เหลียง หยงฉีก็ยังคงโง่เหมือนเดิม
แม้ว่าหลิน ฟานจะไม่ได้สนิทกับพ่อของเขามากนัก แต่เขาก็ยังรู้ว่าพวกระดับสูงในตระกูลหยวนและเหลียงกลัวพ่อของเขา
พวกเขาก็แค่ไม่ได้ยอมรับออกมาตรงๆก็เท่านั้น
กลับกันลูกของพวกเขายังเด็กเกินไปและยังไม่ได้รู้จักโลกภายนอกมากนัก
ใช่ เขากำลังพูดถึงเหลียง หยงฉีผู้ซึ่งไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาแม้กระทั่งตะโกนใส่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิน ช่างจองหองจริงๆ
“เหลียง หยงฉีจากตระกูลเหลียง ข้าว่าเจ้าควรจะอ่อนน้อมกว่านี้หน่อยนะ” หลิน ฟานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
เหลียง หยงฉีรู้สึกโกรธกับสิ่งที่หลิน ฟานพูด ถ้าพวกเขาอยู่ในที่ที่ไม่มีคนละก็ เขาสาบานเลยว่าจะทุบตีเจ้าสารเลวนี่จนแม้แต่พ่อแม่ของมันยังจำหน้ามันไม่ได้
หัวหน้าตระกูลหยวนกล่าว “พี่หลิน ข้าไม่ได้สงสัยตระกูลหลินของท่าน แต่ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเป้าหมายของหัวขโมยนั้นชัดเกินไปและบ่งบอกว่ามันเลือกเราโดยเจตนา”
หลิน วานยี่ยิ้ม “พี่หยวน เพียงแค่ท่านพูดความคิดของท่านออกมาไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อม ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นคนมีเหตุผล ถ้าสิ่งที่ท่านพูดสมเหตุสมผลข้าก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ” (TL: ในดิบต่างฝ่ายต่างเรียกกันว่าพี่นะครับ)
“ข้าเข้าใจแล้วขอบคุณพี่หลิน” หัวหน้าตระกูลหยวนป้องหมัด แม้ว่าหลังฉากเขาจะสู้และแข่งขันกับหลิน วานยี่อย่างลับๆ แต่เขาก็เชื่อว่าหลิน วานยี่จะไม่ทำอะไรลับหลังแบบนี้อย่างแน่นอน
“ท่านพ่อทำไมเราไม่ให้ท่านหัวหน้าตระกูลหยวนดูยุ้งฉางของเราละ บางทีเขาอาจจะเจอเบาะแสบางอย่างก็ได้” หลิน ฟานกล่าว
เหลียง หยงฉีพึมพำ “เบาะแส? ยุ้งฉางตระกูลเหลียงของข้าถูกปล้น ในตอนนั้นแม้แต่ท่านซูยังไม่พบอะไร เขาคิดว่าเขามีสามารถมากพอ?”
หลิน ฟานเหลือบมองเหลียง หยงฉี “เจ้ากลัวอะไรกัน? ข้าไม่ได้พูดว่าเราจะพบเบาะแสอย่างแน่นอน เราแค่จะไปดูด้วยกันเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเริ่มสงสัยแล้วสิว่าเจ้าเป็นคนทำรึเปล่า? จนถึงเมื่อสักครู่เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายุ้งฉางตระกูลหยวนถูกปล้น ในขณะที่เจ้าพบมันแทบจะในทันที ไม่ว่าจะมองมาจากมุมไหนข้าก็รู้สึกว่ามันก็แปลก”
หยวน เทียนชูมองไปที่เหลียง หยงฉีด้วยความตกตะลึง
จริงด้วย ในขณะที่คนอื่นยังไม่ทราบ แต่เหลียง หยงฉีกลับวิ่งเข้ามาและกล่าวทันทีว่ามันเป็นฝีมือของตระกูลหลินซึ่งมันแปลกเกินไป
‘ความโกรธ +111’
“เจ้าอย่าโยนความผิดให้ผู้อื่น” หน้าของเหลียง หยงฉีเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นเขาก็ป้องหมัดไปทางหัวหน้าตระกูลหยวน “ท่านหัวหน้าตระกุลหยวน ยุ้งฉางของตระกูลข้าก็ถูกปล้นเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าหัวขโมยอาจจะยังอยู่ในเมืองนี้ดังนั้นข้าเลยจัดคนมาสังเกตการณ์ และหลังจากที่ยุ้งฉางของตระกูลหยวนถูกปล้น คนที่ข้าจัดไว้ก็บังเอิญอยู่แถวนั้นพอดี ซึ่งนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมข้าถึงพบเรื่องนี้ทันที”
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิน ฟานจะร้ายกาจขนาดนี้
แท้จริงแล้วเขาต้องการให้ข้าจนมุมด้วยคำพูดของตนเอง
ช่างเป็นคนที่เจ้าเลห์อะไรเช่นนี้
“อา~ ยิ่งเจ้าแก้ตัวด้วยคำที่ดูเหมือนถูกบังคับมากเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งดูน่าสงสัยมากขึ้นเท่านั้น” หลิน ฟานกล่าว
เหลียง หยงฉีคำราม “หลิน ฟานเจ้าหยุดปรักปรำผู้อื่นได้แล้ว!”
‘ความโกรธ +233’
ปรากฏว่าเขายังมีความสามารถอยู่บ้างถึงได้ให้คะแนนถึง 233คะแนนจากการยั่วยุของเขา
หลิน วานยี่ไม่ได้คิดจะหยุดพวกเขาและทำเพียงแค่สังเกตการณ์เท่านั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างจู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนของเขาดีกว่าเจ้าเด็กตระกูลเหลียงคนนี้มาก
ลูกของเขารู้วิธีพูดและสามารถทำให้เหลียง หยงฉีโกรธมากจนแทบจะระเบิดออกมา
ทำไมที่ผ่านมาเขาถึงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้กันนะ?
หลิน ฟานกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ว่าเรื่องที่ข้าพูดมันจะจริงหรือไม่เราจะได้รู้กันเมื่อเราเข้าไปดู กลับกันเจ้าดูเหมือนว่าจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษที่จะผลักสิ่งต่างๆมาให้เป็นความรับผิดชอบของตระกูลหลิน อีกอย่างข้าก็คิดว่าการคุยกับคนเช่นเจ้านั้นยากนัก ดังนั้นท่านหัวหน้าตระกูลหยวนได้โปรดออกความเห็นด้วย”
แน่นอนว่าหัวหน้าตระกูลหยวนไม่กล้าฉีกหน้าหลิน วานยี่
“พี่หลินในเมื่อท่านมีประสบการณ์มากกว่าเรา ทำไมท่านไม่ไปดูยุ้งฉางของตระกูลข้าก่อนละ?”
หลิน วานยี่ไม่ได้ปฏิเสธ เขาอยากจะรู้นักว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนกำลังวางแผนอะไรอยู่
เพียงแค่คิดเขาก็สนุกแล้ว
เนื่องจากหลิน ฟานพูดซ้ำๆว่าอยากจะไปที่ยุ้งฉางของตระกูลหยวน
ดูจากความกระตือรือร้นของหลิน ฟานแล้ว เขาจะต้องมีแผนบางอย่างอยู่ในใจอย่างแน่นอน
ณ ยุ้งฉางตระกูลหยวน
กลุ่มของพวกเขาได้เดินทางมาถึง
ชาวบ้านมากมายมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อเฝ้าดูเมื่อรู้ว่ายุ้งของฉางตระกูลหยวนถูกปล้น
นี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดอีกตระกูลหนึ่งจึงถูกโจรปล้น? ใครมันกล้าขนาดนี้? ช่างน่ากลัวจริงๆ
“ท่านหัวหน้าตระกูล” ยามตัวสั่นขณะที่เปิดประตูให้หัวหน้าตระกูลของเขาเข้าไป
หลิน ฟานมองไปรอบๆและถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าหัวขโมยคนนี้จะใส่ใจกับรายละเอียดถึงขนาดที่แม้แต่ข้าวเมล็ดเดียวก็ไม่มีเหลือ ช่างเป็นคนที่ใส่ใจจริงๆ”
หลิน วานยี่มองไปยังลูกที่ไม่เอาไหนของเขา
เขากล้ายกย่องตนเองและพูดว่าเขาเป็นคนที่ใส่ใจกับรายละเอียด
หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขและตระกูลหลินตกเป็นผู้ร้าย มันจะเป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่
“พี่หลินดูจากสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าทั้งหมดจะถูกปล้นภายในคืนเดียว และยามทั้งสามก็หนีไปในตอนเช้าเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นว่าข้าวทั้งหมดได้หายไป เราไม่พบตัวพวกเขาอีกเลยหลังจากนั้น” หัวหน้าตระกูลหยวนกล่าว
“แน่นอนว่าพวกเขาต้องหนีอยู่แล้ว เพราะถ้าอยู่ก็คงจะตายอย่างแน่นอน” หลิน ฟานกล่าว
หลิน วานยี่กล่าว “เพื่อที่จะสามารถขโมยทั้งหมดได้ภายในคืนเดียว มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้”
หลิน ฟานที่กำลังแสร้งทำเป็นสืบสวน ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ใช่ มันก็ต้องไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้อยู่แล้ว
เพราะข้าเป็นคนทำมันเองยังไงละ
วิธีการของเขามันเป็นระดับตำนาน
หากมีการจัดอันดับของโจรแล้วละก็ เพียงแค่สองเรื่องล่าสุดที่เขาทำมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาติดสองอันดับแรก
เหลียง หยงฉีดึงหยวน เทียนชูไปด้านข้างและมองไปที่หลิน ฟานที่กำลังแสดงอยู่และพูดว่า “พี่หยวนข้าไม่ได้โกหกท่าน ยุ้งฉางถูกเขาปล้นจริงๆอย่าปล่อยให้การแสดงของเขามาหลอกท่าน”
“ในวันนั้นข้าอยู่ที่ศาลาเสาวธารเมามาย เขาได้เข้ามาบอกกับข้าเป็นการส่วนตัวว่าเขาเป็นคนปล้นยุ้งฉางของตระกูลข้า และเมื่อข้ามาลองคิดดูมันก็สมเหตุสมผล”
หยวน เทียนชูเชื่อในสิ่งที่เหลียง หยงฉีพูด
ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อใจแต่เพราะเขามีความขัดแย้งกับหลิน ฟาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลิน ฟานจะเป็นคนทำ สุดท้ายแล้วหากพวกเขาสามารถหาหลักฐานจนเจอหลิน ฟานก็จะไม่สามารถหลบหนีจากความจริงได้อีกต่อไป
“อ๊า!”
ทันใดนั้นเองหลิน ฟานที่กำลังคิดอะไรบางอย่างก็อุทานออกมาทันที “เร็วเข้า! มองไปทางนั้น! ดูเหมือนว่าจะมีเบาะแสอยู่ทางนี้!”
ทุกคนรีบเข้ามามุงดูทันที
มีมดตายอยู่ตรงนั้น เมื่อมองเข้าไปใกล้ขึ้นก็จะสังเกตเห็นว่ามดมันตายจากการถูกเหยียบ
“ก็แค่มด” เหลียง หยงฉีกล่าวเฉยเมย
หัวหน้าตระกูลหยวนขมวดคิ้ว เขาหยิบมดขึ้นมาแล้วมองมันใกล้ๆ
“อ๊า!”
ในตอนนั้นเองหลิน ฟานก็อุทานออกมาอีกครั้ง “ตรงนี้มันมีรูเล็กๆและเศษที่ดูเหมือนจะเป็นของข้าวอยู่ด้วย!”
ทุกคนมองตามเขาไปและเห็นว่ามันเป็นรูเล็กๆ และไม่ใช่ว่ามันจะแค่เล็กธรรมตาแต่มันเล็กมากจนยากจะสังเกตเห็น
หลิน วานยี่ทำตัวไม่ถูก เจ้าเด็กไม่เอาไหนนะ เจ้าเด็กไม่เอาไหน คำใบ้ของเจ้ามันเด่นเกินไป
คนอื่นที่อยู่ที่นี่มองไม่เห็นแต่เจ้ากลับเห็นมันได้ยังไง?
ถ้าจะแสดงก็เอาให้เนียนหน่อยไม่ได้รึไง?
“ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน มด ข้าวและรู ท่านนึกบางอย่างออกหรือไม่?” หลิน ฟานเงยหน้าขึ้นและถาม สีหน้าของเขาดูราวกับจะบอกว่าท่านสามารถคิดออกแน่แค่ต้องลองคิดดู
หัวหน้าตระกูลหยวนครุ่นคิดอยู่นานจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น “เป็นมดที่ขโมยข้าว”
“ถูกต้อง! มดเป็นคนขโมยข้าว วิธีของหัวขโมยช่างน่าทึ่งนัก ไม่แปลกใจเลยที่จะไม่มีคนสังเกตเห็น และแม้จะมีคนคอยเฝ้าที่นี่ก็ยากที่จะป้องกัน” หลิน ฟานกล่าว
“ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน ข้าขอน้ำหน่อยได้รึไม่?”
หัวหน้าตระกุลหยวนสั่งให้ยามไปนำน้ำมา
เหลียง หยงฉีและหยวน เทียนชูมองสิ่งที่หลิน ฟานกำลังจะทำและรู้สึกสับสน โดยเฉพาะเหลียง หยงฉีที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
เจ้าจะพูดอะไรอีก?
ยามนำน้ำเข้ามา
หลิน ฟานหยิบน้ำขึ้นมาและค่อยๆเอียงน้ำให้เขาไปในรูเล็กๆอย่างช้าๆ
ฟู่!
เมื่อน้ำไหลเข้าไปในรูบางครั้งก็จะมีฟองอากาศขึ้นมาเป็นบางครั้ง
“ตามข้ามา” หลิน ฟานเดินออกจากยุ้งฉางและมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของด้านนอก
ทุกคนไม่รู้เลยว่าเขาคิดกำลังจะทำอะไร
พวกเขาเห็นหลิน ฟานขอดาบจากยามและเริ่มขุดดินด้านนอก
ดินที่ขุดออกมามันเปียกซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันเชื่อมต่อกัน
เมื่อเห็นดังนั้นหลิน ฟานจึงกล่าวออกมาทันที “ดูสิ รูที่อยู่ด้านในมันเชื่อมต่อกับตรงนี้ ตอนนี้เราก็พิสูจน์ได้แล้วว่าข้าวมันถูกนำไปทางไหน”
“ท่านหัวหน้าตระกูลหยวนท่านมีแผนที่ของเมืองหรือไม่?”
“มี” หัวหน้าตระกูลหยวนตอบ
เขากางแผนที่ลงบนพื้น
หลิน ฟานนั่งยองๆและต้องการจะพูดต่อ แต่เขาก็เห็นว่าทุกคนกำลังยืนอยู่เขาจึงพูดออกไปว่า “ทำไมพวกท่านไม่นั่งแบบข้าละ ยืนแบบนั้นแล้วจะเห็นอะไรไหม?”
หัวหน้าตระกูลหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็นั่งตามเขา
หลิน ฟานชี้ไปที่แผนที่ “อย่างที่ทุกคนเห็น รูมันกระจายออกไปเป็นแนวโดยเอียง 45องศานับจากยุ้งฉางเป็นศูนย์กลาง”
“ดังนั้นเราจึงสามารถจำกัดขอบเขตของมันให้แคบลงได้โดยที่ให้มันอยู่ในรูปแบบพัด”
“มองตามนิ้วข้า”
เขาเหยียดนิ้วออกไปและวางมันลงบนแผนที่ก่อนที่จะเคลื่อนมันไปข้างหน้าและหยุดอยู่ตรงที่หนึ่งซึ่งก็คือยุ้งฉางของตระกูลเหลียง
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
“ดู นี่คือเส้นทางลำเลียงข้าว”
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็จงใจชี้ไปที่ยุ้งฉางตระกูลเหลียงอีกหลายครั้ง
ราวกับเขาจะบอกว่า พวกเจ้าเห็นไหมนี่คือยุ้งฉางของตระกูลเหลียง และมันก็น่าจะมีปัญหาบางอย่างดังนั้นเราไปดูกันเถอะ
“ดังนั้นเหลียง หยงฉี เจ้าอย่ามากล่าวหาตระกูลหลินของข้า เส้นทางที่ข้าวมุ่งหน้าไปนั้นไม่ใช่ตระกูลหลินของข้า ยิ่งไปกว่านั้นยุ้งฉางของเจ้าและตระกูลหยวนก็อยู่ในแนวเดียวกัน ถ้าหากเราอยากจะสงสัยใครอับดับแรกมันมันก็คงจะเป็นเจ้า”
“ข้าไม่อยากจะพูดเพราะข้าพูดมามากพอแล้ว และสิ่งนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าตระกูลหลินของข้าบริสุทธิ์”
“ท่านพ่อข้าว่าเราไปกันเถอะ”
หลิน ฟานโบกมือของเขา เขาพูดทุกอย่างที่ต้องการพูดไปหมดแล้ว และสิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือรอดูว่าหัวหน้าตระกูลหยวนจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อหรือไม่
ถ้าเรื่องเเค่นี้เขายังไม่เข้าใจเขาก็สมควรจะถูกปล้นแล้ว!