“ลูกพี่ลูกน้องท่านน่าทึ่งมาก! ท่านได้ฝึกวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตมาจนถึงระดับนี้แล้ว แต่ทำไมท่านถึงไม่บอกเรา?”
“ถ้าท่านบอกตั้งแต่แรกท่านลุงคงจะไม่โกรธท่านขนาดนี้หรอก”
โจว เชียงเหมาชื่นชมเขา
เขารู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาสุดยอดมาก
หลิน ฟานนอนลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็โยนดาบไปด้านข้าง เขาพูดโดยไม่ได้มองกลับไป “โกวชิเอาผลไม้มาให้ข้า เฮ้อ การออกกำลังในช่วงที่อากาศร้อนจัดช่างเป็นความคิดที่โง่เง่าอะไรเช่นนี้”
เขามองไปที่โจว เชียงเหมา
“ลูกพี่ลูกน้อง ที่เจ้าพูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง? การฝึกฝนมันทำให้ข้าเหนื่อย และมันก็ค่อนข้างน่าเบื่อด้วย” ตอนนี้หลิน ฟานไม่มีแรงเหลือยู่เลย ส่วนแขนของเขาก็เจ็บ
ความจริงแล้งเขารู้สึกดี
แต่ในฐานะนายน้อยของตระกูลที่ร่ำรวย เขาต้องเป็นคนที่มีวัฒนธรรม มันคงจะไม่ดีนักถ้าเขาออกไปต่อสู้และฆ่าคน
โจว เชียงเหมาเกาหัว “ลูกพี่ลูกน้อง มันจะไปน่าเบื่อได้ยังไง? ข้าคิดว่าการเพาะปลูกมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด”
เมื่อหลิน ฟานเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นพวกคลั่งไคล้การฝึกฝน เขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างกายของลูกพี่ลูกน้องถึงได้น่ากลัวแบบนี้
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าบอกข้าได้รึไม่ว่าพ่อของข้าแข็งแกร่งขนาดไหน? และการเพาะปลูกของเขามันไปถึงระดับไหนแล้ว?” หลิน ฟานถาม
โจว เชียงเหมาหยุดคิดครู่หนึ่ง “ข้าก็ไม่แน่ใจ ท่านลุงไม่เคยพูดเลยว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เท่าที่ข้ารู้เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ”
“แม้ว่าตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ถ้าท่านลุงใช้พลังทั้งหมดของเขาจริงๆ เขาจะสามารถเอาชนะท่านได้ด้วยการใช้เพียงนิ้วเดียว”
มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยถามลุงของเขาว่าเขาอยู่ที่ระดับใดในเส้นทางทั้งสิบสอง
แต่ลุงของเขาก็ไม่ได้ตอบ
ท่านเพียงแค่เหยียดนิ้วออกมาและกดลงบนไหล่ของเขา จากนั้นก็บอกให้เขาสู้กลับ
เขาใช้แรงทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็พบว่าลุงของเขาทำมันได้แบบสบายๆ
หลังจากที่ท่านเอามือออก ท่านก็พูดกับเขาว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เขาต้องค่อยเป็นค่อยไปและไม่ต้องกังวล
“เขามีฝีมือจริงๆ?” หลิน ฟานตกตะลึง
ตอนนั้นพ่อของเขาออมมือให้เขางั้นเหรอ?
“ใช่ เขามีฝีมือมากจริงๆ” โจว เชียงเหมาพยักหน้า เขาชื่นชมลุงของเขา ดวงตาของเขาเปล่งประกายเมื่อพูดถึงท่าน
เขากำลังคิดถึงวันที่เขาจะแข็งแกร่งพอๆกับท่าน
เมื่อเขาได้ยินลูกพี่ลูกน้องพูดแบบนั้น
เขาเคยรู้สึกกดดันเล็กน้อย แต่ตอนนี้ความกดดันทั้งหมดมันได้จางหายไปหมดแล้ว
มีตระกูลขุนนางหลายตระกูลที่อิจฉาพวกเขาอยู่ และหากว่าวันหนึ่งพวกนั้นรวมหัวกันเพื่อมาปล้นความมั่งคั่งของเขา จากนั้นก็เตะเขาออกจากตำแหน่งนายน้อยที่ร่ำรวย ถ้าเขาเจอแบบนั้นเข้าจริงๆ เขาคงจะร้องไห้จนกว่าน้ำตาจะหมดแน่ๆ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันโอเค
เพราะตั้งแต่ที่ลูกพี่ลูกน้องบอกกับเขาว่าพ่อราคาถูกของเขาแข็งแกร่ง เมื่อเขารู้แบบนั้นแล้ว เขาจะต้องกังวลอะไรอีก?
และถ้าหากว่าเขาไม่สนุกกับชีวิตและใช้เวลาของเขาดั่งนายน้อยผู้น่ารังเกียจ มันคงจะเป็นการดูถูกพลังพ่อของเขาแล้วกระมั๊ง
โกวชิเดินกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับผลไม้เย็นๆ
มีเพียงนายน้อยที่ร่ำรวยเท่านั้นถึงจะสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ได้
ในถาดใส่ผลไม้มีก้อนน้ำแข็งอยู่ ส่วนผลไม้ก็ถูกตรียมเอาไว้อย่างหรูหรา องุ่นที่ไม่มีผิว แอปเปิลที่แกะสลักคำว่า ‘รวย’ เอาไว้บนเปลือก ซึ่งแสดงถึงฐานะของเขา และอื่นๆอีกมากมาย
ไม่ว่าจะมองจากทางไหน ทุกคนก็สามารถเห็นถึงความมั่งคั่งของเขาได้
“มานวดให้ข้าด้วย โดยเฉพาะตรงขาของข้า เพราะมันยังสั่นอยู่เลย” หลิน ฟานพูด
“ขอรับนายน้อย” โกวชิคุกเข่าลงด้านข้างจากนั้นก็นวดด้วยมือทั้งสองข้าง มันดูมีความชำนาญเล็กน้อย
ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลาย
อารมณ์ของโจว เชียงเหมากำลังปั่นป่วน เขายังไม่สามารถฟื้นตัวจากฉากก่อนหน้านี้ได้
“ลูกพี่ลูกน้อง หลังจากนี้เราไปฝึกกันเถอะ”
หลิน ฟานมองไปที่เขาจากนั้นก็โบกมือ “ข้าไม่สนใจ เจ้าคงต้องไปทำคนเดียว”
อากาศมันร้อนมาก
ฝึกฝน?
เหงื่อมันจะออกมามาก และเขาคงจะรู้สึกแย่แน่ๆ
ไม่มีใครออกไปทำอะไรแบบนั้นในวันที่อากาศร้อนแบบนี้หรอก เว้นแต่ว่าพวกเขาจะไม่มีสมอง
“โกวชิ เรายังมีที่ดินสำหรับทำการเกษตรเหลือรึไม่?” หลิน ฟานถามด้วยความสนใจ
เขาสามารถรอดพ้นจากหายนะในวันนี้มาได้
แต่อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบ
พ่อของเขาเป็นผู้สนับสนุนความโกรธในระยะยาว และเขาก็ไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้
เขากำลังคิดถึงเรื่องหนึ่ง
บนโลกนี้มีคนหนุ่มสาวมากมายที่รู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ และไม่สามารถช่วยเหลือผู้ปกครองได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกเศร้า
ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา เขาต้องการให้พ่อของเขารู้ว่าเขามีประโยชน์ และไม่ต้องกังวลอีกเลยตลอกชีวิตของท่าน
“มีค่อนข้างมาก ขอรับ” โกวชิพูด
ตระกูลหลินมีดินแดนที่อุดมสมบูรณ์มากมาย แต่พวกเขากลับไม่ได้ปล่อยมันออกไป เหตุผลมันเพียงเพราะพวกเขาคิดว่าที่ดินเหล่านี้มันไม่เหมาะสมกับผู้ลี้ภัย
“ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ต่อไปมันจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย พื้นที่พวกนี้มันน่าจะใช้ทำการเกษตรได้ดีใช่ไหมนะ?” เขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง
เขาคิดเกี่ยวกับมัน
มันน่าจะต้องมีสักทาง
และจะไม่มีใครสามารถมาหยุดเขาได้ด้วย
โกวชิรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติและตื่นตระหนก “นายน้อย ท่านไม่ควรทำให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก เพราะหัวหน้าตระกูลเพิ่งจะสงบลง และถ้าท่านทำให้หัวหน้าตระกูลโกรธอีกครั้ง ผลที่ตามมามันจะ….”
เขาคิดกับตัวเอง
นายน้อยดูเหมือนว่าจะไม่พอใจหัวหน้าตระกูลและต้องการจะต่อต้านเขาทุกอย่าง
หลิน ฟานไม่เห็นด้วยและพูดว่า “เขาโกรธแล้วมันจะทำไม? ความโกรธของเขามันจะช่วยคลายกระดูกและทำให้เขาสุขภาพดีขึ้น อีกอย่างหนึ่งเจ้าหยุดพูดและนวดต่อไปได้แล้ว ข้าต้องการพักสักครู่หนึ่ง”
ตอนนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ
หลังจากการต่อสู้เมื่อสักครู่เขาก็รู้ตัวแล้วว่าการต่อสู้มันไม่เหมาะกับเขา สำหรับเขาสิ่งที่ดีที่สุดคือการได้เพลิดเพลินไปกับชีวิต
แต่การเห็นสถานะเพิ่มขึ้นมันก็ทำให้เขารู้สึกดี
ตัวอย่างก็เช่นร่างกายของเขา
หลังจากที่ร่างกายเพิ่มมาถึง24จุด เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน และรู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลา
นอกเมืองหยูฉาง
หมูบ้านตระกูลหวัง
มันเป็นหมู่บ้านที่ทำฟาร์มเพื่อตระกูลหลิน พวกเขาคิดว่าจะได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายเพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายภาษีของปีนี้ได้
แต่ใครจะไปรู้ว่านายน้อยของตระกูลหลินจะเป็นคนดีมาก ท่านไม่ได้ลดแค่ภาษีอย่างเดียว แต่ยังไม่เก็บของปีนี้ด้วย
แม้ว่าตอนนี้ทั้งหมู่บ้านจะยังอดอยากอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่มีแรงกดดันในปีนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ทางเข้า ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย
เขามองไกลออกไป
และคิดว่าสวรรค์ไม่เคยเมตตาพวกเขา
พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาสามารถผ่านปีนี้ไปได้ มันจะมีปีหน้าที่ดีกว่ารอพวกเขาอยู่
พวกเขาต้องทำสิ่งที่สัญญาเอาไว้กับนายน้อยหลิน และแม้ว่าปีหน้ามันจะแล้งอีก พวกเขาก็จะหาทางส่งภาษีกลับไปให้ได้
“เฒ่าหวัง”
มีชายชราคนหนึ่งเดินมาจากระยะไกล
แม้ว่าเขาจะยังเดินมาไม่ถึง แต่ความโศกเศร้าบนใบหน้าของเขาก็สามารถเห็นได้แต่ไกล
เฒ่าหวังมองออกไปและพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
พวกเขาเป็นคนจากหมู่บ้านถัดไป
ชายชราตรงหน้ามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านและยังเป็นลูกชายของเขาอีกด้วย
“เฒ่าหวังเราควรทำยังไงกับภาษีดี? อา เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอากาศมันจะดีขึ้นเมื่อไหร่” ชายชราถอนหายใจด้วยความกังวล เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้เขาควรทำยังไงต่อไปดี
หลังจากนั้นเขาก็ถามออกมา
“ปีนี้พวกเจ้ามีภาษีพอที่จะส่งมอบหรือไม่?”
ชายชรามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
หมู่บ้านตระกูลหวังของเขามีชาวบ้านมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือ หากพวกเขาไม่สามารถส่งภาษีให้ตระกูลเหลียงได้ล่ะก็ ผลลัทธ์ที่รอพวกเขาอยู่มีแต่หายนะเท่านั้น
“ภาษี?” เฒ่าหวังส่ายหัวจากนั้นก็ยิ้ม “เราจะไม่จ่ายภาษีปีนี้”
ชายชราตกใจ “เจ้าบ้าไป เจ้าไม่กลัวครอบครัวหลินลงโทษเจ้ารึไง?”
สำหรับเขาเฒ่าหวังบ้าไปแล้ว
มันจะต้องเป็นหายนะแน่ถ้าเขาไม่จ่ายภาษี
แม้ว่าอากาศจะไม่ดี แต่พวกเขาก็ต้องจ่าย
“ลุงหวัง ตระกูลหลินนั้นเป็นพวกโหดร้าย ท่านไม่สามารถสร้างปัญหาให้ตัวเองได้” ชายอีกคนพูด
เฒ่าหวังยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้ เมื่อเช้าผู้จัดการเฉินจะมาเก็บภาษีแต่นายน้อยหลินตามเขามาด้วย นายน้อยเห็นสถานการณ์และรู้สึกสงสารพวกเรา เขาบอกเราว่าปีนี้เราไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีและยังลดภาษีของปีหน้าให้อีกด้วย และไม่ว่าเราจะเก็บเกี่ยวได้มากแค่ไหนเขาจะเก็บจากเราแค่10%เท่านั้น”
ชายชราและชายคนนั้นต้องการเกลี้ยกล่อมเฒ่าหวังไม่ให้ไปต่อต้านตระกูลขุนนาง
แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองก็ต้องตกตะลึง
พวกเขามองไปที่เฒ่าหวังด้วยความไม่เชื่อเหมือนพวกเขาฟังผิด
ปีนี้ไม่ต้องจ่าย?
ในอนาคตพวกเขาจะเก็บแค่10%?
มันเป็นแค่เรื่องโกหกใช่ไหม?
นี่มันเรื่องตลกชัดๆ!