวุโสสูงสุด!ข่าวนั้นเป็นจริง!”
“ตอนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจัดพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ หนึ่งในสายของเราลอบเข้าไปยังที่ที่ผู้อาวุโสสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนพำนัก และสายก็พบว่าลมหายใจของผู้อาวุโสสูงสุดไท่เสวียนหายไปจากที่นั้น”
“เราสงสัยว่าเขาคงตายไปนานแล้ว”
ผู้อาวุโสของดินแดนหยางสวี่ที่ยืนด้านหลังผู้อาวุโสสูงสุดชุดขาวรายงานอย่างเคารพ
“ดี ดี ดี!ข้าจะเรียกรวมสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหมดมา และเราจะได้ฉวยโอกาสนี้กำจัดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไป”
ชายชราชุดขาวลูบเคราด้วยรอยยิ้ม ความสุขนั้นเต็มหัวใจเขาขณะที่เขาวาดฝันถึงอนาคต
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่มีมรดกหยั่งรากลึกมาหลายพันปีถือเป็นเสี้ยนหนามในการเป็นใหญ่ของพวกเขา
“แต่ทว่า ผู้อาวุโสสูงสุด เราได้รับรายงานมาว่าปัจจุบันดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายน้อยลึกลับคนหนึ่ง นายน้อยลึกลับผู้นั้นดูเหมือนจะมีภูมิหลังน่ากลัวมากจากสิ่งที่ข้าได้ยินมา”
ครั้งนี้ ผู้อาวุโสอีกคนก้าวมาและรายงานผู้อาวุโสสูงสุดหยางสวี่
“ข้ารู้เรื่อองนั้นแล้ว..เขาก็แค่คนหนุ่ม เขาจะไปมีภูมิหลังยิ่งใหญ่แค่ไหน?ไม่ว่าภูมิหลังเขาจะใหญ่โตแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนผลลัพธ์วันนี้ได้ เจ้าก็รู้ว่าเราไม่ใช่พวกเดียวที่จับตาดูดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน”
“มีอะไรอีก?ข้าได้ยินว่าเด็กที่หลานสาวข้าหลงใหลมากโดนขังไว้ในคุกใต้ดินของพวกมัน..”
“พวกสารเลวไท่เสวียนเหล่านี้ตาบอดเสียจริงถึงไม่เห็นคนหนุ่มมีพรสวรรค์ใต้จมูกตัวเอง”
ชายชราชุดขาวยิ้ม