“ดูเหมือนว่ารุ่งอรุณได้มาเยือนแล้ว”
หลิน ฟานลืมตาขึ้น เขานั่งอยู่ที่เดิมตลอดทั้งคืนและแม้ว่าเขาจะไม่ได้นอน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด ดูเหมือนว่านี่คือสิ่งที่เขาจะได้รับหากการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับสูงขึ้น
เขาฉีกผ้าพันแผลออกและพบว่าผลมันออกมาตามที่เขาคาดไว้
แผลของเขาหายดีแล้ว
“นายน้อยท่านไม่ต้องการพักแล้วงั้นเหรอ?” โกวชินำกะละมังมาให้หลิน ฟานล้างหน้า
หลิน ฟานเช็ดหน้าของเขา “ไม่จำเป็นต้องพักเพราะข้าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
ณ ทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลหลิน
การแสดงออกของหัวหน้าตระกูลหยวนดูหน้าเกลียดถึงขีดสุด เขามีหยวน เทียนชูเดินตามมาข้างๆและใบหน้าของเขาก็เย็นชาด้วยเช่นกัน
“ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน ท่านลองมองดูสิ นี่มันผิดปกติมาก แล้วก็อย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้เจ้าหลิน ฟานมันเป็นผู้ร้ายอย่างแน่นอน เพราะนอกจากเขาแล้วมันก็ไม่มีใครน่าสงสัยอีก” เหลียง หยงฉี กล่าว
มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้
พวกเขาพบว่ายุ้งฉางของตระกูลหยวนถูกปล้นและของข้างในก็ถูกกวาดไปจนเกลี้ยง
เมื่อยามทั้งสามที่ทำหน้าที่ปกป้องตื่นขึ้น พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ายุ้งฉางที่พวกเขาดูแลว่างเปล่า เมื่อเห็นดังนั้นพวกเขาจึงหวาดกลัวมากจนวิ่งหนีและหายตัวไปจากเมือง
หากพวกเขากลับไปรายงานเรื่องนี้ผลที่ตามมาก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่
ท่านหัวหน้าตระกูลผู้เกรี้ยวกราดอาจจะสังหารพวกเขาทันทีที่ได้รับเรื่อง
ดังนั้นมันจึงเป็นยามที่เฝ้าข้างนอกที่เป็นคนไปรายงาน
พวกเขาเห็นยามทั้งสามคนที่เฝ้าอยู่ข้างในเปิดประตูออกมาและบอกว่าบ้านของพวกเขาไฟไหม้ และเมื่อพวกเขาเดินไปได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็ยิ้มออกมาและรีบวิ่งหนีไปทันที
พวกเขาหนีไปไวมากจนแม้แต่ม้าก็ยังไม่เร็วเท่าพวกเขา
จากนั้นพวกยามที่อยู่ด้านนอกก็เข้าไปในยุ้งฉางด้วยความสงสัย แต่ฉากตรงหน้าที่พวกเขาเห็นกลับทำให้พวกเขาตกใจจนล้มลงไปกับพื้น
ระหว่างทางพวกเขาล้มไปหลายครั้งขณะที่รีบไปรายงานเรื่องนี้
ซวยแล้ว!
ตอนแรกพวกเขาก็สงสัยว่าทำไมทั้งสามคนนั้นถึงวิ่งไปกันเร็วขนาดนั้น? ปรากฏว่าเป็นเพราะมันไม่มีข้าวเหลืออยู่แล้วนี่เอง! หรือเมื่อคืนพวกนั้นกลืนพวกมันไปหมดแล้ว?
ส่วนเหตุผลที่เหลียง หยงฉีมาอยู่กับหัวหน้าตระกูลหยวนก็น่าสนใจไม่น้อย
เหลียง หยงฉีมั่นใจมากว่าหลิน ฟานเป็นคนปล้นยุ้งฉางของตระกูลเหลียง
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้เรื่องที่มันจะเป็นฝีมือของตระกูลหยวนเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงส่งคนมาสังเกตการณ์ตระกูลหยวน แต่ท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่เขารู้ว่าตระกูลหยวนก็ตกเป็นเป้าหมายเหมือนกัน เขาจึงแทบรอไม่ไหวและมาที่ตระกูลหยวนในทันที
เขาตบหน้าอกของตัวเองและพูดว่าเนื่องจากตระกูลของเราทั้งคู่ต่างถูกปล้น แต่ตระกูลหลินกลับยังอยู่ดีซึ่งแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ปล้นยุ้งฉางมันจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอย่างแน่นอน
และตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะไปขอคำอธิบายเพื่อให้ตระกูลหลินยอมเปิดยุ้งฉางเพื่อทำการสืบสวน
“นายน้อยสามเรื่องนี้มันยังไม่ได้รับการยืนยัน ดังนั้นเจ้าอย่าพึ่งผลีผลามไป” แม้ว่าหัวหน้าตระกูลหยวนจะโกรธแต่เขาก็ไม่ได้ไร้สมอง กลับกันเหลียง หยงฉีใจร้อนเกินไปและพยายามยืนกรานว่าตระกูลหลินเป็นคนทำ
ที่เขาทำแบบนี้ไปเพราะเขาต้องการขัดแย้งกับตระกูลหลินจริงๆงั้นหรือ?
“ท่านพ่อสิ่งที่พี่เหลียงพูดก็ฟังดูมีเหตุผล” หยวน เทียนชูกล่าว
ความประทับใจที่เขามีต่อหลิน ฟานมันแย่มากมาตั้งแต่แรกแล้ว
เหลียง หยงฉีถูกหลิน ฟานทำให้อับอายมาหลายครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงมีศัตรูร่วมกันซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเหลียง หยงฉี
หัวหน้าตระกูหยวนมองไปที่ลูกชายของเขา ช่างโง่เขลาและไร้ซึ่งความคิดสิ้นดี
ภายในคฤหาสน์
“โกวชิเดี๋ยวเจ้าต้องทำความสะอาดที่นี่ด้วย เพราะบางทีมันอาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้” หลิน ฟานกินอาหารเช้าของเขาอย่างสบายๆ แต่ข้างในเขากำลังอารมณ์ดีอย่างมาก
โกวชิรู้สึกประทับใจในตัวนายน้อยของเขาจริงๆ
ในทุกๆวันท่านจะออกไปเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานโดยที่ท่านไม่ได้รังแกคนธรรมดา แต่ท่านจะกำหนดเป้าหมายเป็นตระกูลหยวนและเหลียงเท่านั้น
โชคดีที่ท่านหัวหน้าตระกูลแข็งแกร่งและสามารถจัดการทุกอย่างได้ มิฉะนั้นมันคงจะเกิดเรื่องใหญ่ไปแล้ว
“ขอรับนายน้อย”
โกวชิตั้งตาคอยเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องใหญ่ที่นายน้อยพูดถึงจะเป็นเรื่องใด
วันนี้ใครกันที่จะเป็นผู้โชคร้าย?
นอกจากนี้ยังมีมือสังหารที่น่ารำคาญคนนั้นอีก เขาสงสัยว่าชายคนนั้นอาจจะถูกส่งมาจากหนึ่งในสองตระกูลเพราะนายน้อยคอยสร้างปัญหาให้พวกเขา
ในตอนที่เขาออกจากลานบ้านเพราะต้องการออกไปนอกคฤหาสน์
ใครจะไปคิดละว่าเขาจะเจอเข้ากับหัวหน้าตระกูลหยวนและลูกชายของเขา อะ! ดูเหมือนว่าจะมีนายน้อยสามของตระกูลเหลียงติดสอยห้อยตามมาด้วย
“พวกท่านมาทำอะไรที่บ้านของข้าตั้งแต่อาทิตย์พึ่งขึ้นกัน?” หลิน ฟานยิ้มและถามออกมาตรงๆ
ทุกสิ่งระเบิดออกมาเมื่อศัตรูได้เจอกัน
แม้ว่าหลิน ฟานจะไม่ได้พูดอะไรมากนักแต่คะแนนความโกรธก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที
‘ความโกรธ +66’
โคตรน้อย ไม่จำเป็นต้องมองเขาก็สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นของเหลียง หยงฉี
แม้ว่าเขาจะถูกข้าทุบตีมาหลายครั้งแล้วแต่จิตใจของเขากลับยังไม่พังทลาย ต้องบอกเลยว่านายน้อยคนนี้ช่างหน้าหนานัก สงสัยเรื่องธรรมดาคงจะไม่สามารถทำลายเขาได้
เหลียง หยงฉีกำหมัดแน่นตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา
เจ้าสารเลว ข้าหวังว่าหลังจากนี้เจ้าจะยังสามารถแสดงแบบนี้ต่อไปได้
เขากล้าสาบานกับสวรรค์หรือแม้แต่กับพ่อของเขาเลยว่าเรื่องยุ้งฉางถูกปล้นจะต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอย่างแน่นอน หากไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็ยินดีที่จะให้พ่อของเขาถูกฟ้าผ่าตาย
หยวน เทียนชูหรี่ตาแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ภายในใจของเขากำลังลุกโชนไปด้วยความโกรธ
“ฟาน อย่าหยาบคาย” ในตอนนั้นเองหลิน วานยี่ก็เดินเข้ามา
เขาคิดว่ามันแปลก
ตระกูลหยวนและเหลียงจะมาที่คฤหาสน์ตระกูลหลินทำไม?
เขาไม่รู้เรื่องที่ยุ้งฉางตระกูลหยวนถูกปล้น
สาเหตุมันมาจากเพราะทันทีที่ยุ้งฉางของตระกูลหยวนถูกปล้น เหลียง หยงฉีก็รีบลากคนจากตระกูลหยวนมาหาตระกูลหลินทันทีเพื่อขอคำอธิบาย
“พี่หลินข้าขอโทษด้วยที่มารบกวนท่านตั้งแต่เช้า” หัวหน้าตระกูลหยวนป้องหมัด
“ไม่เป็นไร” ในใจลึกๆของหลิน วานยี่กำลังคิดว่ามันเกิดเอะไรขึ้น?
เป็นฝีมือของเจ้าเด็กไม่เอาไหนอีกแล้วงั้นหรือ?
ไม่น่าเป็นไปได้
เหลียง หยงฉีไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงพูดออกมาทันที “ท่านหัวหน้าตระกูลหลิน วันนี้ยุ้งฉางของตระกูลหยวนก็ถูกปล้นเช่นกัน และก็เหมือนกับตระกูลเหลียงของข้ามันไม่เหลือข้าวเลยแม้แต่เมล็ดเดียว”
หลิน วานยี่ตกตะลึง ว่าไงนะ?!
ยุ้งฉางของตระกูลหยวนถูกปล้น?
มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้ามีแค่ตระกูลเหลียงเท่านั้นที่ถูกปล้น แต่ตอนนี้แม้กระทั่งตระกูลหยวนก็ถูกปล้น
เขามองไปที่เจ้าเด็กไม่เอาไหนที่ยืนอยู่ด้านข้าง และเห็นว่าลูกของเขามีเพียงใบหน้าที่ไร้เดียงสาราวกับไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวข้องกับลูกของเขา
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ทำให้เขาสงสัยว่าเจ้าเด็กคนนี้อาจจะซ่อนวิธีการบางอย่างที่เขาไม่รู้เอาไว้
หลิน ฟานส่ายหัวและพูดออกมาด้วยความเสียใจ “อา~ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มันจะมีคนที่ทำดีเพื่อคนธรรมดาขนาดนี้อยู่ได้ยังไง อะ ไม่สิ ข้าผิดเอง ที่ถูกคือเขาช่างหยิ่งผยองนัก เขากระทำโดยไม่สนใจกฎหมาย แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการเอาขี้มาปาใส่หัวของหัวหน้าตระกูลหยวน และโยนกระดาษชำระใส่หน้าของท่านอีกที”
‘ความโกรธ +88’
‘ความโกรธ +222’
หยวน เทียนชูมองไปที่หลิน ฟานอย่างโกรธแค้น ไอเจ้าสารเลวนี่มันจะมากเกินไปแล้ว คำพูดของเขามันไม่ต่างจากการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง
“เจ้าหยุดเสแสร้งได้แล้ว!” เหลียง หยงฉีพูดออกมาด้วยความรังเกียจ
“นายน้อยสามแห่งตระกูลเหลียง เจ้าไม่คิดว่าที่เจ้าพูดมามันจะไม่มากเกินไปหน่อยงั้นรึ? แล้วคำพูดส่วนไหนของข้ากันที่เจ้าว่าเสแสร้ง? ข้าเพียงแค่เห็นอกเห็นใจกับสถานการณ์ของตระกูลหยวนก็เท่านั้นเอง”
“และถ้าหากเจ้าไม่สามารถแม้แต่จะพูดดีๆด้วยได้ ข้าก็ไม่อยากจะคุยกับเจ้าเหมือนกัน”
หลิน ฟานไม่ได้ไว้หน้าเหลียง หยงฉีเลยแม้แต่น้อย
เพื่อนคนนี้จะต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ สัตว์ประหลาดที่ชื่นชอบความอับอาย เพราะเขาชอบมาให้ข้าดูถูกเป็นประจำ
‘ความโกรธ +88’
เมื่อได้ยินดังนั้นเหลียง หยงฉีจึงโกรธมาก “ยุ้งฉางของตระกูลเหลียงและหยวนถูกปล้นแต่ไม่ใช่กับตระกูลหลินของเจ้า เจ้าไม่คิดว่าต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่างหน่อยเลยงั้นรึ?”
ตอนนี้หลิน วานยี่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเจ้าเด็กที่ชื่อเหลียง หยงฉีเลยแม้แต่น้อย
แต่เขากำลังคิดว่าวิธีการของเจ้าเด็กไม่เอาไหนนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน เพราะใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืนยุ้งฉางของตระกูลหยวนก็ถูกปล้น
แล้วเขาจะเอาข้าวจำนวนมากขนาดนั้นไปทำไม? หรือเขาจะเก็บมันไว้สำหรับฤดูหนาว?
ไม่ต้องถามว่าข้าแน่ใจได้ยังไง เพราะนอกจากเจ้าเด็กไม่เอาไหนแล้วมันจะมีใครอีกที่ทำเรื่องแบบนี้?
“ทำไมคำพูดของเจ้ามันฟังดูแปลกๆ? มันราวกับว่าเจ้ากำลังจะบอกว่าเราเป็นคนขโมยข้าวของเจ้าเลย?” หลิน ฟานกล่าว จากนั้นก็หันหน้าไปอีกทาง “ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน ข้าว่าท่านต้องระวังคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่จงใจยั่วยุท่าน ใครจะรู้บางทีมันอาจจะเป็นตระกูลเหลียงเองก็ได้ที่จงใจย้ายข้าวของตนเองออกและไปปล้นตระกูลของท่าน”
“และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขากำลังล่อให้ท่านงับเหยื่อที่เขาวางเอาไว้”
“ข้าว่าท่านต้องระวังให้ดี”
หลิน ฟานกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจและกระตุ้นเขาโดยกวนน้ำให้ขุ่นไปด้วย
“เจ้าสกุลหลินหยุดพูดจาไร้สาระและกล่าวหาผู้อื่นได้แล้ว!” เหลียง หยงฉีตะคอกออกมา
‘ความโกรธ +111’
เกินร้อยคะแนน
ในที่สุดคะแนนความโกรธของนายน้อยสามแห่งตระกูลเหลียงก็ทะลุร้อย
นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ