นิยาย I Found A Planet EP 127 การเปิดตัวภาพยนตร์ “วาวา ผู้กล้า 1 ล้านหยวน”
EP 127 การเปิดตัวภาพยนตร์ “วาวา ผู้กล้า 1 ล้านหยวน”
วันนี้เป็นวันที่ 28 มกราคเป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์
หลังทานอาหารมื้อค่ำกับครอบครัวเสร็จ เฉินจิน เฉินกัง เฉาหลี่ และซูหยุน สวมเสื้อแจ็คเก็ตเพื่อกันลมที่เข้ามาปะทะร่างกาย อากาศที่เริ่มเย็นทำให้พวกเขาต้องหาผ้าพันคอมาใส่ไว้และสวมเสื้อหนาๆซ้อนทับไว้ข้างใน และได้มุ่งหน้าไปยัง ศูนย์การค้าวันด้า ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเมื่อมาถึงพวกเขาก็ขึ้นลิฟต์ไปยังโรงภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสามของศูนย์การค้าในทันที
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรหัส QR แล้วส่องโทรศัพท์ไปที่เครื่องขายตั๋ว ตั๋วหนังสี่ใบออกมาจากตู้ขายตั๋ว โดยแบ่งให้พ่อกับแม่ของเขาสองใบ และอีกสองใบสำหรับเขาและซูหยุน
ซุหยุนเอง เธอก็กำลังซื้อ ป๊อปคอร์นอยู่ มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจมากนักเพราะตอนนี้ในช่วงเย็นซุหยุนจะมาทานข้าวที่บ้านของเฉินจินอยู่เป็นประจำ เธอสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลที่ออกแบบมาเป็นพิเศษที่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีรูปร่างดีมันแสดงส่วนเว้าส่วนโค้งออกมาได้อย่างชัดเจน ภายในเสื้อคลุมของเธอก็มีเสื้อไหมพรมคอเต่าสีขาวคลุมคอยาวทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้น มีผ้าพันคอลายตารางพาดอยู่ มันสะท้อนถึงบุคลิกของตัวผู้สวมที่สุขุมลุมลึกและสง่างาม กางกางเลกกิ้งสีดำปกปิดเรียวขาที่เรียงยาวของเธอไว้ และรองเท้าบูทหนังทรงกลมที่ทำให้เธอดูตัวเล็กลงอีกหน่อย
ถ้าให้คะแนนความสวยของซุหยุนตอนนี้เธอคงจะได้คะแนน 9/10 อย่างแน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสุขุมลุมลึกของเธอจะทำให้ผู้คนที่อยู่ในระแวกนั้นหันมาสนใจเธอราว 80% ของคนในระแวกนั้น
อย่างไรก็ตามวันนี้เธอของติดตามครอบครัวของเฉินจินมาดูภาพยนตร์ด้วย นี่คือสิ่งที่ทำให้เฉินจินงงงวย มากที่สุด เฉินจินเองด้วยความสงสัยนี้เขาจึงถามเธอตรง ๆไปว่า “ ซูหยุนคุณก็อายุสามสิบแล้วทำไมคุณไม่กลับไปงานไหวพระจันทร์ที่บ้านของคุณล่ะ? คุณไม่คิดถึงบ้านหรอ”
“สำนักภาษีมีงานต้องทำอีกมากในช่วงปลายปี นี่เป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดของพวกเรา อันที่จริงฉันคิดว่าฉันกลับบ้านหลังหมดตรุษจีนเลยล่ะ” ซูหยุนอธิบายเหตุผลให้กับเฉินจินฟังจริงแล้วซุหยุนเองก็อยากจะกลับบ้านใจจะขาด? เพราะสำนักงานภาษีไม่สามารถขาดคนทำงานในช่วงวันตรุษจีนเช่นนี้ได้ดังนั้นวันหยุดของพนักงานที่ทำงานในสำนักงานภาษีก็เปรียบเสมือนวันทำงานทั่วไปซึ่งหัวหน้าเองก็ให้เธอทำงาน 2 วันในช่วงวันหยุดตรุษจีนนี้ สาเหตุแรกที่จะต้องทำงานช่วงนี้ก็คือรถไม่ค่อยติดมาก ประการที่สองช่วงนี้เป็นช่วงที่เธอมีสมาธิที่สุดซึ่งเธอจะได้พักจริงๆก็คือหลังวันหยุดตรุษจีนหมดลงเท่านั้น
“เอาล่ะ.” ซูหยุนพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่ใบหน้าสวยของเธอเริ่มแสดงอาการเขินอายออกมา เพราะหัวหน้าของเธอ เฉาหลี่เธออนุญาตให้ซุหยุนใช้เวลาสองคืนในการเรียนรู้ความรู้ด้านบัญชี และให้ซูหยุนมานอนที่บ้านด้วยในตอนแรกซุหยุนถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นั้น หัวใจของเธอเต้นอย่างเร็วมาใบหน้าของเธอแดงจนไปถึงหลังหูแม้กระทั่งคอที่ขาวราวกับหิมะส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็พยักหน้า เธอพึมพำขึ้นมา เรียนบัญชี เรียนบัญชี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการเรียนเท่านั้น!
แต่สิ่งที่เธอทำตอนนี้กับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธออธิบายมาเพราะหลังจากมื้อเย็นวันนี้เธอก็มาดูหนังร่วมกับครอบครัวของ เฉินจินโดยเธอให้เหตุผลว่า มันเป็นการผ่อนคลายความเครียด จาการเรียน
อันที่จริงฉันเองไม่ค่อยคิดมากกับเรื่องนี้มาก่อน อย่างไรก็ ตาม มันเป็นความคิดของแม่ของฉัน พ่อแม่ของฉันก็ต้อง การให้ฉันสร้างความสัมพันธ์ดีกับลูกน้องของเธอ
ซูหยุนเองก็คิดมากเช่นกัน เธอรู้สึกเขินอายจนถึงขนาดที่อยากขุดหลุมหนีและซ่อนตัวอยู่ข้างใน ในฐานะผู้หญิงเธอไม่เคยรู้สึกตื่นตระหนกและสับสนอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนั้น แต่ในการเตรียมการของกรรมการหัวใจของเธอไม่เคยแสดงอาการต่อต้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เกี่ยวกับความซับซ้อนเรื่องหัวใจของผู้หญิงเฉินจินกับไม่รู้อะไรเลยและไม่สนใจที่จะสำรวจมันด้วย พวกเขาเข้าไปในโรงภาพยนตร์และนั่งลงในที่นั่งของพวกเขา สิ่งที่เฉินจินกังวลมากกว่าคือจำนวนคนที่จะเข้ามาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมเข้าโรง ภาพยนตร์ที่ละคนก่อนการแสดงเขาคำนวณจำนวนคนภาย ในโรงภาพยนตร์อย่างเงียบ ๆ “ นอกเหนือจากสองแถวแรกที่นั่งอื่น ๆ ทั้งหมดจะเต็มซึ่งประเมินคนเข้ามาดูภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ราว ๆ 85% ของที่นั้งทั้งหมด”
ในเวลานั้นเสียงดนตรีก็ดังขึ้นและภาพยนตร์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ อาจได้ยินเสียงพูดคุยกันดังมาจากทางเข้าบ้าง
“ เร็วเข้าหนังกำลังเริ่ม”
“ คิวยาวเกินไปถึงที่ลิฟต์ชั้นล่างหนังเริ่มไปเกือบนาทีแล้วถ้าเราไปช้าอีกสองสามนาที่เราจะต้องขอให้คนข้างสปอยช่วงแรกให้เรานะ”
“ รีบไปนั่งดูหนังกันเถอะ”
คนที่มาทีหลังเกือบเต็มที่นั่งสองแถวหน้า ตอนนี้จำนวนคนที่อยู่ในโรงภาพยนตร์อยู่ราว ๆ 95% ของที่นั่งทั้งหมด เฉินจินหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาทันที ด้วยการใช้ข้อมูลของเข ซึ่งเห็นได้ชัดว่าล้าหลังกว่าที่เคยเป็นมาเขาจึงสอบถามเพื่อนของเขาเกี่ยวกับจำนวนคนที่อยู่ในโรงภาพยนตร์โรงอื่น ๆ ผ่านวีแชท
* หยวนหลีโรงหนังที่ที่เธออยู่นั้นมีคนเข้ามาดูหนังเยอะไหม? ช่วยประมาณคนให้ฉันหน่อยสิ”
“ ฉีเสี่ยวเต่า คุณอยู่ในโรงหนังหรือป่าว? จำนวนคนที่อยู่ใน โรงหนังเยอะไหม”
* จางหนาน คุณและ โจวซิน ทั้งสองหาตั๋วได้หรือยัง? ทั้งคู่อยู่ในอยู่ในโรงหนังหรือยัง”
“ ผู้ช่วยเคอร์ คุณกำลังดูภาพยนตร์อนิเมะที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเราอยู่หรือเปล่า? คนในโรงมาดูเยอะไหม?”
หลังจากส่งข้อความไปเขาก็ได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ลูกสาวของผู้อำนวยการดงบอกว่า “ ฉันอยู่ในโรงหนังแล้ว เอ้ยมีคนเยอะมากดูเหมือนที่นั่งจะนั่งเต็มหมด ฉันคิดว่าที่นั่ง น่าจะเต็ม 100% นะ.”
ฉีเสี่ยวเต่า กล่าวว่า “ ฉันมั่นใจว่าตอนนี้โรงหนังที่ฉันกำลังอยู่เก้าอี้ถูกจองหมดแล้ว อันที่จริงฉันเคยดูเรื่องนี้นี้มาแล้วมากกว่าร้อยครั้งและจดจำทุกบรรทัดได้แล้ว ฉันมาวันนี้เพื่อมาสังเกตเกี่ยวกับช่วงอายุของผู้ชมที่เข้ามาดูหนัง … อ่าฮ่าฮ่าอย่างที่ฉันคาดไว้นี่คือภาพยนตร์สำหรับครอบครัวที่มีไว้เพื่อให้เพลิดเพลิน ครอบครัว มีทั้งคนแก่ เด็กผู้ปกครองของเด็กส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว”
จางหนาน ตอบว่า “ ผมและโจวซินยังไม่ได้เข้าไปในโรงหนังเลยเพราะคนแน่นมาก ผมบอกให้เขาซื้อตัวไว้ก่อนหน้านี้แล้วแต่เขาก็ไม่ฟัง เขาบอกฉันว่าเราสามารถซื้อตั๋วได้ทันทีผมบอกเขา เราซื้อตัวสำหรับการฉายรอบที่สองเวลา 20.00 น. เรา จะนอนเล่นในห้างสักพัก”
ผู้ช่วยเคอร์ ตอบว่า “ ตอนนี้ฉันกำลังดูหนังอยู่ ที่นั่งเต็มหมดแล้ว ยังไงซะฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันซื้อตั๋ว ฉันซื้อตัวหนังเรื่อง วาวาะ ผู้กล้า 1 ล้านหยวน” แต่ในใบเสร็จมีเขียนว่า “ยุคแห่งความฝัน” ฉันเลยถามเจ้าหน้าที่ว่าบัตรมีปัญหาหรือเปล่า พวกเขาบอกฉันว่าระบบขัดข้องเล็กน้อย แต่ก็ยังรับชมหนังได้ตามเดิม”
เมื่อได้คำตอบของผู้ช่วยเคอร์ก็มีวลีก็ผุดขึ้นมาในใจของเฉินจินนั่นคือการโกงแต้มของบ็อกซ์ออฟฟิศ เขาขอให้ผู้ช่วยเคอร์ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปตัวของเธอและส่งให้เขา จากนั้นเขาก็ส่งต่อ ภาพถ่ายไปยังฉีเสี่ยวเต่าและแจ้งให้เธอทราบเกี่ยวกับสถาน
การณ์นี้
“ โจรไร้ยางอายจริง!” ฉีเสี่ยวเต่ากัดฟันของเธอด้วยความโกรธอันยิ่งใหญ่ “ มีหลายคนเหมือนกันที่แชร์เรื่องนี้มาให้ฉันพวกเขาบอกฉันว่าตั๋วหนังของเราถูกโกงจากโรงหนังทั่วประเทศ! แม้แต่โรงหนังระดับล่างที่ไม่รู้จักก็ต้องการแบ่งยอดขายของเราไป คะแนนจากบล็อกออฟฟิศจะลดลงขนาดไหน? ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแบบนี้ ฉันจะโทรเรียกตำรวจและฟ้องพวกร้องเขา! ฉันจะทำให้พวกเขาคายทุกอย่างที่เป็นของเรากลับคืนมา”
เฉินจินกล่าวว่า “ ใจเย็น ๆ ในเรื่องนี้ตราบเท่าที่เรามีหลักฐาน และโรงหนังที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทเราจะช่วยเราไว้เอง ยังไงก็จะมีการลงโทษทางกฎหมายอยู่แล้ว ในเรื่องนี้พวกเขาจะไม่สามารถขโมยบ็อกซ์ออฟฟิศของเราได้มากเกิน” หลังจากปลอบใจ ฉีเสี่ยวเต่าแล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาถึงหูของเขา
ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีหมัดเด็ดของหนังและได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ตัวละครหุ่นยนตร์วาวาในหนังปรามผู้ชมทุกคนได้อย่างอยู่มัดด้วยความน่ารักของมัน ยิ่งไปกว่านั้นแอนิเมชั่นที่สวยงามยังดึงดูดสายตาของผู้คนให้ติดอยู่ บนหน้าจอขนาดใหญ่ขณะที่พวกเขาดื่มดำกับภาพยนตร์อย่าง เต็มที่เมื่อเรื่องราวเข้มข้นขึ้นฉากการต่อสู้อันวุ่นวาย ระหว่างหุ่นยนต์วาวาและผู้ค้ามนุษย์ก็ทำให้ผู้ชมเกิดความหวาดผวาขึ้นมาจากภาพแสงสีเสียงที่สวยงาม
“หุ่นยนตร์วาวาะ ผู้กล้า 1 ล้านหยวน” สามารถอธิบายได้ว่าในหนังเรื่องนี้ผ่านไปมาก หนึ่งชั่วโมงครึ่งหนังก็จบลง ผู้ชมลุกขึ้นยืนและออกจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับบางสิ่งบางอย่างในตัวพวกเขาที่โหยหามากขึ้น
เฉินจินได้ยินบทสนทนาระหว่างครอบครัวที่มากันสามคน
“ เร็วเข้าหนังเรื่องนี้ดีมากมันฮาและซาบซึ้งในเวลาเดียวกัน”
“ ใช่แล้วงานภาพระดับโลกและความสมบูรณ์แบบในทุกเฟรม แค่ดูหนังเรื่องนี้ก็คุ้มค่าตัวของเรา”
“ พ่อครับแม่ผมอยากได้หุ่นยนต์ วาวา ซื้อให้ผมด้วย!” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ ไม่ต้องกังวลที่รักของพ่อ พ่อจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะซื้อมันมาให้ได้ พ่อสัญญาว่า พ่อจะหาหุ่นยนตร์วาวามาให้ลูกให้ได้นะ!” ชายคนหนึ่งพูดกับลูกสาวของเขาที่อยู่ ในอ้อมแขน
“เย้! เยี่ยมเลยค่ะ เราจะมีหุ่นยนตร์วาวาในบ้านของเราแล้ว ขอบคุณค่ะพ่อ!” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ รู้สึกอิ่มเอมใจและจิกแก้มพ่อของเธอหลายครั้ง