หลิน ฟานกระวนกระวายเล็กน้อย
ลูกพี่ลูกน้องกำลังจะทิ้งเขา!
โอ้พระเจ้า!
ถ้ามันเกิดขึ้นจริงเขาก็จะไม่มีผู้ช่วย แม้ว่าเขาจะอยู่ในเมืองหยูฉางเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจหากเขาต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหยวนและเหลียง และถ้าเขาต้องการเอาชนะใครสักคนเขาก็ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง
เขาจะเสียหน้าและตัวตนของเขาไปแน่หากเขาทำแบบนั้น!
บนถนน
“ลูกพี่ลูกน้องท่านพ่ออยากจะให้เจ้าทำอะไร?” หลิน ฟานถาม จะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาไม่จำเป็นต้องไป และมันจะดีมากถ้าเขาสามารถติดตามเขาต่อไปได้เพราะเขาจะสามารถสร้างปัญหาได้โดยไม่โดนผลกระทบใดๆ
เขาใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขและอยู่อย่างสุขสบาย นั้นมันยังไม่พออีกงั้นเหรอ?
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่านจะต้องใส่ใจกับความปลอดภัยของตนเองเมื่อข้าไม่อยู่” โจว เชียงเหมาลังเลที่จะออกห่างจากลูกพี่ลูกน้องของเขา เพราะในช่วงที่ผ่านมาเขารู้สึกมีความสุขมากที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ไม่ว่ายังไงสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่านลุงอยู่ดี
ดูเหมือนว่าพ่อของเขาต้องการถอดคนที่แข็งแกร่งข้างกายเขาออกไป และที่เขาทำแบบนั้นไปก็เพื่อกันไม่ให้ข้าสร้างความเดือดร้อนและไม่ทำตัวหยิ่งผยอง?
“ลูกพี่ลูกน้องท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะรีบจัดการธุระให้เสร็จและรีบกลับมาโดยเร็ว” โจว เชียงเหมากล่าวจากนั้นเขาก็มองไปที่โกวชิ “โกวชิเจ้าต้องดูแลลูกพี่ลูกน้องด้วยตอนข้าไม่อยู่ และถ้าเขาตกอยู่ในอันตรายเจ้าต้องปกป้องเขาด้วยชีวิต”
“ขอรับ” โกวชิตอบ ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำอยู่แล้ว หากนายน้อยเจอเข้ากับอันตรายจริงๆ เขาก็จะก้าวไปปกป้องโดยไม่ลังเล
ความสนใจของหลิน ฟานลดลงอย่างมาก “กลับบ้านกัน กลับบ้าน”
ณ คฤหาสน์ตระกูลเหลียง
“ท่านพ่อ มันเป็นคนทำทั้งหมด! แถมยังกล้ายอมรับต่อหน้าข้าอีก!” เหลียง หยงฉีในตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่ ใบหน้าของเขาถูกตีจนบวมไปหมด เจ็บ มันช่างเจ็บจริงๆ มันให้ความรู้สึกราวกับโดนไฟลวกมันเป็นความรู้สึกที่คาดไม่ถึงชนิดที่ว่าถ้าไม่โดนด้วยตนเองก็จะไม่มีทางได้รู้
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมได้ขนาดนี้
ชายคนนั้นไม่ได้คำนึงถึงสถานะของตนเองเลยสักนิด
ถ้าพูดกันตามตรงเขาที่เป็นนายน้อยสามของตระกูลเหลียงกับหลิน ฟานก็อยู่ในระดับเดียวกันไม่ใช่หรือ?
และการที่เขากล้าลงมือทันทีโดยไม่ลังเลหลังจากที่เขาพูดจบแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่ไว้หน้ากันเลยไม่ใช่รึไง?
“เจ้ามีหลักฐานไหม?” หัวหน้าตระกูลเหลียงถาม
เหลียง หยงฉีกังวล “ท่านพ่อเรายังต้องการหลักฐานอะไรอีก? ก็ในเมื่อเขายอมรับต่อหน้าข้าว่าเขาเป็นคนทำ”
“เจ้าโง่!” หัวหน้าตระกูลเหลียงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสามของเขาจะโง่ได้ขนาดนี้ “เขายอมรับมันก็จริงแต่มีใครอีกไหมที่ได้ยินนอกจากเจ้า? หรือว่าเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ผู้อื่นเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด?”
เหลียง หยงฉีมองไปที่พ่อของเขาอย่างไม่สบายใจ
โง่?
ท่านพ่อว่าข้าโง่สิ่งนี่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ที่ผ่านมาเขามักได้รับคำชมว่าเขาฉลาดหรือไม่ก็รอบคอบมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับถูกเรียกว่าเจ้าโง่ การเปลี่ยนแปลงนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?
“ท่านพ่อ ข้า…” เหลียง หยงฉีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
ในเมื่อท่านพ่อพูดไปแบบนั้นแล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก?
หัวหน้าตระกูลเหลียงส่ายหัวด้วยความผิดหวัง “เจ้าไปพักเถอะและไม่ต้องกังวลเรื่องนี่อีกต่อไป”
ด้วยเหตุผลบางอย่างอยู่ๆเขากลับนึกถึงลูกชายคนโตที่เขาไม่เคยชอบในอดีต
เมื่อมาลองเปรียบเทียบกันแล้ว เขาก็รู้สึกว่าลูกชายคนโตมีความมั่นคงและเชื่อถือได้มากกว่าลูกสาม
บางทีนี่อาจจะเป็นผลมาจากการชอบของใหม่และเกลียดของเก่า
เหลียง หยงฉีอยากจะพูดไรบางอย่างแต่ก็หยุด เขาถอนหายใจและก้มหน้าลง
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมันไม่ถูกต้อง
ท่าทีของพ่อต่อเขามันไม่อบอุ่นเหมือนแต่ก่อน นี่คือสัญญาณของอันตราย
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
มันจะต้องเป็นพี่ชายที่ทำตามใจพ่อเพื่อต้องการแย่งชิงความรักของพ่อไปจากเขาอย่างแน่นอน ช่างน่ารำคาญอะไรเช่นนี้
หลังจากนั้นเหลียง หยงฉีก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและถอยกลับไป
การพูดกับพ่อต่อไปมีแต่จะทำให้ท่านอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเขากำลังจะจากไปเขาก็เห็นเหลียง อี้ชูเดินเข้ามา เขาจึงพูดประชดประชันใส่ทันที “พี่ใหญ่ ท่านช่างมีความสามารถจริงๆ คอยดูเถอะเดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน”
“หึ!” เหลียง หยงฉีเย้ยหยันอย่างเย็นชาและจากไป
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
หลิน ฟานกลับไปที่ลานบ้านและนอนอย่างเบื่อหนายบนเก้าอี้ในลานบ้านจากนั้นก็หลับตา
ะไรเช่นนี้เขา ช่างน่ารำคาต่อไป เปไงเลยสักนิด
ตัวเลขที่แสดงอยู่ในระบบสนับสนุนขนาดเล็กนั้นค่อนข้างดี
คะแนนความโกรธ : 5,231
ดูเหมือนว่าในครั้งนี้เขาจะค่อนข้างได้กำไร
เป้าหมายของเขาคืออยากที่จะใช้ชีวิตอย่างช้าๆไม่ต้องเร่งรีบหรือกังวลกับอะไร ในขณะที่ถ้าเขาต้องการหาประสบการณ์ชีวิตความสามารถในการเพิ่มสถานะของเขาก็เป็นทางเลือกที่ดี
หลังจากที่โจว เชียงเหมากลับมา เขาก็ตรงไปยังห้องศึกษาทันทีโดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อของเขาต้องการให้ลูกพี่ลูกน้องทำอะไร
คฤหาสน์ตระกูลหลินมีคนมากมาย แต่ท่านกลับอยากจะให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนทำ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาจงใจแยกคนที่อยู่ข้างกายเอาออกไป
ณ ห้องศึกษา
“ท่านลุง ลูกพี่ลูกน้องของข้าไม่มีคนคอยปกป้อง ถ้าข้าไปแล้วเกิดเขาตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาละจะทำยังไง?” โจว เชียงเหมากล่าว
พูดตามตรงเขาไม่อยากจะไปเลยจริงๆ เขาอยากจะอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของเขา
หลิน วานยี่ชำเลืองมอง “อันตราย? ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าก่อปัญหาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง และการที่เขาทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการมองหาปัญหาใส่ตัว ส่วนเจ้าที่ช่วยเขากลั่นแกล้งผู้อื่นและเอาชนะ นั่นก็หมายความว่าเจ้ากำลังช่วยเขาสร้างศัตรู”
โจว เชียงเหมาทำตัวไม่ถูก
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถหลีกเหลี่ยงเรื่องนี้ได้
ลูกพี่ลูกน้องจะดีที่สุดถ้าช่วงนี้ท่านทำตัวต่ำเอาไว้และไม่ก่อปัญหา เพราะถ้าหากท่านเจอตอเข้าท่านอาจจะโดนทุบตีได้
“มีกลุ่มโจรสลัดขนาดใหญ่ในแม่น้ำเว่ยเหอ เจ้าจงนำคนออกไปกวาดล้างพวกมันซะ” หลิน วานยี่กล่าว
“ท่านลุงไม่ใช่ว่าแม่น้ำเว่ยเหอมันอยูในการดูแลของตระกูลเหลียงและหยวนไม่ใช่หรือ? ทำไมเราต้องไปสนใจมันด้วย?” โจว เชียงเหมาถามออกมา
เขายังจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี
ตระกูลหยวนและเหลียงมาที่ตระกูลหลินเพื่อคุยเกี่ยวกับการแบ่งแม่น้ำเว่ยเหอ
เขาคิดว่าทั้งสองคนมาเพื่อมองหาปัญหาแน่เพราะท่านลุงจะยอมได้ยังไง?
แต่ใครจะรู้ว่าท่านลุงจะยอมยกแม้น้ำเว่ยเหอไปให้พวกเขาจริงๆ
ในตอนที่เขายังเด็กเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านถึงยอม และแม้ว่าตอนนี้เขาจะโตแล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
หลิน วานยี่ขมวดคิ้ว “เชียงเหมา เจ้าอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของเจ้ามานาน ทำไมเจ้าถึงถามคำถามมากมายนัก?”
“ขอรับท่านลุง ข้าผิดเอง ข้าจะรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้” โจว เชียงเหมากล่าว
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพราะเขาอยู่กับลูกพี่ลูกน้องมานานจริงๆ
เพราะเมื่อก่อนเขาจะไม่ถามคำถามเหล่านี้
หลิน วานยี่โบกมือ เมื่อโจว เชียงเหมาออกไปแล้วเขาก็เก็บของและเตรียมไปแม่น้ำเว่ยเหอทันที
“นายท่านโจรสลัดเหล่านั้นอ่อนแอมาก มีเพียงเด็กคนนั้นที่มีพื้นฐานที่ดี แต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับโจว เชียงเหมาที่อยู่ขั้น8นั้นก็ยังห่างไกลจากคำว่าพอ” อาวุโสวู่กล่าว
“เหอะ ถ้านับแค่ระดับการเพาะปลูกของโจว เชียงเหมามันก็เป็นความจริงที่พวกเขาอ่อนแอ แต่โจรสลัดเหล่านั้นค่อนข้างเจ้าเล่ห์และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกวาดล้างพวกเขา ความจริงแล้วข้าเพียงแค่อยากจะให้เขาออกห่างไปสักพัก จากนั้นเราจะมาดูกันว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนั้นจะกลั่นแกล้งผู้อื่นต่อได้อย่างไร” หลิน วานยี่กล่าว
เรื่องนี้ต่างหากที่เป็นเจตนาจริงๆของเขา
กลางคืน
คฤหาสน์ตระกูลหลินค่อนข้างเงียบ
เดิมทีหลิน ฟานต้องการควบคุมแมลงไปที่ยุ้งฉางตระกูลหยวนเพื่อปล้น
แต่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อวานเขาเหนื่อยมากแค่ไหนเขาก็หยุดทันที เขาพยายามสะกดจิตตัวเองว่า ลืมมันไป ลืมมันไปซะ ค่อยทำพรุ่งนี้เมื่อเขากลับมามีพลัง
เขาล้มตัวลงและเข้าสู่ฝันอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครรู้เลยว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน
ฟุบ!
เสียงบางอย่างดังเข้ามาในหูของเขา
เป้ง!
เมื่อหลิน ฟานหันไปรอบๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง นี่มันอะไรกัน?
กริชเล่มหนึ่งปักอยู่ข้างเตียงห่างจากใบหน้าของเขาไม่กี่เซ็น และตัวกริชเองมันก็ยังคงสั่นอยู่
ถ้ามันเล็งมาที่หัวเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
อง่อ
ขาจะต้องตายอย้ยกใบหน้าะไรกันืมมันไป ลืมมันไป ำว่าพออ
“เชี่ย! อีกแล้วเหรอวะ?!”
หลิน ฟานผลักตัวเองลุกขึ้นจากเตียงด้วยมือข้างเดียว เมื่อเขามองออกไป เขาก็เห็นเงาสีดำภายใต้แสงจันทร์
มือสังหาร
มันเป็นมือสังหารคนนั้นอีกแล้ว!
“เจ้ามีอะไรผิดปกติรึไง? ทำไมเจ้าถึงมองหาแต่ข้า?” หลิน ฟานสาปแช่ง ชายคนนี้จะต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน ข้าไปทำอะไรให้เขากัน? แล้วทำไมเขาถึงต้องมาตอนเที่ยงคืนด้วย?
มือสังหารคนนั้นไม่ได้พูดอะไรและเคลื่อนไหวทันที
ชายคนนั้นก้าวเท้าออกมาโดยทิ้งภาพไว้ข้างหลังเป็นผลมาจากการที่เขาใช้เทคนิคเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่ง
กริชที่ปักอยู่ข้างเตียงส่งเสียงดังและบินกลับมา มือสังหารคนนั้นคว้ากริชของเขาและแทงออกไปทันที