I Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 67 ฟังดูเข้าท่า
สิ่งนี้มันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
ทั้งๆที่แขนขาทั้งสี่ข้างถูกตัดขาด แต่มันกลับไม่ได้ร้องออกมา นอกจากนี้เลือดของมันยังเป็นสีดําอีกด้วย (TL: เชียงเหมาตัดขาทั้งสองไปด้วยครับแน่นอนว่าแก้ให้แล้ว)
หลิน ฟานไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่
กล่าวได้เพียงว่าสิ่งต่างๆในโลกนี้แปลกประหลาดกว่าที่เขาคาดไว้
มันมีสิ่งมีชีวิตอีกมายมายที่เขาไม่รู้จัก
ณ หมู่บ้านตระกูลหวัง
โกวชิรีบกลับไปแจ้งทหารยามว่านายน้อยและท่านอาจารย์ไล่ติดตามสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนั้นไป เขาในตอนนี้ไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาและรู้สึกกังวลมาก
ตัวเขานั้นใช้ความพยายามอย่างมากไปกับการฝึกฝนเพื่อปกป้องนายน้อยของเขา
แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามันเปล่าประโยชน์ราวกับว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อบ่มเพาะ
มีเงาสองร่างเข้ามาจากระยะไกล
“นายน้อย!” โกวชิตะโกนออกมาและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีแล้วที่พวกเขาปลอดภัย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ตัวเขาเองคงจะไม่สบายใจ
โจว เชียงเหมาโยนสิ่งมีชีวิตลึกลับลงบนพื้นและกล่าวออกมา “เอากลับไป”
ทหารยามรู้สึกหวาดกลัวเนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน
“พวกเจ้ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้นไปทําไม? จะไม่แบกมันไปงั้นหรือ?” โจว เชียงเหมาชําเลืองมอง ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนี้จะไม่ได้บ่มเบาะเลยในช่วงที่ผ่านมาทําให้เริ่มหย่อนยาน แล้วมันมีอะไรที่ต้องกลัวกัน? เพราะมันไม่มีอะไรเลยนอกเหนือจากความน่าเกลียดเล็กน้อย
เพื่อความปลอดภัย โจว เชียงเหมาจึงใช้กําลังภายในแบบพิเศษของวิชาฝ่ามือสลายเทียนกังเพื่อปิดผนึกแขนขาทั้งสี่ข้างของมันในขณะที่ปล่อยกําลังภายในเล็กน้อยเอาไว้ในร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่ขัดขืน
เมื่อชาวบ้านเห็นสิ่งที่น่ากลัวนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอยหนี
นี่คือสิ่งที่ทําให้หวัง ต้าเหอและภรรยาของเขาเสียชีวิต
อย่างที่คาดไว้มันไม่ใช่มนุษย์ แต่มันคือปีศาจอย่างแท้จริง
“ชาวบ้านที่รักทั้งหลาย ข้าจับตัวฆาตกรได้แล้ว ดังนั้นโปรดวางใจและฝังคนตายให้ดี หากในอนาคตพวกเจ้าเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีกอย่างลังเลและมาหาข้าได้ตลอดเวลา”
หลิน ฟานแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับไปเล่นกับสิ่งนี้เมื่อกลับไป
“ขอบคุณนายน้อยหลิน”
ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้ง ท่านได้จัดการอันตรายที่ซ่อนอยู่ให้แก่พวกเขา หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขพวกเขาก็คงไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ใครจะรู้ว่ารายต่อไปคือใคร
“เรากลับกันเถอะ”
หลิน ฟานนํากลุ่มคนของเขาจากไป ผลกําไรที่เขาได้ในครั้งนี้ค่อนข้างดีทีเดียว
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
อาวุโสวู่กลับมาเร็วกว่านายน้อยมาก
เมื่อโกวชิกลับมาแจ้งเขา เขาก็รู้สึกว่าสิ่งต่างๆมันไม่ถูกต้องจึงรีบมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตระกูลหวังทันที เพราะเขารู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรและมันก็ไม่ใช่สิ่งที่นายน้อยจะสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั้นพวกเขาก็พบว่าโจว เชียงเหมาและนายน้อยได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่นั้นไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่กลับเป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาแทน
ณ ห้องศึกษา
อาวุโสวู่เคาะประตูและเข้าไป หลิน วานยี่ที่กําลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“นายท่าน” อาวุโสวู่ต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุด เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
หลิน วานยี่วางหนังสือลงและถามอย่างสงสัย “มีอะไร?”
เขาถามอีกครั้ง
แต่เขาสังหรณ์ว่ามันจะต้องเลวร้าย
ที่ผ่านมาเมื่ออาวุโสวู่อยากจะพูดอะไรเขาก็จะพูดออกมาโดยไม่ลังเล
“มีคนเสียชีวิตในหมู่บ้านตระกูลหวังเมื่อเช้านี้” อาวุโสวู่กล่าว
เขาต้องการลดผลกระทบให้น้อยลงเพราะตัวเขาเองรู้สึกแย่ที่จะบอกความจริงทั้งหมดในครั้งเดียว
“ผู้ที่เสียชีวิตคือคู่สามีภรรยา นายน้อยและเชียงเหมาที่ทราบเรื่องจึงมุ่งหน้าไปตรวจสอบเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ได้เผชิญหน้ากับปีศาจหยิน”
หลิน วานยี่ขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้บอกเขารีว่าห้ามออกไปข้างนอก แล้วทําไมเขาถึงไม่ฟังกัน ช่างมันเถอะ ตั้งแต่ที่เขาเผชิญกับมันแล้วก็ลืมมันไปซะให้เขาได้ทรมานบ้างจะได้เป็นบทเรียนให้เขาได้เติบโต”
“นายท่าน…” อาวุโสวู่พบว่ามันยากที่จะพูด แต่เขาไม่มีทางเลือก “นายน้อยไม่ได้ประสบปัญหา แต่เป็นปีศาจหยินที่ถูกจับโดยแขนขาของมันถูกตัดโดยโจว เชียงเหมาและนายน้อย ตอนนี้มันก็น่าจะอยู่ที่ลานด้านหลังแล้ว”
“อะไรนะ?”
ติ้ง!
หลิน วานนี่ลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
“เจ้าพูดว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนและเชียงเหมาจับปีศาจหยินและนั่นแขนขามัน?”
หากไม่ใช่อาวุโสวู่ที่เป็นคนพูดเขาคงไม่เชื่อ
เพราะการที่จะจัดการกับปีศาจหยินได้นั้นต้องการเทคนิคบ่มเพาะแบบพิเศษ มิฉะนั้นจะไม่สามารถทําอะไรกับมันได้เลย
แน่นอนว่าปีศาจหยินมีจุดอ่อนอีกประการหนึ่งนั่นคือมันไม่สามารถปรากฏตัวในเวลากลางวันได้มิฉะนั้นมันจะสูญเสียพลังส่วนใหญ่ไป ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่พวกมันจะปรากฏตัวเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่กล่าวมามันก็ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นก็คือเจ้าเด็กไม่เอาไหนดันเอามันกลับมาด้วย
ตัวเขาเองรู้อยู่แล้วว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนชอบสร้างปัญหา แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องพึ่งความแข็งแกร่งและไม่จําเป็นต้องกังวลมากนัก
แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกของเขาจะสร้างปัญหาที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งในการจัดการแบบนี้
“ไปกันเถอะ”
หลิน วานยี่ต้องการจะไปดูหน้าเจ้าลูกชายไม่เอาไหนที่สร้างปัญหาให้เขา
ณ ลานด้านหลัง
ปีศาจหยินถูกใส่เอาไว้ในกระสอบโดยเหลือไว้เพียงส่วนหัวเท่านั้นที่โผล่ออกมาข้างนอก
หลิน ฟานใช้ตะหลิวที่หยิบมาจากในครัวตบหน้ามัน “เจ้าโกรธไหม? ข้ากําลังถามเจ้าว่าเจ้าโกรธไหม?”
เขาต้องใช้โอกาสนี้เพื่อรับคะแนนความโกรธ
ปีศาจหยินแสยะยิ้มเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมของมัน ถ้ามันอ้ากว้างกว่านี้เกรงว่ามันคงจะสามารถกลืนคนเข้าไปได้ทั้งตัว
“ความโกรธ +111”
น้อยไปหน่อย
เขาหวังว่าเขาจะได้มากกว่านี้
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีขีดจํากัดของคะแนนความโกรธที่สามารถให้ได้
ตั้งแต่เริ่มโกรธไปเป็นเริ่มชินและสุดท้ายก็จะเป็นเมินเฉยตามลําดับ
ภายใต้แสงอาทิตย์ ปีศาจหยินที่สูญเสียความแข็งแกร่งไปนั้นมองมาทางหลิน ฟานด้วยความโกรธ มันทําได้เพียงขบฟันเพื่อแสดงความโกรธของมันเท่านั้น
“ลูกพี่ลูกน้องระวังด้วย” โจว เชียงเหมาปกป้องเขาอยู่ข้างๆเผื่อในกรณีที่สิ่งนี้จะทําให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาบาดเจ็บ
สําหรับเขาแล้วเจ้าสิ่งนี้ยังคงอันตรายอยู่
หลิน ฟานนอนลงบนเก้าอี้ของเขาและใช้ตะหลิวในมือแกล้งปีศาจหยินจากนั้นก็ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ข้าแค่คิดว่าสิ่งนี้มันน่าสนใจเล็กน้อย แล้วทําไมตอนนี้มันถึงดูเหมือนอ่อนแอนัก? เป็นเพราะแสงอาทิตย์รึเปล่า?”
หากแสงอาทิตย์เป็นเหตุ งั้นก็แปลว่ามันแข็งแกร่งกว่าผีเล็กน้อย
เขาใช้ตะหลิวจิ้มไปที่หน้าของปีศาจหยิน เขาไม่ได้ต้องการจะฆ่ามันเพราะเพียงแค่แกล้งมันนิดหน่อยเขาก็ได้คะแนนความโกรธแล้ว
“ความโกรธ +123”
หลังจากที่เล่นกับมันไปได้สักพักคะแนนความโกรธจํานวนเล็กน้อยก็ปรากฏออกมา
แต่ไม่ว่ายุงมันจะตัวเล็กแค่ไหนมันก็ยังมีเนื้ออยู่ดี และอีกอย่างคือตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดนั้น
ส่วนคะแนนความโกรธของพ่อเขาก็ดูเหมือนว่าจะมาถึงจุดคอขวดแล้วด้วย เว้นแต่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจเกิดขึ้นอีกไม่งั้นมันก็คงจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก
“นายน้อย ท่านหัวหน้าตระกูลมาที่นี่” โกวชิกล่าว
ขณะที่หลิน ฟานกําลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่เขาก็เห็นพ่อของเขาพร้อมกับอาวุโสวู่เดินเข้ามา เขาจึงลุกขึ้นทันที “ท่านพ่อ ทําไมท่านถึงมาที่นี่?”
ทําไมข้าถึงมาที่นี่?
เป็นคําถามที่ดี
เขาไปก่อปัญหาข้างนอกโดยที่ข้าไม่รู้ แล้วตอนนี้ยังมีหน้ามาถามอีกว่าข้ามาที่นี่ทําไมทั้งๆที่รู้คําตอบอยู่แล้ว
เมื่อเห็นปีศาจหยินถูกใส่เอาไว้ในกระสอบแบบนี้ หลิน วานยี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี เพราะปีศาจหยินผู้นี้มีการบ่มเพาะอยู่ที่เส้นทางการต่อสู้ขั้น6 บวกกับความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของมันอีกจึงทําให้มันยากที่จะจัดการ
ส่วนตัวแล้วเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวยุ่งยากแบบนี้จะถูกจับโดยเจ้าเด็กไม่เอาไหน
แถมแขนขาทั้งสี่ข้างก็ยังถูกตัดไปอีก
เขาต้องการสร้างปัญหามากถึงขนาดไหนกัน?
แน่นอนว่าเมื่อเชียงเหมาอยู่ข้างๆสถานการณ์อาจจะต่างกันเล็กน้อย
ก่อนที่หลิน วานยจะทันได้พูดอะไร
หลิน ฟานก็ถามออกมาเสียก่อน “ท่านพ่อ ท่านรู้ไหมว่าสิ่งนี่มันคืออะไร? มันกล้าฆ่าคนในหมู่บ้านตระกูลหวัง ไม่ว่าอย่างไรที่นั่นก็เป็นอาณาเขตของเราและชาวบ้านก็ถือเป็นทรัพย์สินของตระกูลเราเช่นกัน และตอนนี้เราก็จับตัวการได้แล้วดังนั้นจึงถึงเวลาที่เราจะสอนบทเรียนให้กับมัน”
“แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าได้คิดวิธีการเอาไว้แล้ว ข้าจะทําให้มันได้รู้ซึ้งถึงผลของการทําให้เราขุ่นเคือง”
ไม่มีอะไรผิดปกติกับของเขา
หมู่บ้านตระกูลหวังอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหลิน และชาวบ้านก็ถือเป็นทรัพย์สินของพวกเขา
ตัวหลิน วานนี่มีหลายสิ่งที่อยากจะพูด แต่คําพูดของเจ้าเด็กไม่เอาไหนทําให้เขาพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี
เพราะทุกอย่างล้วนเป็นความจริง