ในเวลานี้มันไม่ใช่แค่ผู้จัดการเฉินที่คุกเข่าแล้วร้องไห้
แม้แต่ชาวบ้านก็ยังมองไปที่หลิน ฟานด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับตัวเองหูฝาดไป
ตอนแรกพวกเขาคิดว่านายน้อยหลินจะทำเพียงแค่ปลอบใจพวกเขาด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่านายน้อยหลินจะมอบธัญพืชให้พวกเขาแบบนี้
มันคือสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
“พวกเขาตกใจเพราะคำพูดของข้างั้นหรือ?”
“อืม มันก็สมเหตุสมผล เพราะมันไม่ค่อยมีคนใจดีและมีเมตตาเช่นข้ามากนัก”
หลิน ฟานรู้สึกดีบางทีมันอาจจะเป็นเช่นนั้น ผู้จัดการเฉินประใจในตัวเขา ส่วนชาวบ้านก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ความรู้สึกนี้ช่างดีต่อใจจริงๆ
ผู้จัดการเฉินยกมือของเขาด้วยความยากลำบากเพื่อดึงแขนเสื้อของนายน้อย ริมฝีปากของเขาแห้งผาก “นายน้อย…”
หลิน ฟานขัดผู้จัดการเฉินก่อนที่เขาจะพูดจบ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร แต่นี่เป็นสิ่งที่นายน้อยอย่างข้าควรทำ”
ผู้จัดการเฉินรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากำลังร่วงหล่น
นายน้อยไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเลยสักนิด
ถ้าท่านหัวหน้าตระกูลรู้เรื่องนี้ทุกอย่างจะกลายเป็นความโกลาหล
แม้เรื่องอื่นเขาจะไม่มั่นใจ แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน
ในตอนนั้นเอง การแสดงออกของชาวบ้านก็เปลี่ยนไปจากสิ้นหวังกลายเป็นมีความหวัง
ตุบ!
พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงไปอย่างพร้อมเพรียง “ขอบคุณนายน้อยหลิน!”
เมื่อมองไปที่ชาวบ้านผู้ถูกกดขี่ เดิมหลิน ฟานต้องการให้พวกเขาหยุดและบอกพวกเขาว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไร้ประโยชน์แม้ว่าเขาจะพูดอะไรออกไปก็ตาม
ถ้าพวกเขาอยากจะคุกเข่าก็ให้พวกเขาทำไป
เขาเป็นเพียงนายน้อยผู้ร่ำรวยที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ใช่เจ้านายผู้ชั่วร้าย
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วที่จะต้องพูดประโยคนั้น ฉะนั้นจงทำฟาร์มให้ดีชีวิตของข้าจะสบายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
หลิน ฟานพูดอย่างตรงไปตรงมา
เขาจะโกหกไปเพื่ออะไรกันล่ะ?
เขาแบ่งดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ของตระกูลหลินออกไปก็เพื่อเป็นสร้างความมั่งคั่งและรายได้ในระยะยาวเพื่อที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในอนาคต
และรูปแบบการทำฟาร์มแบบหวังผลระยะสั้นมันก็อันตรายเกินไป
เพราะหลังจากที่เพาะปลูกไปได้ไม่นานใครจะรู้ว่าจะมีชาวบ้านเหลืออยู่อีกกี่คน? และถ้าชาวบ้านทนไม่ไหวจนลุกขึ้นมาต่อต้าน ผลกำไรที่ได้มันจะไม่คุ้มเสีย
“นายน้อยหลินไม่ต้องห่วง พวกเราจะทำให้เต็มที่และไม่ปล่อยให้นายน้อยผิดหวังอย่างแน่นอน”
เมื่อพวกเขาสิ้นหวัง นายน้อยหลินก็ปรากฏตัวออกมาและให้ความหวังแก่พวกเขา
พวกเขาไม่มีอะไรตอบแทนท่านนอกจากพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดเท่านั้น
“ลุกขึ้นเถอะ แล้วอย่าลืมว่าพรุ่งนี้ข้าจะแจกธัญพืชให้มารอที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิน” หลิน ฟานพูดพร้อมกับโบกมือ “กลับกันได้แล้ว”
ผู้จัดการเฉินต้องการจะยืนขึ้น แต่ขาของเขามันสั่นจนทำให้เขาล้มลงไป สุดท้ายแล้วโจว เชียงเหมาก็ต้องมาช่วยประคองเขาขึ้น
“ผู้จัดการเฉิน ร่างกายของเจ้าค่อนข้างอ่อนแอเลยนะ” โจว เชียงเหมาพูด
ผู้จัดการเฉินอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่มันกลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา เขาต้องการจะตะโกนออกไปว่าร่างกายของเขาไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาหวาดกลัวกับสิ่งที่นายน้อยทำลงไปต่างหาก
คฤหาสน์ตระกูลหลิน ณ ลานด้านหลัง
หลังจากที่กลับมาหลิน ฟานก็นอนลงตรงที่ของเขาทันที ในมือของเขามีแผนที่ของเมืองหยูฉางทั้งหมด และเมื่อจำมันได้หมดแล้วเขาก็โยนมันไปด้านข้างทันที
“นายน้อย ธัญพืชที่ท่านจะแจกคือของยุ้งฉางของเราหรือ?” โกวชิถามขึ้นมา
เขาไม่เข้าใจ เพราะไม่ว่ามองจากมุมไหนพวกเขาก็เป็นฝ่ายที่สูญเสีย
แม้ว่าเขาจะเห็นใจและส่งสารพวกชาวบ้าน แต่สิ่งที่นายน้อยกำลังจะให้ไปมันเป็นธัญพืชที่ตระกูลหลินเก็บเอาไว้
“เดาสิ” หลิน ฟานยิ้ม
โกวชิเกาหัว เขาจะไปเดาถูกได้ยังไง?
ในตอนที่หลิน ฟานกำลังจะลงมือ คะแนนความโกรธที่เขามีมันก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้น
‘ความโกรธ +111’
‘ความโกรธ +223’
‘ความโกรธ +333’
เขาเห็นโจว เชียงเหมาวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “แย่แล้วลูกพี่ลูกน้อง ท่านลุงกำลังมา!”
เขาตื่นตระหนก
แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาทำจะทำให้ท่านลุงโกรธ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะมาด้วยตัวเองแบบนี้
“อะไรนะ?!”
หลิน ฟานตกตะลึงและคิดว่ามันเร็วไปเล็กน้อย
เขารู้ว่าพ่อต้องโกรธแน่ๆ แต่การที่พ่อของเขารีบมาที่นี่พร้อมกับดาบมันทำให้เขากลัว
ไม่
เขาไม่ควรจะโกรธขนาดนั้น
เพราะถึงอย่างไรคะแนนความโกรธที่เขาได้รับมันก็ค่อนข้างต่ำ
“เจ้าเด็กไม่เอาไหน!” ก่อนที่เขาจะมาถึงเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธก็ดังนำมาก่อนแล้ว
ใบหน้าของหลิน วานยี่ดูน่าเกลียดมาก เขาเพิ่งพูดไปหยกๆว่าอย่าสร้างปัญหา แต่เขากลับทำมันหลังจากที่ข้าละสายตาไปชั่วครู่
ซึบ!
ดาบถูกเสียบลงกับพื้น มันสั่นและส่งเสียงหึ่งออกมา
ใบดาบสีขาวที่ดูราวกับหิมะเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์
หลิน ฟานและลูกพี่ลูกน้องของเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน
เกิดอะไรขึ้น?
เป็นไปได้ไหมว่าเขาหมดความอดทนและต้องการสังเวยข้าให้กับสวรรค์
“ลูกพี่ลูกน้องข้าว่าท่านรีบขอโทษท่านลุงเถอะ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะเอาจริง” โจว เชียงเหมากล่าว
“โอ้พระเจ้า”
หลิน ฟานเงียบไปครู่หนึ่ง “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ท่านพ่อจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆหรือ?”
หลังจากนั้นไม่นาน หลิน วานยี่ก็มาถึง อาวุโสวู่ที่ติดตามมาส่งสายตาเพื่อขอให้นายน้อยยอมรับความผิดพลาดของเขา
อย่างไรก็ตามสำหรับหลิน ฟานการยอมรับผิดมันไม่ใช่ทางออก
“ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้น?” หลิน ฟานถามออกมา
“เหอะ!” หลิน วานยี่เย้ยหยันอย่างเย็นชา “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? เจ้าไม่รู้จริงๆ? งั้นข้าจะบอกให้ เจ้าแข็งแกร่งขึ้นและได้มอบธัญพืชให้กับชาวบ้าน เจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของพ่อหลิน ฟานก็สงบนิ่งและไม่ได้ตื่นตระหนก
“ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าท่านพูดว่าข้าโตแล้วและสามารถทำทุกอย่างได้ตราบใดที่ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ไม่ใช่เหรอ?” หลิน ฟานกล่าว
“เจ้าเด็กไม่เอาไหน เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเจ้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่งั้นรึ?” หลิน วานยี่โกรธมากขึ้น เจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้กล้าเถียงเขากลับ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความกล้ามากขึ้น
อาวุโสวู่ถอนหายใจ
ดูจากสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าความคิดที่จะขอโทษมันไม่ได้อยู่ในหัวของนายน้อยเลยสักนิด
“แน่นอน! ข้ารู้อยู่แล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไร ตระกูลหยวนและเหลียงเป็นคนบงการให้คนมาขโมยธัญพืชที่ชาวบ้านเก็บเอาไว้ แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการไล่พวกชาวบ้านให้ไปตายเลยไม่ใช่หรือ แล้วอีกอย่างหนึ่งตอนนี้พวกเขาก็มาอยู่ภายใต้ตระกูลหลินของเราแล้ว ข้าจึงคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง” หลิน ฟานกล่าว
หลิน วานยี่หัวเราะอย่างเยือกเย็น “งั้นเจ้าจะทำยังไง?”
“ข้าจะใช้ธัญพืชที่ตระกูลหลินเก็บไว้” หลิน ฟานตอบกลับอย่างซื่อตรง
“มันเป็นของตระกูลหลิน ไม่ใช่ของเจ้า” หลิน วานยี่กล่าว
หลิน ฟานส่ายหัว “ไม่ มันเป็นของข้า เพราะข้าคือนายน้อยตระกูลหลิน ลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน”
“เจ้า…” หลิน วานยี่พูดไม่ออก คำพูดของเจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้ทำให้เขาไม่สามารถตอบโต้ได้ และเขาก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผลมากเสียด้วย
อาวุโสวู่มองคู่พ่อลูกตรงหน้าราวกับมองสิ่งที่น่าสนใจ
ในอดีตนายน้อยไม่ค่อยพูดกับท่านหัวหน้าตระกูลมากนัก
แต่ตอนนี้นายน้อยเริ่มโต้เถียงกับพ่อของเขานี่ถือเป็นความก้าวหน้าที่ดี
“ดี ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้ว เอาล่ะตอบนี้หยิบดาบขึ้นมา ตราบใดที่เจ้าสามารถชนะข้าได้ ข้าจะไม่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก” หลิน วานยี่กล่าว
“ท่านพ่อ ท่านสามารถเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อท่านแข็งแกร่งขนาดนั้น ข้าจะสามารถสู้กับท่านได้อย่างไร?” หลิน ฟานกล่าว
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
เขารู้อยู่แล้วว่าพ่อของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
ท่านแข็งแกร่งถึงขนาดแม้ว่าตระกูลหยวนและเหลียงร่วมมือกันยังจัดการพ่อของเขาไม่ได้
“การบ่มเพาะภายนอกของเจ้าไม่เลวมันอยู่ที่ขั้นสาม ส่วนการบ่มเพาะภายในของเจ้าถึงแม้มันจะอ่อนแอแต่ก็ยังอยู่ที่ขั้นหนึ่ง ข้าจะระงับการเพาะปลูกของข้าให้อยู่ที่เส้นทางการต่อสู้ขั้นสอง เจ้าจะได้ไม่พูดว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า” หลิน วานยี่ไม่ได้สนใจเรื่องการเพาะปลูกของหลิน ฟาน เพราะเขาเชื่อว่าแม้เพียงเส้นทางการต่อสู้ขั้นสองก็สามารถจัดการเด็กไม่เอาไหนคนนี้ได้
ความคิดของเขาง่ายมาก
เขาต้องการที่จะใช้ความแข็งแกร่งของเส้นทางการต่อสู้ขั้นสองเพื่อให้เด็กที่ไม่เอาไหนคนนี้ได้รู้ว่าการฝึกฝนของเขานั้นยังห่างไกลจากคำว่าพอมากนัก
หลิน ฟานดีใจ “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม?”
“หยิบดาบขึ้นมา และหยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” หลิน วานยี่ตะโกนด้วยความโกรธ
“เยี่ยม แต่อย่ามาโกรธข้าละกันถ้าข้าทำให้ท่านบาดเจ็บ” หลิน ฟานรู้สึกว่าพ่อไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด เพราะท่านถึงกับใช้เส้นทางการต่อสู้ขั้นสองมาสู้กับเขา
หลิน วานยี่อยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กคนนี้
ทำให้ข้าเจ็บ?
เหอะ!
สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันคืออุบัติเหตุ