คุณชายกู่ปฏิบัติต่อนางต่างจากคนอื่น-หัวใจของหลินชิวหานเต้นกระหน่ำตอนนางนึกถึงสีหน้าอบอุ่นที่กู่ฉางเกอแสดงทุกครั้งที่คุยกับนาง
มันเป็นปกติที่นางจะมีความรุ้สึกและปฏิกิริยาเช่นนี้ พวกสาวๆด้านหน้านางล้วนเป็นเจ้าหญิงหรือท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครที่อ่อนด้อยไปกว่านางเลย
พวกนางยังมีคู่ครองนับไม่ถ้วนติดตามหลังเหมือนสุนัข แต่ทั้งหมดก็แสร้งทำเป็นห่างเหินและไม่มีใครแตะต้องได้ พวกนางมองข้ามทุกคน และได้รับชื่อเสียงในฐานะเทพธิดา
แต่ตอนนี้ พวกนางกำลังด่ากันและอวดกันต่อหน้าคุณชายกู่ ตอนนี้ พวกนางดูไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงที่ขายตัวในหอนางโลม
ฉากเช่นนี้จากต่างการกระทำปกติของพวกนาง ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจ
แต่มันก็ยังเป็นท่าทีที่พวกนางควรแสดงต่อหน้ากู่ฉางเกอ!
‘คุณชายกู่ใจดีกับข้ามาก…’
หลิวชิวหานนึกถึงเวลาที่นางใช้ร่วมกับกู่ฉางเกอ และเรื่องที่เขาคุยทั้งหมดกับนาง
ในทางกลับกัน ซูชิงเกอกลับชินกับฉากแบบนี้แล้ว ไม่ว่าใครจะมองเขา กู่ฉางเกอก็มีทุกสิ่งที่ผู้หญิงปรารถนาในตัวผู้ชาย สาวงามเหล่านี้จะปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับคนอื่นได้ไงหลังรู้ถึงอำนาจของเขา?
นางไม่สงสัยว่าพวกนางคงคิดว่า’ถ้านาง(ซูชิงเกอ)กับหลินชิวหานสามารถได้รับความโปรดปรานจากคุณชาย ทำไมพวกนางจะทำไม่ได้บ้าง?
เมื่อพวกนางมีความสัมพันธ์กับคุณชาย สถานะพวกนางจะสูงขึ้นพลิกฟ้าดิน ไม่มีอะไรที่พวกนางจะไม่ได้รับในตอนนั้น แล้วแบบนี้พวกนางจะอยู่เฉยได้ไง?
ซูชิงเกอมองผ่านความคิดพวกนางออกในแต่แรก
สีหน้าของนางสงบ และไม่มีความกังวลสักนิดในใจ ผู้หญิงเหล่านี้คิดจริงๆเหรอว่าเครื่องสำอางเล็กน้อยบนหน้าพวกนางจะช่วยพวกนางคว้าความสนใจจากคุณชายได้?ไม่มีใครที่จะอ่านความคิดเขาออกหรอก
ภายในใบหน้าอบอุ่นและใจดีที่เขาแสดงออกมานั้นไม่มีอะไรนอกจากการเสแสร้ง กู่ฉางเกอตัวจริงคือผู้ไม่แยแสต่อทุกสิ่งในโลก เขาคือชายที่จะก้มมองทุกอย่างจากเบื้องบน
มันต้องชื่นชมความคิดของซูชิงเกอ นางอยู่กับกู่ฉางเกอได้ไม่นาน แต่ก็พอเข้าใจนิสัยเขาแล้ว
[ติ้ง!ท่านพิชิตใจหลินชิวหานได้สำเร็จ และนี่ก็ได้กระตุ้นเหตุการณ์แห่งโชค!ท่านได้รับค่าโชคสองร้อย และค่าโชคชะตาหนึ่งพัน!]
การแจ้งเตือนระบบดังในหัวกู่ฉางเกอ ทำให้เขาอิ่มอกอิ่มใจ ค่าโชคชะตาพันแต้มที่เขาถวิลหามาตลอดได้อยู่ในกระเป๋าเขาแล้ว!
หลินชิวหานไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ตอนนี้ เขาไม่คิดฟัง หรือตอบสนองต่อพวกกลุ่ม’อัจฉริยะ’ด้านหน้าเขาที่พูดประจบกันไม่หยุดอีก
ใครบ้างที่อยากจะฟังพวกเด็กเหลือขอยื่นจมูกอวดเขาตัวเอง?
กู่ฉางเกอไม่สนใจพวกเขาอีกและจดจ่อกับระบบ ทันใดนั้น หน้าต่างสถานะของระบบก็ปรากฏในสายตาเขา
เจ้าของ : กู่ฉางเกอ
ตัวตน : ศิษย์แท้จริงของวังเต๋าอมตะสวรรค์(เปลี่ยนจากเซียน)
เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า
ฐานบ่มเพาะ : ราชาเซียน(ขั้นกลาง)
ความสามารถลึกลับ : เคล็ดเต๋าอมตะสวรรค์(ขั้นเจ็ด) วิหารจิตเทพบรรพกาล(พรสวรรค์) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) วิชาเซียนปีศาจกลืนกิน ..
ค่าโชคชะตา : 2600
ค่าโชคลาภ : 350(มืด)
ร้านค้าระบบ : เปิด
คลัง : เครื่องรางทำลายเขตแดนx1 หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx1
ค่าโชคของเขาพุ่งทะลุเกินสามร้อย มันไม่ใช่เพราะเขาปราบหลินชิวหานได้ แต่เพราะเขามีซูชิงเกอข้างกายด้วย ทั้งคู่ล้วนเสริมโชคให้เขา ค่าโชคของกู่ฉางเกอถึงเพิ่ม
เขากำจัดหลินเทียนได้โดยไม่ต้องเสียแรงอะไร และก็ยังได้รับค่าโชคชะตากว่าสองพัน
กู่ฉางเกอรู้สึกสบายใจมากหลังได้รับผลเก็บเกี่ยวในรอบนี้
กู่ฉางเกอครุ่นคิดสักพัก และตัดสินใจยังไม่เพิ่มพลัง เหนือสิ่งอื่นใด อาณาจักรปัจจุบันของเขาแข็งแกร่งมากแล้วในอาณาจักรเบื้องล่าง เขาตัดสินใจสงวนค่าโชคชะตาเหล่านี้ไว้ก่อน
หลังจากนั้น เขาก็ดูของในร้านค้าระบบ
สุดท้าย หลังดูสักพัก เขาก็พบเคล็ด[เต๋าเม็ดยา]ที่เหมาะสมซึ่งมีราคาแค่ร้อยค่าโชคชะตา
[แลกเปลี่ยน!]
หลังใช้ค่าโชคชะตาไปร้อยแต้ม กู่ฉางเกอก็ได้รับเคล็ด[เต๋าเม็ดยาระดับพื้นฐาน] เขาวางแผนหาโอกาสเหมาะสมเพื่อส่งมอบให้หลินชิวหาน เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเขาอยากฝึกนาง เขาต้องเริ่มตั้งแต่ต้น
นี่เป็นของดี เขาหวังว่านางจะไม่ทำให้มันเสียเปล่า
ทันทีที่จิตสำนึกของเขาออกจากระบบ การแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีก
[ติ้ง!ตรวจพบบางคนที่มีดวงชะตาเกี่ยวโยงกับบุตรฟ้าประทาน!โปรดปราบพี่น้องร่วมสาบานของบุตรฟ้าประทาน!ท่านจะได้รับค่าโชคชะตาห้าร้อยแต้มสำหรับการทำงานนี้ให้สำเร็จ!ไม่มีบทลงโทษสำหรับความล้มเหลว!]
กู่ฉางเกอผงะ และสีหน้าสนใจก็ปรากฏขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอภารกิจสุ่มแบบนี้ อะไรอีก?มีรางวัลด้วยถ้าทำสำเร็จ แถมยังไม่มีบทลงโทษ
มันดีต่อเขาไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่
ห้าร้อยโชคชะตา…มันเป็นรางวัลจำนวนมหาศาล!
มันก็แค่ไก่อ่อนที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับบุตรฟ้าประทาน แล้วบุตรฟ้าประทานคนไหนที่เขาเกี่ยวข้อง?เขาสรุปว่าคนคนนั้นต้องเป็นเย่เฉินแน่ เพราะหลินเทียนได้จากไปแล้ว
ระบบไม่ได้บอกตัวตนของเป้าหมาย แต่คนคนนั้นควรอยู่ในกลุ่มเด็กปัญญาอ่อนตรงหน้าเขา
มันไม่ควรเป็นคนจากแดนบูรพา เว้นแต่พวกเขาจะมีสมองไม่ปกติ และโง่พอจะหาเรื่องตาย ใครก็ตามในแดนบูรพาย่อมรู้ว่าเขามีปัญหากับเย่เฉิน คนที่นั่นต้องรีบตัดทุกความสัมพันธ์กับเย่เฉิน หรือแม้กระทั่งหลบซ่อนตัวไปแล้ว
เนื่องจากเย่เฉินหลบหนีมาแคว้นกลางจากแดนบูรพา เขาก็ต้องเจอกับอัจฉริยะหนึ่งหรือสองคนจากแคว้นกลางระหว่างทาง จากนั้นเขาก็กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานและเปิดเส้นทางตัวเองให้เข้าแผนที่ใหม่อย่างแคว้นกลาง
มันเป็นการเดินเรื่องปกติ
มันแค่ว่าเขาคงไม่คิดว่าเขาจะต้องมาจัดการกับ’พี่น้องร่วมสาบาน’คนนี้?
ยังไงซะ มันก็เป็นข้อเสนอที่ดี
กู่ฉางเกอจิบชา และความสุขก็ปรากฏบนหน้าเขาพอเขาพิจารณา เขารีบกวาดมองอัจฉริยะทั้งหมดรอบยตัวเขา เมินคนทั้งหมดจากแดนบูรพา และพวกสาวงามที่พยายามเสนอตัวให้เขา
เขารู้ว่าต้องมองหาใคร
“ฉู่เสวียน..”
กู่ฉางเกอพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการ
“คุณชาย ท่านมีบัญชาอะไร?”
ฉู่เสวียนรีบวิ่งมาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ตอบรับด้วยน้ำเสียงเคารพและใบหน้าประจบประแจง ฉากนี้ทำให้หลายคนอิจฉาเขา พวกเขาเองก็เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ แต่ฉู่เสวียนผู้นี้กลับได้รับคำชมจากคุณชายผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาประเมินว่าอีกไม่นานฉู่เสวียนคงได้ทะยานขึ้นสวรรค์ และทิ้งพวกเขาไม่ติดฝุ่น
“มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเย่เฉินในแคว้นกลางไหม?’
กู่ฉางเกอถามด้วยความเฉยเมย เขารู้คำตอบสำหรับคำถามเขาอยู่แล้ว เหนือสิ่งอื่นใด ตำแหน่งของเย่เฉินมักอยู่ในสายตาเขา มันแค่ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะบีบเค้น
เหตุผลเดียวที่เขาถามก็เพื่อดูปฏิกิริยาของฝูงชน
“เย่เฉิน?”
สีหน้าของฉู่เสวียนเปลี่ยนไป เขาลูบหลังหัวตัวเองและพูด”คุณชาย..นั่น..”
“เจ้าคงไม่ได้ลืมแกะรอยเขาใช่ไหม?”
กู่ฉางเกอจ้องมองเขาและทันทีทันใด ฉู่เสวียนก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ไหลลงหน้าผาก เขากลัวมากและได้แต่มองซูชิงเกอเป็นการขอความช่วยเหลือ
แม้มันจะนับเป็นเกียรติของเขาที่ได้เป็นสุนัขรับใช้ของคุณชาย แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันจากอีกฝ่ายได้
เย่เฉิน?!
ใคร?
สีหน้าของอัจฉริยะคนอื่นเปลี่ยนไป โชคดี กู่ฉางเกอไม่ได้ถามคำถามนี้กับพวกเขา ไม่งั้นพวกเขาคงลืมวิธียืน
พวกเขาเคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจถึงรายละเอียด
ครั้งนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เจียโหลว จินหยางกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แม้เขาจะเป็นคนตรงไปตรงมา และก็เป็นคนที่มากด้วยศักดิ์ศรี เขาถึงขั้นดูถูก’กลุ่มอัจฉริยะ’เย่อหยิ่งเหล่านี้ตอนมองดูพวกเขาเลียกู่ฉางเกอกันไม่หยุด
ในความคิดเขา น้องชายของเขาเย่เฉินเป็นคนที่สงบและมุ่งมั่นกว่าอัจฉริยะทั้งหมดนี้หลายเท่า
ตอนเขาได้ยินกู่ฉางเกอถามถึงที่อยู่ของเย่เฉิน เขาก็อดคร่ำครวญในใจไม่ได้ เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ โชคดี เขาพยายามยับยั้งตัวเองไว้เต็มที่และไม่แสดงความผิดปกติใดๆ