I Don’t Want To Defy The Heavens – DTH ตอนที่ 46 นี่คือการต่อสู้

ณ ตระกูลหยวน

 

“ท่านพ่อยุ้งฉางของตระกูลเหลียงถูกปล้นโดยไม่เหลืออะไรเลย คนที่ทำมันช่างโหดเหี้ยมนัก!” มันเป็นหยวน เทียนชูที่รีบเดินเข้ามาในห้องโถง เมื่อเขาเห็นว่าพ่อของเขากำลังดื่มชาเขาก็เล่าให้ท่านฟังทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

การแสดงออกของหัวหน้าตระกูลหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องยุ้งฉางถูกปล้นเป็นเรื่องใหญ่

 

ตอนนี้ตระกูลเหลียงจะต้องระเบิดอย่างแน่นอน

 

“พวกเขารู้หรือไม่ว่าใครทำ?” หัวหน้าตระกูลหยวนถาม

 

หยวน เทียนชูส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ แต่มีอย่างหนึ่งที่น่าสนใจเจ้าขยะจากตระกูลหลินกำลังแจกข้าวให้ชาวบ้านของทั้งสองหมู่บ้านตั้งแต่เช้า  ท่านพ่อ ท่านคิดว่าสมองของเขามีปัญหาไหม? เพราะเขาสามารถทำร้ายตนเองได้เพื่อช่วยผู้อื่น การเป็นคนดีมันไม่ใช่เรื่องง่าย”

 

“เขาน่าสงสัยจริงๆ” หัวหน้าตระกูลหยวนจมอยู่ในความคิดและพูดออกมา “ยุ้งฉางของตระกูลเหลียงถูกปล้นขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็กำลังแจกข่าว ตระกูลเหลียงไม่สงสัยพวกเขาเลยรึไงกัน?”

 

“พวกเขาทำ เหลียง หยงฉียืนยันเหมือนคนบ้าว่าหลิน ฟานเป็นคนทำ แต่น่าเสียดายเขากลับไม่มีหลักฐานใดๆ สุดท้ายข้อกล่าวหาของเขาจึงกลายเป็นเท็จ” หยวน เทียนชูกล่าว

 

แม้ว่ามันจะไม่ใช้ยุ้งฉางของเขาที่ถูกขโมย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับตื่นตระหนก

 

เพื่อที่จะสามารถปล้นยุ้งฉางทั้งหมดได้โดยไม่ส่งเสียงหรือดึงดูดความสนใจใดๆ คนๆนั้นจะต้องมีความสามารถอย่างมาก

 

“ไปเพิ่มการป้องกันของยุ้งฉาง” หัวหน้าตระกูลหยวนออกคำสั่ง ถ้าคนๆนั้นตั้งเป้ามาที่ตระกูลหยวนเขาจะไม่แย่รึไง?

 

เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับอันตราย

 

มันไม่ได้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด

 

มันจะไม่แย่กว่าหรือหากมันเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้?

 

ศาลาเสาวธารเมามาย

 

หลิน ฟานค่อนข้างผ่อนคลาย หลังการกระทำที่ไร้ยางอาย เขาก็สังเกตเห็นว่าตราบใดที่เขายังอยู่ในเมืองหยูฉางเขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ

 

ทั้งตระกูลเหลียงและหยวนต่างเป็นตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหยูฉางเหมือนกัน แต่หัวหน้าตระกูลของพวกเขากลับโดนเขาหยอกล้อ

 

ถ้าหากท่านพ่อคิดว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ท่านคงดุเขาและบอกให้เขาขอโทษไปแล้ว

 

แต่ดูเหมือนว่าพ่อของเขาดูจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

 

ท่านไม่ได้คิดจะให้คำอธิบายกับพวกเขาด้วยซ้ำ

 

พูดตามตรงการที่พ่อไม่ได้ดุเขามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่กลัว

 

อย่างมากเขาก็แค่ต้องหลบอยู่ในเมืองหยูฉาง

 

แต่ถ้าหากเขาอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกเขาก็แค่ต้องใช้ระบบสนับสนุนขนาดเล็กเพื่อยกระดับพลังของเขา ดังนั้นมันจึงไม่น่าเป็นปัญหานัก

 

ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน

 

ตอนเขากลับมาชาวบ้านก็ยังคงเข้าแถวรอคิวแจกข้าวอยู่

 

ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณจริงๆ พวกเขาไม่ได้พยายามซ่อนมันขณะที่คุกเข่าขอบคุณเขา

 

พวกเขากตัญญูและรู้จักจดจำความเมตตา

 

ในขณะที่หลิน ฟานกำลังจะเดินกลับไปที่ลานด้านหลังเพื่อนอนพ่อของเขาก็เข้ามาเสียก่อน “เจ้าเป็นคนปล้นยุ้งฉางใช่หรือไม่?”

 

“แน่นอนว่ามันไม่ใช่ข้า ท่านคิดว่าข้าเป็นคนขโมยงั้นหรือ?” หลิน ฟานปฏิเสธ เขาไม่ได้ทำแมลงต่างหากที่ทำหากอยากหาคนร้ายก็ไปโทษพวกแมลงสิ

 

อย่างไรก็ตามเขาก็สังเกตเห็นว่าสายตาที่พ่อมองเขามันดูแปลกไปเล็กน้อย

 

ราวกับเขาจะถามว่าเจ้าคิดว่าพ่อโง่งั้นรึ?

 

“ท่านพ่อท่านไม่เชื่อข้า?” หลิน ฟานรู้สึกเจ็บปวด “พ่อและลูกต้องไว้ใจกัน ในฐานะที่ข้าเป็นลูกชายของท่านเราควรไว้ใจกันซึ่งกันและกัน การที่เห็นว่าท่านสงสัยในตัวข้ามันทำให้ข้าปวดใจจริงๆ”

 

ไม่มีคำพูดใดๆ

 

พ่อของเขาไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียว

 

เขาทำเพียงแค่หรี่ตาและมองมาที่หลิน ฟานอย่างเงียบๆเท่านั้น

 

ภายการการจ้องมองเช่นนี้เขาไม่สามารถทำตัวอ่อนแอได้ เขาต้องใจเย็นเข้าไว้เพราะความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการใช้ชีวิตในฐานะนายน้อยที่ร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเผยความสามารถออกไปได้มากนัก

 

“ท่านพ่อข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืน และไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้วดังนั้นข้าขอตัวไปนอนก่อน” หลิน ฟานไม่กล้ามองพ่อเขาตรงๆและเดินไปลานด้านหลังทันที

 

เมื่อเขาเดินไปเรื่อยๆเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

 

เมื่อกี้เขาได้เปิดเผยอะไรไปรึเปล่า?

 

เขาส่ายหัวและคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะทำไม่ได้พูดอะไรที่มันดูมีพิรุธ

 

หลิน วานยี่ไม่ได้หยุดหลิน ฟานจากการจากไป เมื่อมองไปที่หลังของเจ้าเด็กไม่เอาไหนเขาก็ส่ายหัว

 

“นายท่านดูเหมือนว่านายน้อยจะเป็นคนทำจริงๆ” อาวุโสวู่เดินเข้ามา

 

“เหอะ เขาพยายามซ่อนมันจากข้า เจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้นับวันยิ่งกล้าหาญมากขึ้น เขาอยากให้เมืองหยูฉางตกอยูในความโกลาหลรึไง?” หลิน วานยี่กล่าว

 

อาวุโสวู่ไม่ได้ตื่นตระหนก แม้ว่านายน้อยจะทำให้ท้องฟ้าเป็นรู เขาก็จะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

เมื่อเขากลับไปที่ลานด้านหลังเขาก็หลับไปจริงๆ

 

เขาเล่นกับแมลงมาทั้งคืนมันจึงทำให้เขาเหนื่อยมาก ตอนนี้เขาแค่อยากนอนแบบสบายๆเท่านั้น

 

ณ ตระกูลเหลียง

 

“ท่านพ่อ ข้ามั่นใจว่าข้าวของเราต้องถูกไอสารนั้นขโมยไปอย่างแน่นอน” เหลียง หยงฉีกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

 

พวกเขาโดนหยามที่หน้าประตูบ้านของตนเอง

 

“เจ้ามีหลักฐานไหม?” หัวหน้าตระกูลเหลียงถาม

 

สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน อย่างไรก็ตามเขาไม่โง่พอที่จะไปขอคำตอบจากตระกูลหลิน

 

ถ้ามองแค่ผิวเผินตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหยูฉางอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่ความจริงแล้วพวกเขาคอยตรวจสอบกันและกันอยู่เสมอ

 

แล้วอีกอย่างในใจลึกๆเขาก็ยังหวาดกลัวตระกูลหลินอีกด้วย

 

“ไม่” เหลียง หยงฉีก้มหัวลงและกำหมดแน่น แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐาน เขาก็ยังเชื่อว่ามันเป็นหลิน ฟานแน่นอนที่ขโมยข้าวไป

 

ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะคิดบางอย่างได้

 

“ท่านพ่อ ทำไมเราไม่ส่งคงไปที่หมู่บ้านแล้วแย่งข้าวมาละ? ยังไงมันก็เป็นของเราตั้งแต่ต้นดังนั้นเราจึงมีสิทธิ์ที่จะเอาคืน”

 

หัวหน้าตระกูลเหลียงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ลูกของเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ “สมองเจ้ามีปัญหางั้นรึ?”

 

เขาไม่คิดเลยว่าลูกชายคนที่สามที่เขาหวังไว้สูงจะมีความคิดที่โง่เขลาเช่นนี้

 

“ท่านพ่อ ข้า…” เหลียง หยงฉีต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

แอ๊ด!

 

มันเป็นเหลียง อี้ชูที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับซู เซียง

 

ซู เซียงไม่ได้เป็นคนของตระกูลเหลียง เขาเป็นเหมือนแขกมากกว่า เขาจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเหลียงแลกกับการให้ความช่วยเหลือบางอย่าง

 

เรื่องยุ้งฉางในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายสำหรับเขา

 

เขาต้องค้นหาความจริงจากรายละเอียดที่คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าใจได้

 

ตามตรรกะและเหตุผลแล้วนายน้อยจากตระกูลหลินเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด

 

เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าตัวการเรื่องนี้มันเป็นเขา

 

แต่…

 

ทุกอย่างที่เขาสันนิษฐานอยู่บนคำว่า ‘แต่’

 

“ท่านพ่อข้าได้สอบสวนเรื่องยุ้งฉางกับท่านซูและสามารถยืนยันอะไรบางอย่างได้” เหลียง อี้ชูกล่าว

 

เหลียง หยงฉีขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ท่านมาที่นี่ทำไม? ไม่มีอะไรที่ท่านสามารถทำได้ที่นี่”

 

“เจ้าพูดแบบนั้นกับพี่ชายเจ้าได้อย่างไร? อี้ชูพูดต่อ” หัวหน้าตระกูลเหลียงกล่าว

 

เหลียง หยงฉีรู้สึกเจ็บใจ ท่านพ่อดุข้าเพราะพี่ใหญ่ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกได้ถึงอันตราย

 

ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่กำลังสู้กับข้าเพื่อความรักของท่านพ่อ

 

“ท่านซูได้โปรดอธิบาย” เหลียง อี้ชูกล่าวอย่างสุภาพ

 

ซู เซียงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนคาราวะ “นายท่านจากการสืบสวนของข้า ข้าสามารถยืนยันได้แล้วว่ามันเป็นหุบเขาแมลงจริงๆ ข้าพบพวกเขาคนหนึ่งในเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน”

 

“ตอนแรกข้าก็ยังไม่มั่นใจ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วข้าก็พบว่าคนๆนั้นดูคุ้นเคย ในท้ายที่สุดข้าก็สามารถจำได้ว่าเขาคือเฟิง โพหลิวคนทรยศของหุบเขาแมลง”

 

หัวหน้าตระกูลเหลียงไม่รู้ว่าเฟิง โพหลิวคือใคร

 

แต่การที่เขารู้ว่ามันเป็นใครก็ช่วยขจัดข้อสงสัยในใจของเขา

 

“นายท่าน ชายคนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของหุบเขาแมลง เขาสามารถควบคุมแมลงได้และเหตุการณ์ในยุ้งฉางก็ควรจะเป็นฝีมือของเขา ข้าคิดว่าเราทำได้แค่ปล่อยให้เรื่องเงียบลงเพราะเราไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้” ซู เซียงกล่าว

 

เหลียง หยงฉีที่ยังคงเศร้าใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงอยากจะเสนอตัวทันที “ท่านพ่อ ข้ายินดีที่จะเป็นคนนำคนไปจับตัวเฟิง โพหลิวกลับมา”

 

ซู เซียงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่นายน้อยสามอย่างไร้กำลัง

 

เชี่ย

 

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นมีภูมิหลังยังไงและต้องการจะจับตัวเขา สุดท้ายแล้วชีวิตของเขาก็คงจบลงที่มือของคนที่เขาอยากจับ

 

“นายน้อยสามจะดีกว่าหากไม่ทำให้ชายคนนั้นขุ่นเคือง มิฉะนั้นตระกูลเหลียงอาจจะถูกกวาดล้าง” ซู เซียงพยายามเกลี้ยกล่อมเขา

 

เขาเรียนรู้เรื่องทั้งหมดนี้มาจากเมืองจักรพรรดิ

 

ในแง่ของความรู้เขามีมากกว่าตระกูลเหลียงและหยวนมาก

 

เขารู้หลายอย่างที่คนอื่นไม่รู้

 

หัวหน้าตระกูลเหลียงตกใจ “ชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก?”

 

ซู เซียงตอบ “ใช่ เขาแข็งแกร่งมาก”

I Don’t Want To Defy The Heavens

I Don’t Want To Defy The Heavens

I Don't Want To Defy The Heavens, IDWTDTH, Wǒ Bùxiǎng Nì Tiān A, 我不想逆天啊
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I Don’t Want To Defy The Heavensภายในห้อง มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเงียบสงบกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง พร้อมกับทำสีหน้าเคร่งเครียด อย่างไรก็ตามลึกเข้าไปข้างในแล้วเขากำลังมีความสุข “นี่มันก็วันที่สามแล้ว ข้าคงไม่สามารถกลับไปได้อีกต่อไป” ภายในใจของหลิน ฟานตอนนี้กำลังยุ่งเหยิง เพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขายังอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ตอนนั้นภายในสถานีรถไฟใต้ดิน มีสถานการณ์ที่ไม่สบอารมณ์เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องสู้กับพวกสารเลวสองคน แต่ตัวเขาค่อนข้างแข็งแกร่งและได้ใช้วิชาหวิงชุนกลับไป อย่างไรก็ตามสองสามวินาทีต่อมา เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหมัดขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งตรงมาทางเขา หลังจากเสียง ‘ปัง’ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลยอีกเลย เมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีเขาก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การแกล้งกัน อย่างไรก็ตาม เขารู้จักตัวเองดี เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติหากไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเมื่อเดินสวนกัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะโดนแกล้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset