ตอนเช้าตรู่
ความจริงแล้วการลอบสังหารนายน้อยหลินควรจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่น่าแปลกที่มันกลับมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
อึก!
โคตรเจ็บ!
หลิน ฟานค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ร่างกายของเขาระบมไปทั้งตัว แม้กระทั่งการยกแขนก็ยังทำให้เขาเจ็บ
“นายน้อยในที่สุดท่านก็ตื่น!” โกวชิร้องไห้ตาของเขายังคงเป็นสีแดงอยู่เล็กน้อย
เมื่อคืนมีใครบางคนมาเคาะประตูห้องของเขา และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่ามีมือสังหารมาทำร้ายนายน้อยอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เห็นมือสังหารเขาก็หมดสติไปเสียก่อน
เมื่อเขาได้สติอีกครั้งเขาก็เห็นนายน้อยที่บาดเจ็บ หัวใจของเขาเจ็บปวดมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถแบกรับความเจ็บปวดแทนนายน้อยได้
การที่เจ้าสารเลวนั่นกล้าทำร้ายนายน้อย สำหรับเขาแล้วมือสังหารคนนั้นมันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน
“อา ตอนข้าตื่นข้าก็คิดว่าข้าตายไปแล้ว” หลิน ฟานสัมผัสกับร่างกายของเขา เขาถูกพันด้วยผ้าพันแผลทั้งตัวดูเหมือนคนบาดเจ็บหนัก
ตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออก
“นายน้อย ท่านหัวหน้าตระกูลมาเยี่ยมท่าน”
หลิน วานยี่มองไปที่หลิน ฟาน เขารู้ดีกว่าใครว่าลูกของเขาเจ็บหนักแค่ไหนเพราะเขาเป็นคนทำมันเอง
แต่เขาไม่สามารถทำตัวมีพิรุธได้
เพราะดูเหมือนว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนจะยังมีสมองอยู่เล็กน้อย
“ฟานเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลิน วานยี่เดินเข้ามาที่เตียงและนั่งลงด้านข้างจากนั้นเขาก็ดูอาการของลูกชายของเขา เขาตีหน้าเศร้าและพูดออกมาอย่างดุร้าย “เฒ่าวู่เจ้าจงไปหาคนร้ายมาให้ข้าซะ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ทำร้ายลูกของข้ามันเป็นใคร”
“ขอรับนายท่าน” อาวุโสวู่ตอบ
นี่เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
การแสดงที่มีท่านหัวหน้าตระกูลเป็นคนนำ
ก็อย่างที่รู้กันว่าคนที่พวกเขาต้องหาคือท่านหัวหน้าตระกูล และผู้ที่เอาชนะนายน้อยก็เป็นท่านหัวหน้าตระกูลอีกเช่นกัน และแม้ว่าพวกเขาจะพลิกแผนดินเพื่อพยายามหาผู้กระทำผิด พวกเขาก็จะไม่มีทางเจอได้ถ้าท่านหัวหน้าตระกูลไม่ยอมรับ
“ท่านพ่อไหนท่านบอกว่ารู้จักมือสังหารไม่ใช่รึไง? เขาเป็นคนที่ท่านเอาชนะเมื่อหลายสิบปีก่อนและในเมื่อท่านรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมท่านไม่ไปหาเขาและแก้แค้นให้ข้ากันล่ะ?” หลิน ฟานกล่าว
“หือ?” หลิน วานยี่ตกตะลึง ข้าเคยพูดแบบนั้นหรือ?
“ฟานเจ้าไม่ต้องกังวล ในฐานะพ่อของเจ้าข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง ส่วนในช่วงนี้เจ้าก็อย่าออกไปไหนและพักรักษาตัวให้หายดี”
ตอนนี้หลิน วานยี่บรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว
เขามีความสุขมากที่ได้เห็นเจ้าเด็กไม่เอาไหนลงเอยเช่นนี้
การลงมือเมื่อคืนของเขาดูเหมือนว่ามันจะคุ้มค่ามาก
ลูกของเขาต้องเดินบนขอบเหวแห่งความตายเท่านั้นถึงจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
“ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ สักวันข้าจะกระทืบไอแก้นี่ให้จมดิน” หลิน ฟานกล่าว
‘ความโกรธ +123’
หลิน วานยี่หรี่ตาไอแก่งั้นเหรอ?
นี่ไม่ใช่ว่าเขากำลังด่าข้า?
หลิน ฟานก็ตกตะลึงเช่นกัน ความโกรธพวกนี้มาจากไหน? ข้าเป็นคนที่บาดเจ็บแล้วทำไมเขาถึงโกรธ?
ในตอนนี้ภายในห้องเหลือหลิน ฟานเพียงคนเดียวเท่านั้น
เขาคิดว่าถ้าเขาออกไปในสภาพนี้ ศัตรูของเขาคงจะหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเขาขยับตัวบาดแผลบนร่างกายก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
ชายคนนั้นช่างโหดร้ายเสียจริง มันมีบาดแผลมากกว่าหนึ่งโหลบนร่างกายของเขา โชคดีที่มันไม่ใช่ที่ใบหน้าไม่งั้นเขาคงเสียโฉม
“ข้าก็แค่อยากจะมีความสุขกับชีวิตที่ร่ำรวยดั่งเช่นนายน้อยปกติอย่างเงียบๆแท้ๆ ทำไมชายคนนั้นต้องมาคอยกลั่นแกล้งข้าอยู่เรื่อยด้วย?”
หลิน ฟานไม่เต็มใจและรู้สึกโกรธจริง สิ่งนี้มันเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว!
ข้าอยากจะลากมือสังหารคนนั้นออกมาตรงหน้าของข้าและตบหน้ามันซะ จากนั้นข้าก็จะถามเขาว่าเขาไม่รู้สึกว่าที่เขาทำมันมากไปหน่อยรึไง?
ทุกครั้งที่เขามาเขาก็จะมาตอนกลางดึกตอนที่ผู้คนยังคงหลับใหลอยู่เสมอ แม้ว่าจะเป็นคนที่หลับลึกแค่ไหนก็ยังต้องหวาดกลัวหากถูกใครก็ไม่รู้มาเหยียบหัวซ้ำๆ
จากการต่อสู้เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาได้ตัดสินใจเพิ่มคะแนนลงไปในระหว่างนั้น และดูเหมือนว่าเขาจะกระจายมันได้ค่อนข้างดี
ร่างกาย : 90 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสาม)
กำลังภายใน : 90 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสาม)
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นสอง)
เทคนิคการเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (กลับสู่ความจริง) เทคนิคควบคุมแมลง (พื้นฐาน)
คะแนนความโกรธ : 1,354
ตอนนี้ทั้งร่างกายและกำลังภายในของเขาทั้งคู่อยู่ในขั้นสามแล้ว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกฝังแบบคู่และมันก็น่าจะไม่มีใครทำงานหนักเท่าเขาอีกแล้ว
เขาคิดว่าการพัฒนาไปในทิศทางเดียวน่าจะไม่เพียงพอ
เนื่องจากเขาคิดได้เช่นนั้นเขาจึงพัฒนามันไปทุกทางและปรับปรุงมันไปพร้อมกันทั้งหมด
“วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตค่อนข้างอ่อนแอและมีพลังไม่มากพอ ดังนั้นเมื่อข้าต้องเจอกับมือสังหารข้าจึงไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย” หลิน ฟานบ่น เขาคิดว่าการยกระดับมันไปถึงระดับกลับสู่ความจริงจะทำให้เขาแข็งแกร่ง
แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ขนาดนี้!
ถ้าหลิน วานยี่ได้ยินสิ่งที่หลิน ฟานกำลังคิดเขาคงตบหัวลูกชายของเขาแน่
เพราะถ้าเขาแพ้ลูกชายของตนเอง เขาจะมีหน้ามาทำตัวหยิ่งผยองต่อไปได้ยังไง?
ด้วยความแข็งแกร่งของหลิน วานยี่ การสู้กับหลิน ฟานก็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่รังแกเด็กที่ไม่รู้จักแม้แต่วิธีเดิน
ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างที่เขาเตรียมไว้หลายจะเป็นยุ่งเหยิงเนื่องจากเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด
ในตอนแรกเขาคิดว่าในฐานะที่เขาเป็นนายน้อยของครอบครัวที่ร่ำรวยแถมยังมีพ่อที่แข็งแกร่ง ใครมันจะกล้ามาหาเรื่องกับเขา?
แต่เขากลับคิดผิดดูได้จากการที่เขาถูกทุบตีและนอนติดเตียงอยู่อย่างนี้
เขาลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิและเริ่มโคจรวิชาคัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ
หลังจากเพิ่มระดับวิชาถึงขั้นสอง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันก็ชัดเจนมาก กำลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และกำลังภายในสีม่วงของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ
ถ้าจะให้พูดอย่างเจาะจง มันคือส่วนของลักษณะพิเศษ
ใบดาบที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเมื่อคืนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสู้กับมือสังหารได้มากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรับมือได้
ความมืดเริ่มมาเยือนไม่นานหลังจากนั้นยามค่ำคืนก็ได้มาถึง
ยามเริ่มออกมาเดินลาดตระเวนด้านนอก
พวกเขาถูกส่งมาโดยหลิน วานยี่ เขาคิดว่าถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้เจ้าเด็กไม่เอาไหนอาจจะสงสัยเขาได้
“ฮู่!” หลิน ฟานปล่อยลมหายใจที่ดูคล้ายกับไอออกมา ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาดูดีขึ้นมาก ผลของเทคนิคการบ่มเพาะจิตใจยอมเยี่ยมนั้นมาก มันเริ่มมีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นบนบาดแผลของเขาแล้ว พรุ่งนี้มันอาจจะเหลือเพียงรอยสีชมพูบางๆ
กำลังภายในของเขามาถึงเส้นทางการต่อสู้ขั้นสาม และระยะของวิชาควบคุมแมลงที่เขามีมันก็กว้างขึ้นกว่าเดิมมาก ตอนนี้เขาสามารถควบคุมแมลงได้ในระยะ50 เมตรนับจากตัวเขาเป็นศูนย์กลาง
ตระกูลเหลียงและหยวนเป็นแหล่งความสุขเดียวของเขาในเมืองหยูฉาง
มันจะมีใครอีกบางที่เขาสามารถเล่นด้วยได้ถ้าไม่ใช้พวกเขา?
ไส้เดือนออกมาจากดิน เขาสามารถรู้สึกได้เลยว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แม้ว่าผิวของพวกมันจะยังดูอ่อนนุ่ม แต่ความสามารถในการกินของมันดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น
วิชาควบคุมแมลงช่วยให้เขาสามารถควบคุมพวกแมลงได้ ส่วนกำลังภายในเป็นตัวช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แมลงของเขา
ตอนนี้มันก็กลายเป็นขั้นสามแล้วดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก
ใครจะรู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
ในตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลหลินเงียบมากมันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่บางครั้งเขาก็จะได้ยินเสียงฝีเท้าของยามที่กำลังลาดตระเวนอยู่ด้านนอก
ณ ยุ้งฉางของตระกูลหยวน
หลังจากที่หัวหน้าตระกูลหยวนรู้เรื่องยุ้งฉางตระกูลเหลียงถูกปล้น เขาก็กลัวว่าตระกูลของเขาจะตกเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน เขาจึงทำการเพิ่มยามให้มากขึ้นและในเวลาเดียวกันเขาก็จัดผู้คุ้มกันให้เฝ้าอยู่ภายในยุ้งฉาง
ยามทั้งสามกำลังนั่งกินกับแกล้มอยู่แต่พวกเขาไม่ได้ดื่ม
เทียนที่พวกเขาใช้ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้มันรั่วออกมาและเผาที่นี่
“น่าเบื่อ มันจะมีใครหน้าไหนกล้ามาปล้นตระกูลเหลียงของเรา เจ้าไม่คิดว่าการที่ท่านหัวหน้าตระกูลต้องการให้พวกเราปกป้องที่นี่เป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่างั้นเหรอ?”
“ใครจะรู้บางทีตระกูลเหลียงอาจจะตั้งใจทำแบบนั้นเองก็ได้ ไม่งั้นข้าวในยุ้งฉางของพวกเขาจะหายไปในชั่วข้ามคืนได้ยังไง?”
“หยุดคุยกันได้แล้ว เนื่องจากเราได้เงินมาเราก็ต้องทำงาน เดี๋ยวข้าขอนอนสักพัก หลังจากที่ข้าหลับไปแล้วพวกเจ้าสองคนก็ค่อยคุยกันต่อ”
ในตอนนั้นเองก็ได้มีมดตัวหนึ่งคลานขึ้นมาบนมือของยามคนนั้น
ยามไม่ได้สนใจมัน เขาตบมันก่อนที่จะโยนไปด้านข้างจากนั้นเขาก็หลับไปบนโต๊ะ
หลิน ฟานที่ควบคุมมดไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่งได้ แต่เขาสามารถรับรู้สถานการณ์ได้จากสัญญาณที่ถูกส่งกลับมา
“ตระกูลหยวนช่างฉลาดเสียจริง พวกเขาจัดให้มีคนเฝ้าข้างในยุ้งฉาง”
“แต่ถ้าคิดว่าทำแค่นี้แล้วจะหยุดข้าได้ก็ฝันไปเถอะ”
ดั่งนักล่าที่จะไม่เปลี่ยนเหยื่อของมัน
เขาเป็นคนที่ขโมยข้าว
ถ้าถามว่าเขากลัวไหม?
จะบอกอะไรให้แม้แต่เขายังกลัวตัวเองเลย