DTH ตอนที่ 57 เจ้าต้องการอะไร
หลิน วานยี่ขมวดคิ้ว ทําไมเจ้าเด็กไม่เอาไหนถึงมาที่นี่?
เรื่องนี้มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย
หากเขาอยากจะหาเรื่องสนุกทําเขาก็ควรจะไปที่อื่น
เพราะเรื่องนี้มันเป็นปัญหาระหว่างตระกูลเหลียงและหยวนเท่านั้น
ส่วนตัวเขานั้นถูกเชิญมาในฐานะผู้ตัดสินและเป็นพยานว่าเรื่องนี้จะจบยังไง
เหลียง หยงฉีหันมามองด้วยความโกรธ “หลิน ฟาน! มันเป็นเจ้า ใช่ไหม? ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายก็ยอมรับมันซะ!”
“ความโกรธ +88”
“อา ข้าเป็นคนทําเอง” หลิน ฟานพยักหน้าตอบ
เมื่อเหลียง หยงฉีได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก จากนั้นเขา ก็ชี้ไปทางหลิน ฟานพร้อมกับพูดว่า “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม! เขายอมรับด้วยตัวเองว่าเขาทํา! มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า! มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ!”
หลิน ฟานกล่าว “ข้าจะไปปฏิเสธเจ้าได้ยังไง? ก็ในเมื่อเจ้าถามว่าข้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ ข้าก็คิดว่าข้าเป็นลูกผู้ชายจริงๆ ข้าจึงตอบไปตามที่เจ้าขอ”
“เจ้า” นิ้วของเหลียง หยงฉีที่กําลังชี้ไปทางหลิน ฟานสั่นสะท้าน
“ฟานออกมานี่ ครั้งนี้มันเป็นเรื่องระหว่างตระกูลหยวนและเหลียง ดังนั้นอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขา” หลิน วานยี่กล่าว
เขามองไปที่หลิน ฟานและคิดว่าทําไมเขาถึงชอบพูดเรื่องไร้สาระอยู่เรื่อย?
หลิน ฟานมายืนอยู่ข้างพ่อของเขา “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ไปยุ่งเรื่องของพวกเขาสักหน่อย ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง”
“ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน จริงๆแล้วแม้แต่ข้าเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่านายน้อยสามจะทําเช่นนี้” หลิน ฟานกล่าว
เหลียง หยงฉีตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าไอสารเลวนี้จะพูดคํานั้นแทนเขา
แต่สิ่งที่หลิน ฟานพูดต่อไปมันยิ่งทําให้เขาโกรธมากขึ้น
“แต่ยังไงความจริงก็คือความจริง แม้ว่าข้าจะไม่เชื่อแต่มันก็เปล่าประโยชน์ ข้าทําได้เพียงแค่หวังว่านายน้อยสามจะรับรู้ถึงข้อผิดพลาดของตนเอง และไม่หลงผิดเข้าไปในเส้นทางของโจรอีก”
หลิน ฟานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ก็ยังแฝงความโศกเศร้าเอาไว้ ข้างใน
เขาทําตัวราวกับว่าสิ่งที่เหลียง หยงฉีทํามันเป็นเรื่องที่น่าปวดใจ
“ความโกรธ +123”
เหลียง หยงฉีมองไปที่หลิน ฟานและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เจ้ากําลังใส่ร้ายข้า! เจ้ากําลังใส่ร้ายข้า!”
หลิน ฟานส่ายหัวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ทําไมข้าต้องใส่ร้ายเจ้าด้วย? เจ้ามีอะไรให้ข้าใส่ร้ายกัน? แขนและข้าของเจ้าก็ยังอยู่ติดกับตัวของเจ้า ข้าจะไปควบคุมเจ้าให้ทําแบบนั้นได้ยังไง?”
“ช่างเป็นวิธีที่น่ารังเกียจนัก” ใบหน้าของเหลียง หยงฉีเปลี่ยนเป็นสีแดง…ขณะที่เขาคุกเข่าอยู่ที่เดิม
เขามั่นใจว่าต้องเป็นเจ้าสกุลหลินแน่นอนที่ใส่ร้ายเขา
ถ้าเขาไม่ใส่ข้าวเข้าไปในยุ้งฉางข้าก็จะไม่สังเกตเห็น และข้าก็จะไม่โลภ จากนั้นข้าก็จะไม่ถูกคนของข้าหวานล้อมและมีความคิดที่ผิดแปลก
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็เป็นเพราะเขา
“หุบปาก!” หัวหน้าตระกูลเหลียงตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็มองไปยังยามที่อยู่ไม่ไกล “ไปเอาไม้มา”
“ท่านพ่อ น้องสามแค่หลงผิดไปชั่วขณะเท่านั้น” เหลียง อี้ชูพยายามขอร้องแทนน้องสามของเขา เพราะเขาไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
การที่น้องชายของเขาถูกจับได้ว่าเป็นขโมย คนที่เสียใบหน้าไม่เพียงแต่เป็นเจ้าตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตระกูลเหลียงด้วย
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหลียง หยงฉีก็สามารถบอกได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาจะต้องถูกทุบตีอย่างหนักเป็นแน่
“ท่านพ่อได้โปรดเมตตาข้าด้วย! ทะ ท่านหัวหน้าตระกูลหยวนมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ! มันเป็นเพราะทหารยามคนนั้นต่างหากที่เป่าหูข้าและทําให้ข้าไขว้เขว” เหลียง หยงฉีร้องไห้และคร่ำครวญออกมา
ทหารยามอัจฉริยะคนเดิมกล่าว “ไม่! นายน้อยได้โปรดอย่าปรักปรําข้า! ข้าไม่เคยล่อลวงท่านเลยแม้แต่น้อย!”
เขาไม่สามารถแสดงความภักดีได้ขณะที่กําลังถูกตัดสิน
ถ้าเขาทําแบบนั้นจริงเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนโง่
จากนั้นท่านหัวหน้าตระกูลก็จะสังหารเขาและทําให้เขาเป็นแพะรับบาปของเรื่องนี้
เหลียง หยงฉีโกรธมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่ายามที่เขาคิดว่าเป็นอัจฉริยะจะปฏิเสธเขาทันทีแบบนี้ “เจ้ากล้าพูดได้ยังไงว่าเจ้าไม่ใช่คนที่ล่อลวงข้า?”
ทหารยามอัจฉริยะตะโกน “ท่านหัวหน้าตระกูล ได้โปรดฟังข้า ข้าไม่ได้ล่อลวงนายน้อย! ข้าอ่านหนังสือไม่ออกไม่เคยแม้แต่จะเรียน สิ่งเดียวที่ข้ามีคือกําลัง ดังนั้นข้าจะไปพูดอะไรที่มันสมเหตุสมผลได้อย่างไร?”
หลิน ฟานพยักหน้าและกล่าวว่า “คําพูดของทหารยามคนนั้นค่อนข้างมีเหตุผล นายน้อยเหลียงเขาได้เรียนและมีความรู้ทางทฤษฎีมากมาย แบบนี้เขาจะไปถูกหลอกโดยทหารยามที่ไม่มีแม้แต่การศึกษาได้อย่างไร?”
เหลียง หยงฉีตกตะลึงและต้องการอัดยามคนนั้นเดี๋ยวนี้
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้
ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เขาพูดตอนแรกมันสมเหตุสมผลไม่ใช่งั้นหรือ?
โอกาสจะมาพร้อมกับอันตราย? ใครเป็นคนพูดคําเหล่านี้? มันเป็นเจ้าไม่ใช่รียังไงทําไมถึงไม่ยอมรับละ?
หลังจากนั้นไม่นานทหารยามก็กลับมาพร้อมกับไม้
หัวหน้าตระกูลเหลียงจับไม้ในมือและเดินมาที่ด้านข้างของเหลียง หยงฉีโดยไม่รอให้คนอื่นพูดเขาเหวี่ยงไม้ลงไปทันที
อ๊าก!
เสียงกรีดร้องดังขึ้น
ไม้ถูกตีเข้าที่หลังของเหลียง หยงฉี เสียงของมันนั้นต่ำและหนักแน่น
เขาเห็นเหลียง หยงฉีล้มลงพร้อมกับนอนขดร่างอยู่กับพื้นเลือดที่หลังของเขาเริ่มไหลซึมออกมาย้อมเสื้อผ้าของเขาเป็นสีแดง
หลิน ฟานตกตะลึง การตีครั้งนี้ช่างโหดร้ายจริงๆ
ดูเหมือนว่าหัวหน้าตระกูลเหลียงจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก เพราะขนาดลูกชายแท้ๆของตนเองเขายังลงมือได้โดยไม่ลังเล แล้วถ้าเป็นศัตรูของเขาล่ะ มันจะไม่น่ากลัวยิ่งกว่านี้เหรอ?
เขาเบนสายตามองไปทางฝั่งตระกูลหยวน และพบว่าหัวหน้าตระกูลหยวนยังคงนิ่งสนิท เขาไม่แม้แต่กระพริบตา
มีเพียงปากของหยวน เทียนชูเท่านั้นที่กําลังกระตุกอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจกับการตีครั้งนี้
“เจ้าลูกไม่รักดีเจ้ากล้าทําเช่นนี้ได้อย่างไร! ตระกูลหยวนและเหลียงของเราเป็นพันธมิตรกันมาหลายปี แต่เจ้ากลับทําแบบนี้! ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!” หัวหน้าตระกูลเหลียงตะโกนจากนั้นก็ตีลงไปอีกครั้ง
ปัง!
สภาพของเหลียง หยงฉีตอนนี้ดูแย่มาก เขากอดร่างของเขาและกลิ้งไปมาบนพื้น
“ท่านพ่อได้โปรดเมตตาด้วย! ข้าสัญญาว่าหลังจากนี้ข้าจะไม่ทํามันอีกแล้ว!”
หลิน วานยี่ดื่มชาอย่างใจเย็น “ถ้าลูกชายเหลวไหลมันก็เป็นความผิดของพ่อที่ไม่สอนให้มากพอ ข้าเข้าความเจ็บปวดของพี่เหลียงดี”
“มีเพียงการลงโทษที่รุนแรงและเจ็บปวดเท่านั้นที่จะทําให้เขาจําได้ว่าอะไรควรไม่ควร”
หลิน ฟานมองลงไปที่พ่อของเขา เหตุใดคําพูดเมื่อสักครู่มันดูเหมือนไม่ได้มีไว้สําหรับผู้อื่นแต่เป็นสําหรับเขา?
“ท่านพ่อพูดถูก ข้าก็หวังเช่นกันว่าการลงโทษครั้งนี้ของหัวหน้าตระกูลเหลียงจะไม่ไร้ค่า”
“ความโกรธ +233”
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ได้คะแนนความโกรธมาจํานวนหนึ่ง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดให้มากความ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะได้มาจากใครมันก็เหมือนกัน
เหลียง หยงฉีไม่กล้าอาละวาดอีกต่อไป ความเจ็บปวดที่เขาได้รับมันเกินกว่าที่เขาจะทนไหว เขารู้สึกราวกับกระดูกของเขาแตกเป็นชิ้นๆ สิ่งเดียวที่เขาทําได้ในตอนนี้คือกลิ้งไปมาเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
“เจ้าลูกไม่รักดี เจ้ารู้ไหมว่าพี่หยวนเคยช่วยชีวิตของข้ามาก่อน? แต่ตอนนี้เจ้ากลับยื่นมือเข้าไปในที่ที่ไม่ควร มาดูกันว่าครั้งนี้ข้าจะฆ่าเจ้ายังไง!”
ปัง!
เขาฟาดลงไปอีกครั้งด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวหน้าตระกูลหยวนก็เริ่มหวนนึกถึงอดีต
ในตอนที่พวกเขาสองคนยังเด็กอยู่น่าจะประมาณหกถึงเจ็บขวบ พวกเขาได้เดินตระเวนไปทั่วเมือง ในตอนนั้นเองหัวหน้าตระกูลเหลียงก็สังเกตเห็นสุนัขตัวผู้ตัวหนึ่งกําลังมองตัวเมียอยู่จึงเกิดนึกสนุก และเตะมันเข้าไปเต็มๆ และผลของการไปรบกวนมันคือการที่พวกเขาโดนมันไล่ตามไปสองสามช่วงถนน
ในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นหัวหน้าตระกูลหยวนที่ต่อสู้กับมันและช่วยให้เขารอดมิฉะนั้นผลที่ตามมาจะกลายเป็นหายนะ
หัวหน้าตระกูลหยวนและเหลียงทั้งคู่ต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเมื่อพวกเขายังเด็ก แต่ทุกอย่างมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาโตขึ้น
เสียงร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหลียง หยงฉีตัวสั่นร่างของเขาอาบไปด้วยเลือด หากมันยังเป็นแบบนี้ต่อไปต่อให้เขาไม่ตายผิวหนังของเขาก็คงไม่เหลือแน่
“พอ! ปล่อยให้เรื่องมันจบแค่นี้” หัวหน้าตระกูลหยวนลุกขึ้น และเดินออกไป
หัวหน้าตระกูลเหลียงเดินตามเขาไปและป้องหมัดของเขา “พี่ หยวน ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
หลิน ฟานกระซิบ “ท่านพ่อทุกอย่างมันจบแล้วงั้นเหรอ?”
หลิน วานยี่ชําเลืองมอง “อะไร? เจ้าต้องการอะไรอีก?”