EP 101 ฉันพบยานอวกาศ
By loop
** เนื่องจาก ตอนรับการขึ้นตอนที่ 101 ตอนนี้จะเปิดให้อ่านฟรีนะครับ เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการติดตามสำหรับผู้อ่าน **
สามารถไปกดติดตามได้ที่ เพส “แปลเอามัน” ได้เลยนะครับ ในช่องทาง Facebook
หลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองถึงสามครั้งเฉินจินก็เริ่มใจเย็นลงและดูผ่อนคลายมากขึ้น ความตื่นเต้นของเขาเริ่มหายไป ตอนนี้เขากลับมาสู่สภาพปกติแล้ว
ตอนนี้เฉินจินได้กลายเป็นผู้ครอบครองขีปนาวุธอันทรงพลังอย่างระเบิดนิวเคลียร์อีกทั้งมันยังมีจำนวนตั้ง 100 ลูก
มันจึงเกิดคำถามขึ้นมาในใจของเฉินจินว่า ตอนนี้เขาเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในดวงดาวแห่งนี้แล้ว และเขาต้องกลัวอะไรอีก? และทำไมต้องกลัวพวกผู้รอดชีวิติที่จะมาเป็นเสี้ยนหนามของเขา? ความบ้าคลั่งในอำนาจของเฉินจินแสดงออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เฉินจินจะแสดงสิ่งเหล่านี้ออกมาเพราะ เฉินจินยังมีความคิดลึกๆอยู่ว่าเขาไม่มั่นใจในเรื่องของสิทธิในการเป็นเจ้าของดวงดาวไฮเออร์แอลฟาดวงนี้อยู่ในตอนนี้ เพราะว่าท้ายที่สุดถ้าเป็นคุณเองที่ได้เผชิญหน้ากับทองคำหลายพันตันเทคโนโลยีชั้นสูงนับไม่ถ้วนทุกอย่างคุณเองจะสามารถรักษาความสงบในจิตใจได้มากแค่ไหน เพราะความกระหายในอำนาจและความโลภจะค่อยๆก่อตัวขึ้นแต่คุณเองก็ยังไม่ได้พบศัตรูที่แน่นอนที่ซ้อนอยู่ในมุมใดมุนหนึ่งของดวงดาวดวงนี้ …
แน่นอนว่าใครก็ตามที่ได้สัมผัสเหมือนกับสิ่งที่เฉินจินสัมผัสก็คงไม่แปลกที่เขาจะแสดงความบ้าคลั่งเช่นนี้ออกมาก อย่างไรก็ตามเฉินจินพยายามรักษาความเป็นตัวเองของเขาไว้ให้มากที่สุด นั่นหมายความว่าหัวใจของเขาแข็งแกร่งพอที่จะทนต่อความวุ่นวายทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ในทันที ตอนนี้เขาได้หลุดออกจากความโลภภายในใจและการกระหายอำนาจที่ก่อตัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งพยายามฟื้นสมดุลทางความคิดของเขา นั่นหมายความว่าตอนนี้เฉินจินได้ก้าวข้ามสิ่งที่เหนือกว่าในระดับจิตใจแล้ว
จะไม่มีสิ่งใดที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ของเขาให้เกิดขึ้นเหมือนเหตุการณ์นี้อีกต่อไป
…
อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ยังคงสำรวจพื้นที่ต่อไป ยานส่วนหนึ่งของทีมสำรวจมุ่งหน้าลงใต้ผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังทวีปแบล๊กแมนบ้า เป็นทวีปอีกฝากหนึ่งของทะเลแห่งนี้ อย่างไรก็ตามมันใช้เวลาราวๆครึ่งวัน ยานทั้ง 12 ลำที่มุ่งหน้าไปทางใต้ของทวีปแบล๊กแมมบ้า หลังจากไปถึงทวีปนั้นยานทุกลำก็ได้เดินทางย้อนกลับในทันที
เหตุผลเพราะว่าไม่มีประโยชน์ที่จะสำรวจที่แห่งนั้น เพราะมันเป็นทะเลทรายไปทั้งหมดแล้ว แผ่นดินใหญ่ของทวีปแบล๊กแมมบ้าน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 30,000,000 ตารางกิโลเมตรทั้งหมดครอบคลุมด้วยทะเลทราย มันคล้ายกับพื้นผิวของดาวอังคาร ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้แม้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตผิวสีเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน พวกเขาก็ไม่คงไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเฉินจินแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขาเลย มันเหมือนกับการค้นหาสัตว์ป่าสองสามตัวที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่ไม่ได้อันตรายอะไร
ก่อนที่สงครามทำลายล้างจะปะทุขึ้นการทวีปแบล๊คแมมบ้านเองก็เป็นแผ่นดินใหญ่แต่ไม่ได้มีความเจริญอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ประชากรบนแผ่นดินทวีปนี้ยังปกครองในระบบชนเผ่า มาตรฐานของงเทคโนโลยีนั้นค่อนข้างล่าสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วราวกับว่ามมีสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างชิ้นเชิงมาอยู่บนดาวดวงเดียวกัน มันจึงไม่จำเป็นต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมใดๆอีกในทีแบล๊กแมมบ้า
ในทางตรงกันข้ามมันอยู่ในจักรวรรดิแดงทางด้านตะวันออกของทวีปยูโรปาซึ่งการยานสำรวจ UAV ได้ไปถึงนั้นพบเจอกับสิ่งที่น่าสนใจมากมายมากมาย จักรวรรดิแดงที่มีอาณาเขตกว้างกว่า 20,000,000 ตารางกิโลเมตรนั้นมันไม่สามารถทำลายกันง่ายๆด้วยระเบิดนิวเคลียร์เพียงไม่กี่ร้อยลูก ยิ่งไปกว่านั้นจักรวรรดิแดงมีกองทัพที่เข้มแข็ง เทคโนโลยีของทหารได้รับการพัฒนาอย่างมาก ถึงแม้ว่าศัตรูจะมีการเตรียมการที่เหมาะสม แต่ระเบิดนิวเคลียร์ที่ลงสู่พื้นแผ่นดินของจักรวรรดินั้นมีแค่เพียง 300 ลูกเท่านั้นส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ถูกสกัดกั้นได้สำเร็จ
มีประชากรประมาณ 70% เท่านั้นที่ถูกทำลาย เมืองอื่น ๆ ทั้งหมดนั้นไม่ได้ถูกแตะต้องเลย…ท่ามกลางเมืองที่มีอุตสาหกรรมหนักมากมาย พวกมันทั้งหมดถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพดั้งเดิมและดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
ในเมืองแห่งนี้คงจะเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมที่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวได้ทุกวัน:
เขาพบเมืองทำเหล็กอู่ต่อเรือ โรงงานผลิตถัง เมืองผลิตขีปนาวุธ เมืองอุตสาหกรรมน้ำมันเมือง มอเตอร์ที่สามารถนำมาใช้ในการผลิตมอเตอร์ของเครื่องบินต่าง ๆ และการผลิตนิวเคลียร์ โรงงานที่มี AI ที่มีหน่วยการประมวลผลที่มีความแม่นยำสูงซึ่งสามารถใช้ในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ที่มีพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ทีมสำรวจยังพบเมืองอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ซิลิคอนเป็นวัตถุดิบหลัก ชิปซีพียูที่ผลิตขึ้นใช้เทคโนโลยีการประมวลผลห้านาโนเมตรขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตอนุภาคและโรงงานจัดเก็บอนุภาคภายในเมือง
อาจกล่าวได้ว่าในสภาพแวดล้อมของจักรวรรดิแดงเฉินจินสามารถค้นพบระบบอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ แต่มันไม่ได้มีคุณค่าในทางปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมันล้าสมัยไปแล้ว ระบบอุตสาหกรรมของจักรวรรดิแดงนั้นค่อนข้างล้าสมัยไปแล้ว ล้าหลังประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างน้อย 50 ปี พวกมันไม่ได้ใช้กระบวนการผลิตในการใช้แกรฟีนเป็นสารกึ่งตัวนำ ไม่มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้อุปกรณ์การผลิตในโรงงานยังคงใช้วิธีการทำงานแบบดั้งเดิมเป็นหลัก แทบจะไม่มีโรงงานผลิตแคปซูลไม่มีสายการประกอบที่ชาญฉลาด… มันล้าหลังอุตสาหกรรมของเมืองโอนิมอยู่มากอาจแตกต่างกันอยู่ราวๆหนึ่งศตวรรษได้เลย
มีสองสาเหตุด้วยกัน: หนึ่งคือเทคโนโลยีขั้นสูงของโอนิ ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี สองเกิดจากระบบการบริหารงานของจักรวรรดิแดงเอง เมื่อสายการประกอบที่ชาญฉลาดและAI ได้ถูกเข้ามาในระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มันช่วยจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ก็เพิ่มอัตราการว่างงานของประเทศขึ้นไปด้วย ภาระของระบบสวัสดิการจะเพิ่มขึ้นและเสภียรภาพของอำนาจในการปกครองประเทศก็จะเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้
“ แต่โดยรวมแล้วระดับเทคโนโลยีของจักรวรรดิ์แดง นั้นล้ำหน้ากว่าประเทศอเมริกาของโลกประมาณ 10 ถึง 20 ปี เพื่อที่จะต้านทานความได้เปรียบทางเทคโนโลยีของประเทศโอนิ ประเทศนี้จึงมีอุตสาหกรรมทางทหารที่พัฒนามาอย่างดี มีกองกำลังขนาดใหญ่ของกองทัพอยู่เสมอในโหมดสแตนด์บายตลอดเวลา ความมั่นคงของระบอบการปกครองนั้นอยู่ในระดับมาตรฐานเท่าเท่านั้น ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ประเทศนี้จะชูเรื่องความแข็งแกร่งด้านทหารเพื่อปิดปังความเบาะบางในระบบการเมือง “
เพราะประเทศต้องเผชิญกับช่องว่างทางเทคโนโลยีที่ห่างกันมากกว่า 50 ปี ไม่น่าแปลกที่จักรวรรคดิ์แดงทุ่มทุนให้กับกองกำลังนิวเคลียร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพบระบบอุตสาหกรรมทั้งหมดในจักรวรรดิแดง แต่เฉินจินก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะท้ายที่สุดเฉินจินเองก็มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าอยู่ในมือของเขาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเขายังคงต้องคิดหาวิธีขนส่งอุปกรณ์ความแม่นยำสูงที่ใช้ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์กลับมายังฐานบัญชาการ เพราะ ฐานต้องการความสามารถในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ สิ่งนี้จะมีประโยชน์มากกว่าการมีกองทหารหุ่นยนตร์หนึ่งล้านตัว
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เองก็ก็มีมูลค่าและอยู่ในตัวเลือกพิจารณาในครั้งนี้เช่นกัน เขาสามารถนำมันกลับไปที่ฐานเพื่อให้อลิซนำไปวิเคราะห์และค้นคว้าเกี่ยวกับมัน นอกจากนี้การทีมสำรวจของ UAV เองก็พบพื้นที่สำคัญทางตะวันออกจักรวรรดิ์แดง
ทีมสำรวจพบกับเมืองแห่งดาวเทียม ไม่เพียง แต่มีโรงงานผลิตดาวเทียมภายในเมืองเท่านั้น แต่ยังมีโรงงานผลิตจรวดอีกด้วย ในโรงงานผลิตดาวเทียมทีมสำรวจพบดาวเทียมมากกว่า 80 ดวงที่ถูกสร้างเสร็จแล้วโดยทั้80 ดวงนั้นมีการใช้เพื่อการสื่อสาร, เลนส์, เรดาร์, การวางตำแหน่ง ฯลฯ ในโรงงานผลิตจรวดหุ่นยนต์พบจรวดอวกาศมากกว่า 20 ลำที่มีขนาดต่างกัน
สิ่งที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นคือสิ่งที่ทีสำรวจ UAV สามารถหาได้หลังจากใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ในการสำรวจสภาพแวดล้อมของจักรวรรดิแดง ความคุ้มค่าที่ได้รับนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ อย่างน้อยที่สุดมันก็เท่ากับมากกว่า 10 เท่าหรือมากกว่านั้นสาธารณรัฐโมเลนดูโอ และดูเหมือนว่าน่าจะของอย่างอื่นที่สามารถพบได้ในจักรวรรดิแดงที่มีอาณาเขตมากกว่า 20,000,000 ตารางกิโลเมตรอีก?
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พบสิ่งอื่นนอกเหนือจากอุตสาหกรรมที่ก้าวมาข้างต้นเพิ่มเติมอีกเลย อย่างไรก็ตามยังมีดินแดงแห่งไฟที่อยู่ในอาณาบริเวณของอาณาจักดิ์แดง เกาะนั้นค่อนข้างน่าสนใจ?
…
ดินแดนแห่งไฟ มันเป็นเกาะในเขตวงแหวนที่มีเกาะหลายเกาะมาร่วมกัน มีพื้นที่เพียง 10,000 ตารางกิโลเมตร มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่และมีน้ำพุร้อนนับไม่ถ้วน มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ชื่นชอบที่พวกผู้มีอำนาจระดับสูงของจักรวรรดิแดงไปพักฟื้นและวันหยุด นอกจากนี้ยังมีฐานทัพขนาดใหญ่บนเกาะนี้ มันถูกซ่อนอยู่บนภูเขาน้ำแข็งที่มีอายุนับล้านปี เช่นนี้มันเต็มไปด้วยความลึกลับและความลับ
“แต่มันมีความจริงอย่างหนึ่ง” พวกผู้มีอำนาจของจักรวรรดิแดงสั่งการอย่างลับ ๆ ให้เก็บความลับบางอย่างไว้ในฐานทัพทหารแห่งนี้ โดยมันเหมือนที่ลี้ภัยทางทหารของพวกผู้มีอำนาจเพราะมันเป็นเกาะที่เหมาะแก่การเดินทางมาก การสำรจของ UAV นั้นไม่ได้เพียงพบเกาะบนดินแดนแห่งไฟเท่านั้น ยังพบเกาะอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีข่าวที่น่าสนใจมากมายและคำบอกเล่าในประเทศโอนิ เกี่ยวกับพวกผู้มีอำนาจของจักรวรรดิแดง ดังนั้นจึงมีบันทึกที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บข้อมูลของอลิซแล้ว
เฉินจินส่งทีมสำรวจ UAV ไปสำรวจรอบๆวงแหวน ไม่นานหลังจากที่พวกเขาพบดินแดนแห่งไฟพวกเขาเก็บเกี่ยวสมบัติอีกครั้ง มันมีวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นขนาดใหญ่วางไว้อย่างน่าประทับใจที่ทางเข้าฐานทัพลึกลับบนเกาะ มันยาว 320 เมตรกว้าง 68 เมตรและสูง 20 เมตร มันมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนกลักไม้ขีดไฟและด้านนอกถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งจำนวนมากที่ทำให้มันเปล่งประกายเหมือนผลึก
เขาส่งเครื่องบินหมายเลข 11 ขึ้นไปและนำหุ่นยนต์เพื่อกำจัดชั้นน้ำแข็งบนพื้นผิวของวัตถุโดยใช้รังสีของแสงแดด จนวัตถุด้านในปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของหุ่นยนตร์สำรวจ และ หุ่นยนตร์สำรวจได้ส่งสัญญาณไปที่ฐานบัญชาการนั้นคือ
“ฉันพบยานอวกาศ”