ณ ประตูเมืองหยูฉาง
มียามพร้อมกับดาบกำลังยืนปกป้องประตูอยู่ด้านข้าง
เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มผู้ลี้ภัยเดินเข้ามา การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
พวกมันต้องการทำจะอะไร?
หรือว่าพวกมันต้องการจะบุกเข้าไปปล้นตระกูลขุนนางที่อยู่ด้านใน?
สัญญาณเรียกระดมพลดังขึ้น
มีการโจมตี
ผู้ลี้ภัยเปิดเผยเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันแล้วและต้องการที่จะเข้าไปในเมืองหยูฉาง
ทหารยามตั้งแนวป้องกัน พวกเขาถืออาวุธเย็นในมือพร้อมกับมองไปข้างหน้าอย่างเคร่งขรึม ตราบใดที่สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงพวกเขาจะพุ่งเข้าไปฆ่ากลุ่มผู้ลี้ภัยตรงหน้าทันที
“โกวชิ มองไปที่ทหารยามพวกนั้นสิ พวกเขาออกมาต้อนรับเราด้วย”
หลิน ฟานมองไกลออกไปและหัวเราะ
เพราะสำหรับเขาแล้วทหารยามที่ประตูเมืองเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ของตกแต่งเท่านั้น ที่พวกเขาออกมารวมตัวกันแบบนี้เพราะรู้ว่าเขาเพิ่งทำความดีและอยากจะออกมาต้อนรับเขาใช่ไหม?
“นายน้อยทหารยามอาจจะเห็นผู้ลี้ภัยมารวมตัวกันและคิดว่าพวกเขากำลังจะก่อจลาจล ข้าจะไปทำให้เรื่องมันชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย่งที่ไม่จำเป็น” ผู้จัดการเฉินราดน้ำเย็นลงบนความมั่นใจของหลิน ฟาน
นายน้อยชอบฝันกลางวันจริงๆ
หลิน ฟานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะมันไม่ใช่แบบที่เขาคิด ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ผู้จัดการเฉินทำสิ่งที่เขาต้องทำ
ผู้จัดการเฉินที่หมดสติและมีฟองสีขาวออกมาก่อนหน้านี้ ยินดีรับหน้าที่ไปเจรจาแทน
มีความกดดันทางจิตใจที่ยิ่งใหญ่เวลาสนทนากับบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จัก
มันเป็นเรื่องยากสำหรับหลิน ฟานที่จะจิตนาการว่ามันหนักหนาแค่ไหน
ผู้จัดการเฉินเดินไปอธิบายสถานการณ์ต่อทหารยามของเมือง
เมื่อหลิน ฟานพาผู้ลี้ภัยเดินผ่านไป พวกทหารยามก็มองไปที่นายน้อยของตระกูลหลินด้วยสีหน้าซับซ้อน
พวกเขารู้สึกว่าสมองของนายน้อยตระกูลหลินคนนี้มีปัญหา
พวกเขาคิดว่าด้วยตัวตนและสถานะของเขา เขาควรที่จะไปเล่นกับคนรวยด้วยกัน มันจะมีขุนนางคนไหนที่บ้าพอจะมาอยู่กับผู้ลี้ภัยแบบนี้?
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาเห็นในวันนี้มันแตกต่างจากที่คิดเอาไว้
เพราะนายน้อยตระกูลหลินคนนี้ออกไปเที่ยวเล่นกับผู้ลี้ภัยเหล่านี้จริงๆ
โกวชิมองไปที่ทหารยามและพูดเบาๆ “นายน้อย ข้ารู้สึกว่าการจ้องมองจากทหารยามเหล่านี้ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน พวกเขาจะไปรู้ความตั้งใจของนายน้อยได้อย่างไร?”
“มันไม่เป็นไร เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความชอบธรรม และการเป็นนายน้อยอย่างข้ามันไม่ใช่แค่เรื่องต้นกำเนิดเท่านั้น”
“แต่ส่วนใหญ่มันจะขึ้นอยู่กับความเอื้อเฟื้อว่าของใครมีมากกว่าเมื่อเทียบกับพี่น้องคนอื่น นี่ต่างหากล่ะที่เป็นความจริง” หลิน ฟานพูด
โกวชิสับสนและไม่เข้าใจ ใครคือพี่น้องที่นายน้อยกล่าวถึง?
เพราะตระกูลหลินมีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น
ณ ศาลาเสาวธารเมามาย
ชาวบ้านรอบๆมองไปที่ผู้ลี้ภัยกลุ่มใหญ่ที่เดินเข้าไปในร้าน
คนพวกนี้เข้ามาในเมืองได้ยังไง?
มันเป็นไปไม่ได้ที่ทหารยามจะปล่อยคนกลุ่มนี้เข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังตรงเข้าไปในศาลาเสาวธารเมามายอีก
สำหรับผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองพวกเขาเป็นผู้ที่ลักลอบเข้ามา โดยที่ทหารยามไม่ทันสังเกต
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่นำคนพวกนี้เข้ามาคือนายน้อยตระกูลหลิน
จากข่าวลือล่าสุด
นายน้อยตระกูลหลินได้ชวนผู้ลี้ภัยในเมืองมารับประทานอาหาร และตอนนี้เขากำลังจะทำแบบนั้นอีกครั้งใช่หรือไม่?
“นายน้อยหลิน” ผู้จัดการของศาลาเสาวธารเมามายรีบวิ่งเข้ามาเมื่อเห็นหลิน ฟาน เขาก้มตัวต่ำและพยายามเอาใจหลิน ฟาน
“ไปเตรียมโต๊ะให้ข้า” หลิน ฟานพูดอย่างเป็นกันเอง มันเป็นเพียงแค่การรับประทานอาหารเท่านั้นไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยาก
ผู้จัดการมองไปยังผู้ลี้ภัยกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังนายน้อยหลินหัวใจของเขารัว แต่การแสดงออกของเขายังคงเหมือนเดิมและต้อนรับพวกเขา
“นายน้อยหลินได้โปรดเข้ามา”
“เชิญพวกเจ้าทุกคนด้วย”
ผู้จัดการไม่เข้าใจสิ่งที่นายน้อยหลินต้องการจะทำ
แม้ว่าตระกูลหลินจะค่อนข้างร่ำรวย แต่พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองกับอะไรแบบนี้ ใช่ไหม?
“ผู้จัดการ ข้าเอาเหมือนเดิม”
“ช่วยดูแลพวกเขาดั่งเช่นนายน้อย และเอาอาหารมาเสิร์ฟให้พวกเขาด้วย”
หลิน ฟานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เพราะมันง่ายกว่าที่จะเห็นสถานการณ์ภายนอกจากตรงนี้
ถ้าพ่อของเขาต้องการจะลงโทษเขา เขาจะสามารถล่าถอยได้ทันที
สำหรับผู้ลี้ภัยที่มาอยู่ในสถานที่หรูหราเช่นนี้ พวกเขารู้สึกไม่สบายใจและกลัว
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินนายน้อยหลินพูดว่าพวกเขามากับท่าน น้ำตาของพวกเขาก็ไหลออกมาและมองไปที่ท่านด้วยความกตัญญู
ใครกันที่พูดว่าผู้คนจากตระกูลขุนนางนั้นดุร้ายราวกับเสือ?
มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยเพราะนายน้อยตระกูลหลินคนนี้ปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี
ตอนนี้โกวชิที่ยืนอยู่ด้านหลังนายน้อยกำลังนับจำนวนเงินที่พวกเขาต้องจ่าย
มันอาจจะมีค่าใช่จ่ายหลายร้อยเงิน
ด้านนอกศาลาเสาวธารเมามาย
ชาวบ้านไม่ได้จากไปไหน แต่กลับมารวมตัวกันข้างหน้าศาลาและคุยกันด้วยเสียงเบาๆ
“นายน้อยตระกูลหลินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมเขาต้องปฏิบัติกับผู้ลี้ภัยดีแบบนี้เป็นครั้งที่สอง?”
“มันมีปัญหาที่สมองของเขารึเปล่า?”
“ชู่ เบาหน่อย พวกเจ้าอยากตายรีไง? หากมีคนได้ยินที่เจ้าพูด เจ้าสามารถบอกลาลิ้นของเจ้าได้เลย”
“แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้นเพราะข้าได้ยินมาว่าพวกเขาทำแต่สิ่งดีๆ เจ้าเคยได้ยินเรื่องของตระกูลหวังรึเปล่าละ? เนื่องจากสภาพอากาศปีนี้มันไม่ค่อยดีมันจึงเป็นสาเหตุทำให้พวกเขามีผลผลิตไม่มากพอที่จะจ่ายภาษี แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าผลของการไม่จ่ายภาษีคืออะไร?”
“ตระกูลชนชั้นสูงจะไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน”
“นั่นมันก็ถูก แต่หมู่บ้านตระกูลหวังที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหลินไม่เพียงแต่ได้รับการยกเว้นภาษีแต่ในอนาคตพวกเขาต้องจ่ายมันเพียงแค่10%เพราะนายน้อยหลินไปเจอและสงสารพวกเขา!”
“ส่วนเรื่องของหมู่บ้านตระกูลฉินนั้นน่าเศร้าเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถจ่ายภาษีได้ จึงมีคนสองคนเสียชีวิตเพราะการลงโทษของตระกูลหยวน”
“และถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ภายใน7วัน ทั้งหมู่บ้านจะถูกทำลาย!”
มีความเย็นแพร่กระจายไปในฝูงชน
มันช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน
ในฝูงชนมีชายคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นและมองไปทางหลิน ฟาน
ชายคนนั้นคือเหลียง อี้ชูที่กำลังหยุดคิดอยู่ชั่วครู่และเดินเข้าไปในศาลาเสาวธารเมามาย
เขาต้องการทำความรู้จักกับนายน้อยหลินคนนี้
เขาชื่นชมนายน้อยหลินเพราะเขาทำสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนอะไรเลย
ส่วนตัวเขาเองก็เคยคิดที่จะทำแบบนั้นแต่ก็ไม่กล้า
ภายในศาลาเสาวธารเมามาย
หลิน ฟานเบื่อเขาจึงมองไปที่คะแนนความโกรธของเขา
คะแนนความโกรธ : 2,061
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะสะสมมันได้มากขนาดนี้
มันคือใคร?
ใครกันที่จะโกรธเขาได้มากขนาดนี้?
ถ้ามีโอกาสเขาอยากจะลองคุยด้วยสักครั้ง
แม้ว่าระบบสนับสนุนขนาดเล็กจะดี
แต่สำหรับเขามันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาจะให้ความสนใจเมื่อเขาเบื่อเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันมันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของร่างกายเขา
และคอยเตือนเขาอยู่เสมอว่าความสามารถของเขาเองนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอและไม่ควรที่จะทำตัวหยิ่งเกินไป
ร่างกาย : 24
กำลังภายใน : 0
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : ไม่มี
เทคนิคการเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (จุดสูงสุด)
คะแนนความโกรธ : 2,061
“ข้าจะยกระดับสถานะหน่อยละกันเพราะตอนนี้ข้าเบื่อมาก”
ร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นจาก 24 เป็น 30
มันใช้คะแนนความโกรธของเขาไป600
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยมันราวกับว่ามีพลังงานบางอย่างไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา
ปุ!
มีเสียงสั้นๆดังขึ้น
“ลูกพี่ลูกน้อง ท่าน….” โจว เชียงเหมายืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น เขาพบว่าเสียงที่เขาได้ยินมันค่อนข้างคุ้นเคยและมองไปทางลูกพี่ลูกน้องด้วยความเหลือเชื่อ
เสียงที่เขาได้ยินมันเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
“ไม่มีอะไร ข้าแค่ผายลมเท่านั้น” ใบหน้าของหลิน ฟานเปลี่ยนเป็นสีแดง
เชี่ย!
ข้าแค่เพิ่มสถานะเท่านั้นแต่ทำไมมันถึงมีเสียงเหมือนกับผายลมออกมาด้วย?
เมื่อเป็นแบบนี้แล้วในอนาคตเวลาข้าจะเพิ่มสถานะข้าต้องไปแอบทำใช่ไหม?
ข้าไม่สามารถเพิ่มสถานะในที่โล่งได้จริงๆงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามเขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆบนแถวสถานะของร่างกาย
ร่างกาย : 30 (เส้นทางการต่อสู้ระดับหนึ่ง)
ก่อนหน้านี้เขาจำได้ว่ามันไม่ได้มีคำว่าเส้นทางต่อสู้อะไรนี่อยู่
ใครมันจะไปคิดว่าเมื่อร่างกายของเขาไปถึง30จุดแล้วมันจะเข้าสู่สถานะระดับหนึ่ง นี่มันน่าสนใจจริงๆ
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อะไร
เขาแค่รู้สึกว่ามีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นและกระชับขึ้นเท่านั้น
“ไม่ ลูกพี่ลูกน้อง ท่าน….” โจว เชียงเหมาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงดังออกมาจากข้างนอกเสียก่อน
“นายน้อยหลิน” เหลียง อี้ชูเดินเข้ามาในอาคาร แม้ว่ากลิ่นภายในมันจะแปลกไปเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
เขาไม่ได้รังเกียจผู้ลี้ภัยเหล่านี้
หลิน ฟานมองไปที่ชายที่เดินเข้ามา
จากนั้นก็คิดกับตัวเอง
ทำไมเขาสูงขนาดนี้?
อะไรทำให้คนๆหนึ่งหล่อได้ขนาดนี้?
“นายน้อย ชายคนนี้คือนายน้อยของตระกูลเหลียง เหลียง อี้ชู” ผู้จัดการเฉินมากระซิบเบาๆข้างหูของเขา
ทันทีที่หลิน ฟานได้ยินว่าชายคนนี้มาจากตระกูลเหลียง เขาก็ตื่นเต้นทันที “ทำไม? เพียงเพราะข้าเพิ่งเอาชนะน้องชายของเจ้าไป เจ้าก็เลยคิดที่จะมาแก้แค้นข้าว่างั้น?”
เหลียง อี้ชูเต็มไปด้วยความสับสน “อะไรนะ?”
“ยังคิดจะเสแสร้ง?” หลิน ฟานมองไปที่เขา ได้! ข้าจะเล่นกับเจ้าสักหน่อยละกัน