“โคตรเหนื่อย”
หลิน ฟานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้เขาจะรู้สึกว่าการเพาะปลูกนั้นเหนื่อยมากแต่การควบคุมแมลงมันกลับทำให้เขาเหนื่อยยิ่งกว่า และการที่เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนมันก็ทำให้พลังชีวิตที่มีอยู่อย่างจำกัดของเขาหายไปแทบหมดแล้ว
“รุ่งอรุณได้มาเยือนแล้ว”
ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ขี้เกียจเกินกว่าที่จะไปทำเรื่องพวกนี้ ถ้าหากตระกูลเหลียงไม่ได้ไปขโมยข้าวมาเขาคงจะไม่สนใจมันตั้งแต่แรก
ตระกูลหยวนโชคดี
จำนวนมดที่เขาสามารถควบคุมได้มีจำกัดและเขาก็ไม่สามารถวอกแวกได้ แต่ถ้าหากเขาสามารถควบคุมมดได้มากกว่านี้ ยุ้งฉางทั้งสองคงจะว่างเปล่าในชั่วข้ามคืนเป็นแน่
ตามความคิดของเขาเวลานี้ชาวบ้านยังไม่ควรมาถึง
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงเอะอะดังออกมาจากข้างนอก มันเป็นโกวชิที่ตื่นขึ้นมาและตกตะลึงกับภาพของลานกว้างที่เต็มไปด้วยข้าว
เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมมันถึงไม่มีเสียงหรือการเคลื่อนไหวอะไรเลย?
หากต้องการเคลื่อนย้ายข้าวจำนวนมากขนาดนี้มันจะต้องสร้างเสียงขึ้นมาบ้างสิ
หลิน ฟานผลักประตูออกมา “โกวชิใจเย็นลงหน่อย แล้วช่วยไปบอกให้ผู้จัดการเฉินไปต้อนรับชาวบ้านที่ประตูเมืองด้วย ตอนนี้ข้าเหนื่อยเล็กน้อยและคิดว่าจะพักเสียหน่อย ถ้าพวกเขามาถึงแล้วให้รีบมาแจ้งข้าทันที โอ้จริงด้วย! อย่าลืมบอกให้พวกเขาเตรียมกระสอบมาเองด้วยล่ะ”
โกวชิดูงุนงงขณะที่เขามองนายน้อยกลับเข้าห้องของเขา
เขาไม่เข้าใจว่านายน้อยทำได้ยังไง
แต่เขาก็ยังไปแจ้งผู้จัดการเฉินตามคำสั่งที่ได้รับ
ณ นอกเมืองหยูฉาง
กลุ่มชาวบ้านจำนวนมากต้องการเข้ามาในเมือง ซึ่งทำให้ยามของเมืองหยูฉางตื่นตัวขึ้นมาทันทีเพราะคิดว่าชาวบ้านต้องการจะก่อจลาจลขึ้นมาอีกครั้ง
“นายน้อยหลินอนุญาตให้พวกเราเข้าไปในเมือง” ชาวบ้านของหมู่บ้านตระกูลฉินและจางมารวมตัวกันที่นอกเมือง พวกเขากลัวอาวุธที่อยู่ในมือของยามจึงพยายามพูดด้วยเหตุผล
ยามตกตะลึง “นายน้อยหลิน?”
จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึไง มันไม่มีทางที่ตระกูลหลินจะอนุญาตให้พวกเจ้าเข้าเมืองแน่ๆ ถอยไปซะ! มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าพวกเขาอยากเข้าไปเพียงแค่คนสองคน
อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนที่เยอะเกินไป ถ้าพวกเขาถูกปล่อยเข้าไปในเมืองผลที่ตามมามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถรับผิดชอบได้
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ผู้จัดการเฉินรีบเดินเข้ามา
โกวชิบอกให้เขามุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองเพื่อต้อนรับพวกชาวบ้าน
ความจริงแล้วเขาไม่เข้าใจเลยว่านายน้อยทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร อย่างไรก็ตามในฐานะคนรับใช้เขาต้องฟังทุกสิ่งที่เจ้านายพูดและทำมันให้ดีที่สุด
เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะคิดอย่างอื่นได้
“ผู้จัดการเฉิน” ยามรู้ทันทีว่าใครพูดขึ้นมา…..ชายคนนั้นคือผู้จัดการของตระกูลหลิน
ผู้จัดการเฉินพยักหน้ารับก่อนที่จะเปลี่ยนสายตาไปมองชาวบ้านที่รวมตัวกันอยู่ข้างนอกจากนั้นก็พูดออกมาว่า “นายน้อยหลินบอกว่าให้พวกเจ้าทุกคนนำกระสอบมาด้วย ส่วนพวกที่ไม่มีให้รีบกลับไปเอาโดยเร็ว”
แม้นายน้อยหลินจะเป็นมิตรกับพวกเขา แต่เขาไม่ เขาจะเข้มงวดทุกครั้งที่เขามีโอกาส
ในไม่ช้าชาวบ้านจำนวนมากก็ได้จากไปและรีบกลับมาพร้อมกับกระสอบของพวกเขา
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหยุดเท้าและมองออกมา
“วันนี้มีเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงมีคนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่ประตูเมือง?”
“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยหลินจะมอบข้าวให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านตระกูลฉินและจาง”
“อะไรนะ?! นายน้อยหลินกำลังจะแจกอาหารให้พวกชาวบ้าน?”
คนที่ได้ยินต่างเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
บางคนในหมู่ฝูงชนตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังและหลังจากที่พวกเขารู้ความจริงพวกเขาก็รีบซ่อนตัวและหายไปในทันที
หลังจากนั้นไม่นานชาวเมืองทั้งหมดในเมืองหยูฉางก็ได้รู้เรื่องที่นายน้อยจะมอบอาหารให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านตระกูลฉินและจาง
มันทำให้เกิดความโกลาหล
แม้ว่าตระกูลขุนนางทั้งสามของเมืองหยูฉางในสายตาของพวกเขาจะไม่ได้ดีนัก แต่อย่างน้อยตระกูลหลินก็ไม่ได้รังแกคนธรรมดาเหมือนอย่างที่ตระกูลหยวนและเหลียงทำ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นายน้อยหลินเพิ่งทำเมื่อไม่นานมานี้ได้ทำให้สายตาของคนธรรมดาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ
ณ คฤหาสน์ตระกูลเหลียง
คนใช้รีบเข้าไปในคฤหาสน์และวิ่งตรงไปหานายน้อยสามที่กำลังจะออกไปข้างนอก
“นายน้อยสามมีบางอย่างเกิดขึ้นในเมือง นายน้อยหลินเขาต้องการแจกจ่ายอาหารให้กับพวกชาวบ้านจากหมู่บ้านตระกูลฉินและจาง และตอนนี้พวกเขาส่วนมากก็เข้ามาในเมืองกันแล้ว” คนรับใช้กล่าว
เมื่อเหลียง หยงฉีที่กำลังส่ายพัดกระดาษในมือได้ยินดังนั้นคิ้วของเขาก็ยกขึ้นจากนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา “ชายผู้นี้คือความอัปยศอย่างแท้จริง มาดูกันสิว่าตระกูลหลินจะมีข้าวสักเท่าไหร่”
ตระกูลเหลียงของเขาจะไม่ทำสิ่งที่ทำร้ายตนเองและเอื้อประโยชน์ต่อผู้อื่น
แม้แต่ชาวบ้านที่ต่ำต้อยยังรู้ถึงความจริงข้อนี้
แต่น่าเสียดายที่มีไอโง่คนหนึ่งไม่รู้เรื่องนี้
พ่อของเขาได้บอกกับเขาว่าให้เขาปล่อยเจ้าเด็กจากตระกลูหลินคนนี้ไป และรอดูว่าตระกูลหลินจะสามารถรับภาระนี้ไปได้นานแค่ไหน
ณ ตระกูลหลิน
ชาวบ้านยืนเข้าแถวอยู่ด้านนอกคฤหาสน์พร้อมกับกระสอบในมือ การแสดงออกของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความคาดหวังและความกังวลใจผสมกัน
นายน้อยหลินกำลังจะแจกจ่ายอาหารให้กับพวกเขา
แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มันจริงหรือเท็จ ถ้ามันเป็นเรื่องเท็จขึ้นมาละพวกเขาจะทำยังไง?
แต่พวกเขาก็เชื่อว่าคนอย่างนายน้อยหลินจะไม่มีทางหลอกพวกเขาอย่างแน่นอน
หลิน วานยี่หรี่ตาและถามออกมา “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงเสียงดังขนาดนี้?”
“นายท่าน ท่านจำไม่ได้หรือว่าเมื่อวานนายน้อยพูดว่าเขาจะแจกข้าวให้ทั้งสองหมู่บ้าน? และตอนนี้ชาวบ้านก็มารวมตัวกันข้างนอกคฤหาสน์ตามสัญญา” อาวุโสวูกล่าว
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่านายน้อยทำทั้งหมดนี้ไปเพื่อะไร
เพราะไม่ว่ามองทางไหนเราก็เสียเปรียบทั้งนั้น
“ไร้สาระ” หลิน วานยี่พูดด้วยความโกรธ “ถ้าเขาต้องการจะแบ่งข้าวเขาก็ควรจะพาคนพวกนี้ไปที่ยุ้งฉางจะพามาที่นี่ทำไม?”
‘ความโกรธ +88’
เมื่อวานข้าพยายามอย่างหนักเพื่อสอนบทเรียนให้กับเด็กที่ดื้อรั้นคนนี้ และผลที่ออกมามันก็ค่อนข้างน่าพอใจ
ช่างเถอะ
ครั้งนี้ข้าจะปิดตาข้างหนึ่งและปล่อยให้เขาทำสิ่งที่อยากจะทำ
แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้จะรวมชาวบ้านของทั้งสองหมู่บ้านเอาไว้ที่หน้าบ้านของตนเอง และทำให้ทุกอย่างมันอึกทึกมากยิ่งขึ้น
“ไปดูกันเถอะ”
หลิน วานยี่ลุกขึ้น เขาอยากจะรู้นักว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้ต้องการจะทำอะไร
ในตอนที่เขากำลังจะเดินออกไปเขาก็เจอเข้ากับโจว เชียงเหมาพอดี
“โอ้ท่านลุง นี่ท่านกำลังจะไปไหน?” โจว เชียงเหมาถาม
หลิน วานยี่ที่โกรธไม่ได้มีอารมณ์มาพูดดีๆด้วย “ไปไหนงั้นหรือ? แน่นอนว่าข้าต้องไปดูลูกพี่ลูกน้องของเจ้าที่กำลังทำความดีอยู่ แล้วในฐานะที่เจ้าเป็นผู้ฝึกสอนของคฤหาสน์ชาวบ้านข้างนอกไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรกังวลงั้นรึ?”
โจว เชียงเหมากลายเป็นงุนงง “ไม่ใช่ว่าท่านลุงอนุญาตแล้ว?”
“ข้าอนุญาต?” เมื่อได้ยินดังนั้นหลิน วานยี่ก็แทบอยากจะตบโจว เชียงเหมาให้จมดิน
“ใช่ ก็ลานของลูกพี่ลูกน้องมันเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวที่ท่านลุงส่งมาให้เมื่อคืน และตอนนี้ชาวบ้านก็มารออยู่ด้านนอกคฤหาสน์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าท่านอนุญาตแล้ว?” โจว เชียงเหมากล่าว
หลิน วานยี่และอาวุโสวู่แสกเปลี่ยนสายตากัน
อาวุโสวู่ส่ายหัวเพื่อบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง
จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินไปที่ลานด้านหลังทันที เขาอยากจะรู้ถึงสิ่งที่เจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้ทำ
ณ ด้านนอกคฤหาสน์
โกวชิยกมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า “เงียบหน่อย! นายน้อยของข้าได้สั่งเอาไว้ว่าให้พวกเจ้าทั้งหมดเข้าแถวให้เป็นระเบียบแล้วตามข้ามาเพื่อรับข้าว และถ้าหากเจ้าสังเกตเห็นคนแปลกหน้าแอบเข้ามาให้แจ้งให้ข้าทราบด้วย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว โปรดตามข้ามา”
ชาวบ้านทั้งหมดมีความสุขและต้องการจะโห่ร้องออกมา
ณ ลานด้านหลัง
หลิน วานยี่และอาวุโสวู่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง ทั่วทั้งลานถูกปกคลุมไปด้วยเมล็ดข้าวมันเยอะมากจนพวกเขาสามารถทิ้งรอยลึกได้เพียงแค่ก้าวลงไปครั้งเดียว
“นายท่านเมื่อคืนท่านส่งข้าวมาให้นายน้อย?” อาวุโสวู่ถาม
“ข้าจะส่งข้าวไปให้เจ้าเด็กไม่เอาไหนทำไม? ตอนนี้ที่ข้าสงสัยเลยก็คือของทั้งหมดนี่มันมาจากไหน แล้วทำไมคนคุ้มกันยุ้งฉางถึงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับมันเลย?” หลิน วานยี่ขมวดดคิ้ว
อาวุโสวู่กระซิบ “ถ้ามันมาจากที่นั่นยามที่ยุ้งฉางจะแจ้งเราอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แจ้งซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ได้เป็นของตระกุลหลิน”
“แต่ถ้ามันไม่ได้มาจากยุ้งฉางตระกูลหลิน แล้วนายน้อยหามันมาจากไหน?”
หลิน วานยี่เดินไปที่บ้านพร้อมกับเปิดประตูเข้าไป “เจ้าเด็กไม่เอาไหน! เจ้าไปหาข้าวพวกนั้นมาจากที่ใด?”
ครอก!
ครอก!
หลิน ฟานกำลังนอนอยู่ เสียงกรนของเขาเป็นคำทักทายผู้ที่เข้ามาทั้งสอง
“เจ้าเด็กไม่เอาไหนตื่นเดี๋ยวนี้!” หลิน วานยี่ตบโต๊ะด้วยมือจากนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงต่ำ
หลิน ฟานตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขากำลังจะลอยจากไป
“ท่านพ่อ นั่นท่านกำลังทำอะไรอยู่?”
เขาตื่นขึ้นมาก่อนที่จะทันได้หลับสนิท นี่มันมากเกินไป
“ข้าวพวกนั้นมาจากไหน?” หลิน วานยี่ถาม
หลิน ฟานสับสน “มันบินมา”
ในตอนนั้นเองโกวชิก็ได้นำชาวบ้านเข้ามาในลาน
“ว้าว ข้าวเต็มไปหมด!” ชาวบ้านมองไปยังฉากข้างหน้าด้วยความรู้สึกตกตะลึง
โกวชิสั่งออกมาทันที “ทีละห้าคน เจ้าสามารถตักเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่มันไม่ล้น”
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าข้าวมันมาจากไหน
ชาวบ้านหลานคนกำลังรออยู่ด้านนอก
แต่เมื่อพวกเขาเห็นชาวบ้านกลุ่มแรกแบกถุงหนักออกไป พวกเขาก็ส่งเสียงร้องออกมาทันที
“นายน้อยหลินไม่ได้โกหกเรา ท่านจะแจกให้พวกเราจริงๆ มันมีข้าวมากมายอยู่ข้างในนั้น”
ชาวบ้านที่ได้รับข้าวมาแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ไม่ไกลนักเหลียง หยงฉีมองมาที่ชาวบ้านที่กำลังถือถุงอยู่ด้วยความสับสน “เขาบ้าไปแล้ว?! เขาแจกข้าวให้พวกชาวบ้านจริงๆ?”
กลับไปที่ตระกูลเหลียงตอนนี้ยามได้เปิดยุ้งฉางเพื่อตรวจสอบดูว่ามันมีหนูแอบเข้ามาหรือไม่ ถ้ามีพวกเขาจะจับและฆ่าพวกมันทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเปิดประตู ฉางข้างในก็ทำให้พวกเขาทำได้เพียงแค่กระพริบตา
พวกเขาถอยออกมาและมองไปรอบๆ มันคือสถานที่ที่คุ้นเคยมันเป็นยุ้งฉางของพวกเขาแน่นอน
จากนั้นพวกเขาก็ก้าวกลับเข้าไปในยุ้งฉางอีกครั้ง
พวกเขาขยี้ตา
ภาพลวงตา มันต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน
พวกเขาเปิดตาและมองอีกครั้งอย่างตั้งใจ แต่มันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทันใดนั้นพวกเขาก็ตะโกนออกมาทันที
“ไม่ดีแล้ว นี่มันหายนะ!”
ยามเกือบจะสะดุดล้มเมื่อพวกเขาพุ่งออกมาจากยุ้งฉาง
ข้าวข้างในถูกขโมย!
ข้าต้องรีบแจ้งหัวหน้าตระกูลโดยด่วน!