ตอนที่ 73 บ้านของข้าไม่ใช่หอนางโลม
ผู้คนมักจะหวาดกลัวมากที่สุดเมื่ออยู่ๆรอบข้างก็เงียบลง
และนั่นก็คือสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
หยวน เทียนชูและหวัง หยุนเฟยต่างยืนตะลึงอยู่กับที่ โดยเฉพาะหยวน เทียนชูที่กำลังจะพังทลายจากการหยอกล้อของหลินฟาน
เจ้าเป็นปีศาจรึไง?
โจว เชียงเหมาทำตามแผนของลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาทำการยืนอยู่ข้างหน้าของพวกเขาและติดตามพวกเขาไปทุกๆที่
แม้ว่าหยวน เทียนชูจะเข้าห้องน้ำ เขาก็จะเปิดประตูและยืนหันหลังให้เขา
“ความโกรธ +123”
หยวน เทียนซูรู้สึกโกรธ นี่จะต้องจงใจอย่างแน่นอน
เขาอยากจะสาปแช่ง! แต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็สั่นไหว เขาจึงพยายามระงับมัน
การกระทำของหลินฟานนั้นแปลกเกินไป
เขาทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร?
หรือบางทีเขาอาจจะวางแผนไว้เบื้องหลัง?
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
และคิดได้ว่าหากเขาไม่สามารถระงับความโกรธที่มีต่อหลินฟาน และตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรง มันก็จะเกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขา และหลินฟานก็จะใช้ลูกพี่ลูกน้องของเขาเพื่อบดขยี้พวกเขา
ส่วนหวังหยุนเฟยก็คงจะต้องทุกทรมานไปด้วยเช่นกัน
ในท้ายที่สุดแล้วตระกูลหยวนของเขาก็จะถูกดึงเข้าไปอยู่ในศูนย์กลางของความขัดแย้งนี้ และไม่สามารถออกมาได้แม้ว่าจะต้องการก็ตาม
เพราะด้วยสถานะของตระกูลหวัง พวกเขาจะไม่ยอมแน่หากนายน้อยของพวกเขาถูกทำร้าย พวกเขาอาจจะประกาศสงครามกับตระกูลหลิน และตระกูลหยวนจะต้องยืนหยัดอยู่ข้างตระกูลหวัง
อย่างไรก็ตามตระกูลหยวนเป็นตระกูลขุนนางของเมืองหยูฉาง
มันมีกฏที่ว่าตระกูลใหญ่ทั้งสามจะไม่ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซง หากตระกูลหยวน เลือกที่จะยืนอยู่ข้างตระกูลหวังมันจะเป็นการทำลายสมดุล ดังนั้นตระกูลเหลียงจะต้องก้าวออกมาต่อต้านพวกเขาอย่างแน่นอน
เขาหวาดกลัวเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ช่างโหดร้ายเสียจริง
ทันใดนั้นหยวน เทียนชูก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมาขณะที่รีบดึงหวังหยุนเฟยออกไป
แม่งเอ๊ย!
ข้าเกือบจะตกหลุมพลางของเขา
หลิน ฟานสับสน เขาเห็นเพียงใบหน้าของหยวน เทียนชูมืดลงและคิดว่าเขาคงจะระเบิดความโกรธและตะโกนออกมาดังๆแน่ ขณะที่ส่งความโกรธมาทางเขา แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหยวนเทียนชูจะดึงหวังหยุนเฟยและหนีไปรวดเร็วอย่างนั้น?
เขาไม่ได้ให้โอกาสข้าเลย
การหาเรื่องผู้อื่นเดี๋ยวนี้มันยากขนาดนี้เลยงั้นหรือ?
และก็ธรรมดาที่เขาจะตามติดหยวน เทียนชูไปทุกที่ แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าหยวน เทียนชูจะพาหวัง หยุนเฟยกลับคฤหาสน์ตระกูลหยวนโดยตรงส่งผลให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้
“ลูกพี่ลูกน้อง พวกเขาเข้าบ้านไปแล้ว” โจวเชียงเหมากล่าว
มันทำให้พวกเขาตามเข้าไปข้างในไม่ได้
เมื่อหยวน เทียนชูกลับมาที่คฤหาสน์ เขาก็สั่งยามทันที่ว่าหากนายน้อยหลินมาพวกเขาจะต้องหยุดเขาและอย่าให้เขาเข้ามาได้เป็นอันขาด
ราวกับจะสื่อว่า ข้ากลัวเขาดังนั้นอย่าให้เขาเข้ามา
“เฮ้อ น่าเบื่อ” หลิน ฟานส่ายหัวและถอนหายใจ มันยากมากกว่าที่เขาจะเจอเรื่องสนุก แต่น่าเสียดายที่มันจบลงอย่างรวดเร็ว
เมืองหยูฉางมันเล็กเกินไป
ตระกูลชนชั้นสูงก็มีอยู่ไม่มาก
มันจะดีกว่านี้หากมีตระกูลชนชั้นสูงมากกว่าหนึ่งโหลเพราะเขาจะได้ผลัดกันเล่นกับพวกเขาทุกวัน
ส่วนเหลียง หยงนี่ตอนนี้เขาอาจจะต้องนอนพักอยู่ที่บ้านสักระยะเพื่อรักษาตัวก่อนที่จะสามารถออกมาข้างนอกได้
“กลับกันเถอะ”
เมื่อไม่มีอะไรทำ เขาจึงทำได้เพียงแค่กลับบ้าน
คฤหาสน์ตระกูลหลิน ณ ลานด้านหลัง
หลิน ฟานกำลังนอนบนเก้าอี้พร้อมกับกินผลไม้ ขณะที่เหลือบมองไปทางปีศาจหยินเป็นครั้งคราว
เพียงแค่สองวันนับจากวันที่เขาจับมันมาสุดท้ายแล้วมันก็จบลงในสภาพนี้ ร่างของมันพิการไปครึ่งตัว
แต่เขาคิดว่ามันยังมีประโยชน์อยู่เขาจึงไม่ได้ทิ้งมันไป
และเมื่อเขาดูข้อมูลในระบบสนับสนุนขนาดเล็กแล้วก็พบว่ามัน ไม่เลวเลยทีเดียว
ร่างกาย : 120 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่)
กำลังภายใน : 120 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่)
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นสอง)
เทคนิคเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (กลับสู่ความจริง) เทคนิคควบคุมแมลง (พื้นฐาน) กายราชันที่มิอาจสั่นคลอน (ยังไม่ได้เรียน) หัตถ์เศษหยกรวมศูนย์ (ยังไม่ได้เรียน) ทักษะดาบสายฟ้าสี่รูปแบบ (รอบรู้)
คะแนนความโกรธ : 5,863
ด้วยความช่วยเหลือของระบบสนับสนุนขนาดเล็กทำให้การบ่มเพาะของเขาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาต้องทำก็มีแค่เพิ่มคะแนนลงไปเมื่อเขาเบื่อและเพลิดเพลินไปกับมัน
เขาเพิ่มคะแนนลงไปที่กำลังภายในจนกระทั่งมันถึง150
เส้นทางการต่อสู้ขั้นห้า
เมื่อเขามองเข้าไปในร่างกายก็พบว่ากำลังภายในของเขาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้มากนัก
เพราะเดิมที่แล้วเขาก็ไม่ได้อยากจะบ่มเพาะและต้องการเพียงใช้ชีวิตดั่งเช่นนายน้อยกิน นอน และรอความตายก็เท่านั้น แต่เขากลับถูกบังคับโดยถ้าเขาไม่ฝึกเขาก็จะไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท
ในเมื่อมันมีคนคอยสร้างปัญหาให้เขาแบบนี้แล้วเขาจะทำอะไร ได้อีก?
เขาทำการเพิ่มคะเนนให้กับคัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจนี้ไม่ได้เลวร้าย เขารู้สึกว่าหลังจากที่เขาฝึกมันกำลังภายในของเขาก็ยิ่งมีพลังทำลายมากขึ้น
เขาทำการเพิ่มเข้าไป 1,000 คะแนนทันที
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นสาม)
ขั้นสองและขั้นสามใช้คะแนนความโกรธเท่ากัน นี่เป็นเพราะมันยากที่จะเรียนรู้ แต่ง่ายต่อการบ่มเพาะรีไม่?
กำลังภายในสีม่วงซึ่งเป็นกำลังภายในแบบพิเศษของคัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญแข็งแกร่งขึ้นมาก
“ลูกพี่ลูกน้อง ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าอยู่ดีๆท่านก็แข็งแกร่งขึ้น?” โจวเชียงเหมาถาม
เขารู้สึกได้ แถมยังสังเกตเห็นหมอกสีม่วงกระพริบอยู่ระหว่างคิ้วของลูกพี่ลูกน้องอีกด้วย และเขาก็มั่นใจมากว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป
หลินฟานยิ้ม “ไม่นิ ข้าว่าเจ้าน่าจะเข้าใจผิดมากกว่า”
โจวเชียงเหมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
เพราะเขาก็มั่นใจมากว่าเขาเห็นมัน
เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเขาพลาดตรงไหนกัน?
เขาส่ายหัว และคิดว่าเนื่องจากลูกพี่ลูกน้องบอกว่าเขาเข้าใจผิดเขาก็ต้องเข้าใจผิด
ณ คฤหาสน์ตระกูลหยวน
“วันนี้เจ้ากับนายน้อยหวังเป็นอย่างไรบ้าง?” หัวหน้าตระกูลหยวนถาม
นับตั้งแต่ที่นายน้อยหวังมาเยือนเมืองหยูฉาง มันจึงเป็นธรรมดา ที่พวกเขาจะต้องดูแลเขาอย่างดี
เหตุเพราะธุรกิจบางส่วนของตระกูลหยวนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหวัง และเมืองหลงมันก็ไม่ใช่ดินแดนของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าไปที่นั่นได้ และทำได้เพียงพึ่งพาตระกูลหวังและรักษาความสัมพันธ์อันดีนี้เอาไว้
หยวน เทียนชูรู้สึกโกรธมากเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ “ท่านพ่อ อย่าพูดถึงมันเลย เพราะวันนี้ข้าบังเอิญไปเจอเข้ากับเจ้าขยะจากตระกูลหลิน แถมมันยังกำหนดเป้าหมายมาที่ข้าอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกลับมาเร็วขนาดนี้”
เมื่อพูดถึงหลิน ฟานไม่ว่าตระกูลเหลียงหรือหยวนต่างก็ต้องปวดหัว เพราะเขาทำตัวราวกับสุนัขที่สุมกัดผู้คน
มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน? ทำไมเขาถึงทำตัวน่ารังเกียจขนาดนี้?
“ท่านพ่อ ข้าว่าเขาต้องปวยแน่ เขาปล่อยให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาแบกคนที่ถูกตัดแขนขาทั้งสี่ข้างออกเพียงเพื่อเผชิญหน้ากับเรา มันทำให้นายน้อยหวังรู้สึกรังเกียจรวมถึงข้าด้วยเช่นกัน”
“แถมเขายังตามเราไปทุกๆที่ที่เราไป”
หยวน เทียนชูยังคงพูดต่อไปโดยอธิบายว่าหลิน ฟานนั้นชั่วร้ายแค่ไหน
การแสดงออกของหัวหน้าตระกูลหยวนยิ่งได้ฟังก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น
เจ้าเด็กตระกูลหลินนั่นเห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้เห็นตระกูลหยวนของเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ขนาดตระกูลหยวนของพวกเขากำลังต้อนรับแขกคนสำคัญ มันก็ยังมีหน้ามาสร้างปัญหาอีก แล้วถ้าหากมันเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆใครมันจะรับผิดชอบ
“แล้วนายน้อยหวังไม่เป็นอะไรใช้ไหม?” หัวหน้าตระกูลหยวนถาม
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ลานด้านหลัง ข้าได้เชิญบุตรสาวของพ่อค้าบางคนให้มาอยู่กับเขาเพื่อให้เขาได้ผ่อนคลาย” หยวนเทียนชูกล่าว
สำหรับพวกพ่อค้าในเมืองหยูฉาง พวกเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกสาวของพวกเขาจะได้บริการนายน้อยจากตระกูลหวัง พวกเขารู้สึกว่าตนโชคดีจริงๆ
เพราะหากลูกสาวของพวกเขาเป็นที่โปรดปรานขึ้นมา แม้จะได้เป็นแค่นางบำเรอ มันก็เปรียบได้กับนกที่อยู่ดีๆก็ได้กลายเป็นฟีนิกซ์
ได้กลายเป็นที่ได้กลายเป็นนายน้อยจากตระกูลยื่นมือเข้าไปที่นั้นได้
พ่อค้าอย่างพวกเขานั้นร่ำรวย แต่ไม่มีอำนาจ
แม้ว่าพวกเขาจะดูมีชีวิตที่ดี แต่ความจริงแล้วโอกาสที่พวกเขาจะถูกทำร้ายนั้นมีสูงมาก และบ่อยครั้งที่กิจการของพวกเขาจะถูกปล้นจนล้มละลาย
อย่างไรก็ตามในมุมมองของหยวน เทียนชู นายน้อยหวังผู้นี้เป็นผู้มักมากในกาม เขาต้องการหญิงสาวเจ็ดถึงแปดคน คิดดูสิว่าเขามีตัณหามากเพียงใด
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขาเรามักจะคิดว่าเขาต้องเป็นสุภาพบุรุษแน่
แต่ทุกครั้งที่เขาไปที่ลานด้านหลังเพื่อดู หยวน เทียนชูก็จะรู้สึกราวอยู่ในหอนางโลม
เขารู้สึกว่าจู่ๆตระกูลหยวนของเขาก็กลายเป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยูฉาง
และก็เป็นที่แน่นอนว่าหยวน เทียนชุมักจะต้องสะกดจิตตัวเองว่าบ้านของเขาไม่ใช่หอนางโลม