เมื่อโกวชิเห็นว่านายน้อยของเขานั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร
เขาจึงคิดว่านายน้อยกำลังกังวลเรื่องตาขวามันจะไปส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขา
“นายน้อยแทนที่ท่านจะออกไปข้างนอก ทำไมวันนี้ท่านไม่พักอยู่ในคฤหาสน์ก่อนละ” โกวชิแนะนำ
“พักงั้นหรอ? เพื่ออะไรล่ะ? ตาขวาของข้าแค่บวมและคล้ำเท่านั้น มันจะมีผลกับข้ายังไง? และอีกอย่างหนึ่งมันคงจะรู้สึกไม่ดีถ้าข้าไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอกสักวัน เอาล่ะไปเก็บของได้แล้ว เราจะได้ออกไปกันสักที”
“แล้วก็ไปเรียกผู้จัดการเฉินมาให้ข้าด้วย”
หลิน ฟานไม่ต้องการอยู่แต่ในคฤหาสน์ และสำหรับตาขวาที่บวมมันหยุดเขาจากการไปข้างนอกไม่ได้หรอก
แม้ว่าเขาจะตาบอดหรือพิการ มันก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
หลังจากที่หลิน ฟานรออยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ไม่นาน
ผู้จัดการเฉินก็ได้รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับเช็ดเหงื่อออกจากหน้าของเขา “นายน้อยท่านกำลังจะไปไหน?”
เขาค่อนข้างสับสน
นายน้อยต้องการออกไปอีกครั้ง
แม้แต่อาการบาดเจ็บก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ และถ้าหากว่าหัวหน้าตระกูลทราบเรื่องนี้ ท่านอาจจะล้มลงด้วยความโกรธ
“ผู้จัดการเฉิน ท่านพ่อทราบเรื่องที่ข้าถูกลอบสังหารเมื่อคืนหรือไม่?” หลิน ฟานถาม
“ท่านรู้” ผู้จัดการเฉินตอบ
หลิน ฟานรู้สึกเศร้าเล็กน้อย พ่อของเขาต้องใจร้ายขนาดไหนกัน ในเมื่อเขารู้เรื่องที่ลูกชายของเขาถูกโจมตี แต่ทำไมเขาถึงไม่คิดที่จะมาตรวจสอบดูหน่อยเลยละว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขาสบายดีไหม?
เฮ้อ
ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า
ช่างเถอะ
ข้าจะออกไปข้างนอกและทิ้งหัวใจที่โศกเศร้าเอาไว้ที่นี่
“ลูกพี่ลูกน้องท่านกำลังจะไปไหน? ข้าได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วและวันนี้ข้าก็จะตามท่านไปด้วยเพื่อไม่ให้นักฆ่ามาทำร้ายท่านได้อีก” โจว เชียงเหมาเดินเข้ามาพร้อมกับพูด
เขายังคงเป็นห่วงลูกพี่ลูกน้องของเขาอยู่
หากว่ามีครั้งแรกมันก็จะต้องมีครั้งที่สอง และก่อนที่นักฆ่าคนนั้นจะถูกจับได้เขาจะต้องตามปกป้องลูกพี่ลูกน้องของเขา
“ลูกพี่ลูกน้อง เมื่อคืนเจ้าก็ไม่ได้นอน วันนี้เจ้าไปพักก่อนเถอะ” ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เป็นคนดีมากเพราะเขาเป็นห่วงข้าตลอดเวลา ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นแน่นแฟ้นมาก
โจว เชียงเหมาโบกมือของเขา “ลูกพี่ลูกน้อง ไม่ต้องห่วง ด้วยความสามารถปัจจุบันของข้า ข้าจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้ว่าจะไม่ได้นอนมาห้าวันก็ตาม”
นี่คือประโยชน์ของการมีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง
คนปกติจะรู้สึกเหนื่อยและอยากตายเมื่อไม่ได้นอนมาทั้งคืน
แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา
“ลูกพี่ลูกน้องไม่ต้องพูดแล้ว เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี” หลิน ฟานตบไหล่เขาจากนั้นก็ถอนหายใจ เมื่อเห็นแบบนี้แล้วข้าจะพูดอะไรได้อีก?
มีลูกพี่ลูกน้องแบบนี้มันทำให้เขาสบายใจ
“ลูกพี่ลูกน้อง” ใจของโจว เชียงเหมาเต้นแรง เขารู้สึกได้ถึงความรักจากลูกพี่ลูกน้องของเขา
“ลูกพี่ลูกน้อง” หลิน ฟานพยักหน้าแล้วหันหลังกลับ “ไปกันเถอะ”
ภายในคฤหาสน์
“เจ้าเด็กนั่นยังอยู่ในลานหลังบ้านรึไม่?” หลิน วานยี่ถาม
เขานั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกำลังจิบชา
วันนี้มันก็เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองหยูฉาง
อาวุโสวูพูด “นายน้อยเพิ่งออกไปขอรับ”
แครก!
เมื่อหลิน วานยี่ได้ยินเรื่องนี้ความโกรธของเขามันก็ปะทุอีกครั้ง จนเขาเผลอบีบถ้อยชาในมือที่กำลังจิบอยู่แตก เขากัดฟันและพูดออกมาว่า “ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงไม่ทำตัวดีขึ้นสักที? เขาต้องการให้ข้าตายด้วยความโกรธจริงๆใช่ไหม?”
อาวุโสวูส่ายหัวของเขา ในช่วงหลังความโกรธของหัวหน้าตระกูลเพิ่มมากขึ้น
“ความโกรธ +50”
หลิน ฟานที่กำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองเมื่อเห็นความโกรธที่เพิ่มขึ้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
มันมาจากไหน?
แต่ก็ช่างมันเถอะ
แม้ว่ามันจะเป็นความโกรธเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
เขาฝึกวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตเพียงสองสามครั้งจากนั้นก็เพิ่มคะแนนลงไปเล็กน้อย เพียงแค่เขาทำแบบนั้นสายตาของพ่อที่มองเขามันก็เปลี่ยนไป
ส่วนร่างกายของเขามันยังอ่อนแออยู่
ถ้าเกิดว่าเขายกระดับมันเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย ต่อให้มีคนมาต่อยตาเขาอีกครั้งมันก็อาจจะไม่เปลี่ยนเป็นสีดำอีกต่อไป
“ผู้จัดการเฉิน ทำไมคนทำทางเดินถึงไม่ปูมันด้วยอิฐเขียวละ? เพราะข้ารู้สึกว่าเวลาเหยียบมันลงไปมันให้ความรู้สึกไม่ค่อยจะสบายสักเท่าไหร่” หลิน ฟานพูด
ผู้จัดการเฉินตื่นตระหนก
ทำไมนายน้อยถึงพูดเกี่ยวกับถนน?
เพราะว่ามันทำให้เขารู้สึกไม่ดี?
“นายน้อยไม่ว่าใครจะเป็นคนทำถนนสายนี้อิฐเขียวมันก็มีราคาแพงเกินไป” ผู้จัดการเฉินพูด
หลิน ฟานส่ายหัวด้วยความเสียใจ
“เอาล่ะข้าจะไม่พูดถึงมัน ตอนนี้พาข้าไปดูที่ดินที่ว่างอยู่ได้แล้ว” หลิน ฟานคิดว่าตอนนี้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
นายน้อยที่ร่ำรวยต้องทำสิ่งที่น่าตกใจเพื่อให้เป็นที่น่าจับตามอง
แม้ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ
แต่ผู้อื่นอาจจะไม่
ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์ของเขาเพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อย
พ่อราคาถูกของเขาควรจะเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งชั้นแนวหน้า
ตราบใดที่เขาไม่ได้ออกจากเมืองหยูฉาง เขาก็จะไม่ตายแม้ว่าเขาจะก่อปัญหาที่ใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม
แต่ถ้าหากว่ามันมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆพ่อของเขาก็จะเป็นคนรับทุกอย่างเอาไว้เอง
“ขอรับนายน้อย” ผู้จัดการเฉินทำอะไรไม่ถูก เพราะถ้าหากนายน้อยต้องการจะไปเขาก็ไม่สามารถไปหยุดท่านได้ ลืมมันไปเถอะ ยังไงข้าก็ต้องออกไปเล่นกับนายน้อยอยู่ดี
เพราะสุดท้ายแล้วตระกูลหลินก็ต้องตกอยู่ในมือของนายน้อย
เมื่อกลุ่มของพวกเขาเดินผ่านศาลาเสาวธารเมามาย
เขาก็พบเข้ากับคนที่คุ้นเคย
“อ้าว นี่มันนายน้อยหลินไม่ใช่รึไง?”
“หืม แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของเจ้ากันละ? ใครทำร้ายเจ้ากัน อา สวรรค์ช่างมีตาจริงๆ” วันนี้เหลียง หยงฉีพาคนรับใช้ของเขามาซื้อของภายในเมือง คนรับใช้ที่ถือกระเป๋าทั้งใหญ่และเล็กกำลังยืนอยู่ด้านหลังด้วยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังกลัวนายน้อยสามของตระกูลหลิน
หลิน ฟานหยุดและมองเหลียง หยงฉีที่กำลังทำท่าทางหยิ่งยโส เขารู้สึกรำคาญและตอบกลับไปว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
เหลียง หยงฉีโกรธมากเมื่อได้ยินการตอบกลับแบบนั้น “สกุลหลิน ข้าพูดกับเจ้าดีๆ ดังนั้นอย่าหยิ่งให้มากนัก”
“ความโกรธ +66”
“ข้าเนี่ยนะหยิ่ง? หรือมันจะเป็นเพราะลูกชายคนที่สามของตระกูลเหลียงต้องการให้ข้าพูดดีๆด้วย? เฮอะ ข้าจะทำแบบนั้นก็ต่อเมื่อพี่ชายของเจ้ามาคุยกับข้าเท่านั้น” หลิน ฟานพูด
“เจ้า…” เหลียง หยงฉีโกรธและหายใจเข้าลึกๆ เพียงแค่สองประโยคจากหลิน ฟานมันก็ทำให้เขาโกรธได้มากขนาดนี้
“ความโกรธ +88”
หลิน ฟานไม่ต้องที่จะคุยกับคนที่ต่ำกว่า แต่อย่างไรก็ตามเขาสังเกตเห็นว่ามันง่ายที่จะได้รับความโกรธจากชายตรงหน้า
ดังนั้นมันจึงเป็นสาเหตุให้เขาพูดไปสองประโยค
“หลิน ฟานเจ้าเป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น! เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาพูดแบบนั้นกับข้า!” เหลียง หยงฉีตะโกนด้วยความโกรธ ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังมีความสุขเพราะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า
ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบรีบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
คนธรรมดาอย่างพวกเขาไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมระหว่างความขัดแย้งของนายน้อยทั้งสองได้
พวกเขาทำได้แค่หลีกเลี่ยงเท่านั้น
“ข้าจะพูดอีกครั้งเจ้าน่ะมันโคตรโง่เลย” หลิน ฟานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ความโกรธ +100”
ในฐานะนายน้อยคนที่สามของตระกูลที่ร่ำรวย ใครก็ตามที่พบเขาต่างก็ต้องหวาดกลัว แต่เมื่อเขาต้องมาเจอกับหลิน ฟานผู้ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในยุคอินเตอร์เน็ตมาก่อน มันจึงทำให้เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เหลียง หยงฉีหยุดชะงัก ตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง หากการบ่มเพาะของเขาสูงกว่านี้ ‘หมอก’สีขาวมันคงจะลอยอยู่เหนือหัวของเขา
หลิน ฟานไม่สนใจและตอบกลับไปว่า “เจ้ามันเป็นแค่ไอโง่”
“ไอโง่!”
“ไอโง่!”
“ไอโง่!”
“ไอโง่!”
“ความโกรธ +223”
เหลียง หยงฉีโดนดูถูกมากจนเขาไม่สามารถตอบโต้ได้ หน้าอกของเขาขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยพลังทั้งหมดของเขา “พวกเจ้าสอนไปบทเรียนให้ไอขยะนี่ซะ!”
ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างหลังมองหน้ากัน
นายน้อยสาม ท่านจริงจังไหม?
พวกข้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ที่ไม่มีการเพาะปลูก
ถ้าท่านอยากให้พวกข้าทำแบบนั้น อย่างน้อยพวกข้าก็ต้องมีการเพาะปลูกเล็กน้อย
หลิน ฟานส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย
นายน้อยสามของตระกูลเหลียงเป็นบ้าไปแล้ว
แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียเวลาเปล่า
เพราะนายน้อยคนนี้ได้ให้คะแนนความโกรธกับเขามามากมาย
“ลูกพี่ลูกน้อยเอาชนะเขา” หลิน ฟานพูดออกมาอย่างสบายๆ
เมื่อเขาออกไปข้างนอกมันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้
อย่างไรก็ตามด้วยการที่มีลูกพี่ลูกน้องมาด้วยปัญหามันจึงหมดไป เมื่อมันเป็นแบบนั้นเขาจะต้องกังวลอะไรอีก?
“ได้เลยลูกพี่ลูกน้อง” โจว เชียงเหมาเชื่อฟังเขามาก และเขาก็ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เพราะเขาคิดเพียงแค่ว่าพุ่งออกไปและทำทุกอย่างที่สั่งให้เสร็จ
ปัง! แครก!
หลิน ฟานไม่ได้มองเพราะมันน่าเบื่อ
อ๊ากก
เสียงกรีดร้องดังจากสูงไปต่ำ
หากว่ามีนักดนตรีอยู่แถวนี้พวกเขาอาจจะได้รับแรงบัลดาลใจในการสร้างผลงานชิ้นใหม่