สำหรับตอนนี้เราจะแก้ไขปัญหาคลาดแคลนพลังงานยังไงดี? นี้ก็ผ่านมาเกือบจะครึ่งเดือนแล้วที่เฉินจินคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องแหล่งพลังงาน แน่นอนว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหับเฉินจินตอนนี้คือการสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าในบริเวณรอบนอกของที่ตั้งแคมป์ มันจะแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานได้ แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการแก้ไขปัญหานี้มันค่อนข้างใช้เงินจำนวนมหาศาล
ยกตัวอย่างเช่นการจะสร้างกังหันลมมันมีค่าใช้จ่ายในการซื้อพลังงานแต่ละวัตต์ประมาณ 10 หยวน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานในตอนนี้เฉินจินต้องการไฟฟ้าเพิ่มอีก 200 กิโลวัตต์ ซึ่งมันต้องคูณด้วยจำนวน 10 หยวน ก็จะได้ต้นทุนของการสร้างกังหันลมขึ้นมาประมาณ 2,000,000 หยวน แต่สำหรับเฉินจินเงินจำนวนนี้ถือว่าเล็กน้อยมากเพราะเขาเพิ่งได้รับเงินจากการประมูลของมีค่าจากครั้งก่อน และมันพึงถูกโอนมาเมื่อสองวันก่อน รายการทั้งหมดที่นำไปประมูล มันมีมูลค่าทั้งหมด 15,580,000 หยวน หักค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 10% มันก็จะตกอยู่ประมาณ 14,000,000 หยวน ถูกโอนไปยังบัญชีของเขา นอกจากนี้เขายังมีเงินอีก 80,000 หยวนในตอนนี้หรืออาจมากกว่านั้น
ตอนนี้เฉินจินมีเงินเกือบ 15,000,000 หยวนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยที่เขาจะใช้เงิน 2,000,000 หยวนไปกับการตั้งกังหันลมในพื้นที่รอบ ๆ แคมป์เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ถึงแม้ว่าเฉินจินจะมีเงินทุนเพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่เขาขาดไปคือแรงงาน เขาจะต้องแบกชิ้นส่วนต่าง ๆ ประมาณ 10 ชิ้นของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปยังห้องนอนของเขาบนชั้นสามก่อนที่จะยัดพวกมันผ่านทางประตูมิติในห้องน้ำของเขา
จากการคำนวณว่าอุปกรณ์ที่ต้องประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหนึ่งเครื่องมันมีน้ำหนัก 300 กิโลกรัม เฉินจินนั้นจะต้องขนส่งส่วนประกอบต่าง ๆ รวมกันถึง 5,000 กิโลกรัม
นอกจากนี้ใบพัดของกังหันลมทันก็มีความยาวมากกว่าสามเมตรเสียอีก มีบางรุ่นที่ยาวกว่านี้อีก 10, 20 และ 30 เมตร บางชิ้นมันมีความยาวแบบมากๆ มากจนคนบางคิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องยาวขนาดนี้เชียว ความยาวนั้นอยู่ที่ 50 เมตร หลังจากการวัดความยาวของห้องนั่งเล่นและห้องนอนของเขาเฉินจินก็ตระหนักว่าความยาวของใบพัดที่เขาต้องการต้องไม่เกิดสี่เมตรครึ่ง มิฉะนั้นจะไม่สามารถผ่านประตูมิตไปได้
ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการขนส่งกังหันลมไปยังที่แคมป์ของเขา แต่ยังเหลือหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าและเสาโลหะสำหรับกังหันลมอีก เฉินจินยังคงต้องซื้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวนหนึ่งเพื่อทำให้มันสามารถตั้งบนพื้นได้มั่นคงเพื่อไม่ให้กังหันลมเอนลงมาพังเสียก่อน สรุปแล้วมันก็เป็นเรื่องลำบากมากที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมให้อบู่พื้นที่รอบๆแคมป์ได้!
ยิ่งกว่านั้นเฉินจินไม่รู้ว่า เขาจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กับโปรเจคนี้ เวลาสองถึงสามสัปดาห์อาจจะไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานอย่างหนักหน่วงกับโปรเจคนี้ก็ตาม แต่ยังไงมันก็ยุ่งยากมากและมันดูยากเกินไปสำหรับเขา มันทำให้เฉินจินรู้สึกลังเลบ้างเมื่อเขานึกถึงปัญหาเหล่านี้ มันดูลำบากมากที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมในตอนนี้ เขาควรจะทำยังไงกันดี?
ดาหลินเองก็ยังบอกเฉินจินว่าจริงๆแล้วมีโรงงานผลิตพลังงานจำนวนมากเกลื่อนกลาดไปทั่วไฮเออร์แอลฟา มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและหลากหลายมากเช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานลม พลังงานความร้อน พลังงานนิวเคลียร์และอื่น ๆ แค่เฉินจินต้องเพิ่มเวลาในการสำรวจของเขาให้มากขึ้นท่านั้นและเขาจะพบกับโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าอย่างแน่นอน แต่ในเวลานั้นเฉินจินจะต้องปรับปรุงและซ่อมแซมเครื่องจักรที่อยู่โรงงานเหล่านั้นและปัญหาการขาดแคลนพลังงานจะได้รับการแก้ไข
ยกตัวอย่างเช่นเมืองฟอร์ตเวิร์ธ ไปทางทิศเหนือซึ่งมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานลมจำนวนหนึ่ง ขณะที่เฉินอาจกำลังซ่อมโรงงานผลิตพลังงานในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ เฉินจินจะต้องดึงสายไฟอีกเส้นหนึ่งเข้าไปในแคมป์ มันจะช่วยทำให้แคมป์ตัดปัญหาเรื่องการคลาดแคนพลังงานไปได้เลย
“ เอาล่ะ!” เฉินจินพยักหน้า“ อย่างงั้นตอนนี้ฉันจะยกเลิกเรื่องกังหันลมไปก่อน! ฉันจะลองสำรวจพื้นที่โดยรอบก่อนและดูว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกในการสร้างพลังงานที่มีอยู่แล้วอยู่แถวนี้หรือเปล่า” ปัญหาคือแคมป์ของเขาต้องการพลังงานอย่างเร่งด่วนในตอนนี้ เขาต้องเพิ่มแรงในการค้นหาทั้งหมดทันทีไม่เช่นนั้นงานสำรวจของเขาจะได้รับผลกระทบ มันจะลดประสิทธิภาพของกระบวนการสำรวจอย่างจริงจังลงไป
ปัญหาการขาดแคลนพลังงานขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤตที่เขาต้องดำเนินการ ถ้าไม่หุ่นยนต์ที่รออยู่ข้างเครื่องชาร์จจะต้องรอจนกว่าจะชาร์จเต็ม หรืออาจะแย่จนถึงพลังงานแบตเตอรี่สำรองจะหมดลง
หลังจากความคิดบางอย่างเฉินจินก็คิดแผนบางอย่างขึ้นมา เขาจะนำแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงกลับมาไปที่โลก และเช่าอาคารหรือโรงงาน และต่อไฟจากหม้อแปลงไฟฟ้าเกรดอุตสาหกรรมบางส่วนที่ให้พลังงานสูงเขาจะชาร์จแบตเตอรี่ในอาคาร
ด้วยวิธีนี้เขาสามารถใช้“ พลังงานไฟฟ้าเพื่อจุดประสงค์ทางอุตสาหกรรม” ก่อนได้ แม้ว่าเฉินจินจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้า 10,000 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงในแต่ละเดือนก็ไม่เป็นที่น่าสงสัยเหมือนการใช้ไฟบ้านที่มีความเสี่ยงว่ากรมพลังงานจะส่งคนมาตรวจสอบที่บ้านเขา ยิ่งไปกว่านั้นเฉินจินอาจได้รับอนุญาตให้ติดตั้งสายไฟฟ้าแรงสูงในการใช้ไฟฟ้าอุตสาหกรรม เฉินจินสามารถเลือกใช้ไฟขนาด 360V, 480V หรือมากกว่า 1000V แม้ว่ามันจะอันตรายมาก แต่มันจะให้พลังการชาร์จที่มากกว่าและลดเวลาในการชาร์จได้! เขาพิจารณาถึงข้อดีต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมด
ในตอนเช้าของวันที่สองเฉินจินขับรถ BMW คันเล็กของแม่ไปยังนิคมอุตสาหกรรม บ่อนซา (แผนกการทำงานของเฉาหลี่นั้นมีรถประจำตำแหน่งให้กับเฉาหลี่ในการเดินทางไปทำงานเสมอ)
นิคมอุตสาหกรรมบ่อนซาอยู่ใกล้กับศาลยุติธรรมมากโดยห่างกันไม่ถึง 10 กิโลเมตร การเดินทางสะดวกเพราะถนนกว้างและมักจะมีรถเล็ก ๆ สามารถไปถึงได้ด้วยการขับรถ 10 นาที นิคมอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุดที่สร้างขึ้นในเมืองซางไฮ มันมีประวัติมายาวนานกว่า 60 ปีและอายุเท่ากันกับสาธารณรัฐเลทีเดียว ไอรีนโนเวล
ภายในนิคมอุตสาหกรรมมีโรงงานเหล็กขนาดใหญ่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนโรงงานสร้างเรือโรงงานผลิตเครื่องบินและอื่น ๆ มันเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมหนักที่มีชื่อเสียง
เฉินกังเองก็ทำงานในนิคมแห่งนี้ให้กับบริษัทที่ผลิตเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ ภายในบริษัทของเขาเขาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าวิศวกรในแผนกพัฒนาอุปกรณ์เชื่อม มีโอกาสมากที่เฉินกังจะได้เป็นหัวหน้าวิศวกรในอนาคต นี่เป็นตำแหน่งที่สามารถทำให้เขาออกข่าวได้ลดลง แม้ว่างานของเฉินกังจะเป็นแผนกสนับสนุน แต่เฉินกังก็มีโอกาสไปโผล่ในรายการข่าวถึงสองครั้งรวมถึงครั้งหนึ่งที่เขาได้ถ่ายภาพกับผู้อาวุโสอันดับต้นๆในบริษัทของเขา ครอบครัวของผู้อาวุโสคนนั้นเองก็มีความสุขและภูมิใจในตัวเขามาก เมื่อเทียบกับความสำเร็จของพ่อของเขาแล้ว พ่อของเฉินจินถือยังอยู่ในระต่ำมากและมีปัญหากับครอบครัวอีกตั้งหาก
แม้ว่ารัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่งที่ก่อตั้งมาหลายสิบปีโดยมีพนักงานนับหมื่นคนตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม แต่ก็มีหลายแห่งที่ถูกปิดตัวลงในโครงการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจในยุค 90 นอกจากนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมีโรงงานขนาดเล็กและขนาดกลางที่ทรุดตัวลง
ภายในนิคมมีอาคารโรงงานร้างที่ปิดตัวลงมากมาย เฉินจินหาผู้จัดการนิคมและขอเช่าโรงงานขนาดเล็กเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของเขา ผู้จัดการยินดี แต่ต้องปฏิเสธคำขอของเขาหลังจากพบว่าเฉินจินไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข เป็นเพราะเฉินจินไม่มีประสบการณ์ทางธุรกิจ ไม่มีบริษัทจดทะเบียน ไม่มีภูมิหลังด้านเทคนิค และไม่มีบุคคลที่สามที่รับผิดชอบที่ทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกัน ดังนั้นผู้จัดการไม่สามารถอนุมัติคำขอของเขา
เพื่อให้ได้รับสิทธิ์เฉินจินปล่อยให้เฉินกังพ่อของเขาออกมาและทำงานเป็นตัวแทนทางกฎหมายของบริษัท เฉินจินเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารของบริษัท และรับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ ด้วยวิธีการนี้เขาประสบความสำเร็จในการเช่าอาคารโรงงานขนาดเล็กที่มีขนาดประมาณ 200 ตารางเมตร นอกจากนี้เขายังสามารถเพลิดเพลินกับเงินอุดหนุนจากนิคมอุตสาหกรรมได้ เขาเพียงต้องจ่ายค่าเช่ารายปีเพียง 100,000 หยวนสำหรับสามปีแรก
หลังจากให้เช่าโรงงานภายในโรงงานเหล็กแผ่นเฉินจินก็มีช่างไฟฟ้าติดตั้งสายเคเบิลสองสายซึ่งประกอบด้วยวงจรระดับอุตสาหกรรมที่สามารถผลิตไฟฟ้า 360V และ 480V ตามลำดับ นี่คือนอกเหนือไปจากวงจร 220V ปกติ นอกจากนี้เขายังติดตั้งพอร์ตชาร์จ 100 พอร์ตซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง 100 ก้อนในเวลาเดียวกัน
เพื่อรักษาความลับของมันเขา เฉินจินวางให้ดาเจียนเป็นผู้ดูแลการชาร์จและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใน“ โรงงานชาร์จ” เฉินจินเองก็ได้เข้ามาในโรงงานและทำให้เขาต้องรับผิดชอบในการจัดการแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่มีค่า นอกจากนี้เฉินจินยังได้ว่าจ้างยามโดยต้องจ่ายเงินเดือนให้อีกฝ่าย 3,000 หยวนต่อเดือนเพื่อดูแลทางเข้าอาคาร เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันคนแปลกหน้าไม่ให้เข้ามาในโรงงานและเป็นดูแลอยู่หน้าประตู
คนที่สมัครเป็นผู้ชายโดยใช้นามสกุลของฉิน เขาเป็นชายสูงอายุอายุ 65 ปีที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและได้รับการกล่าวถึงบ่อยครั้งว่า“ ลุงฉิน” เฉินจินจ้าง“ ลุงฉิน” เพราะเขามีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในฐานะผู้พิทักษ์ไม่เกี่ยวข้องกับการติดต่อที่ร่มรื่นและมีชื่อเสียงดี ยิ่งกว่านั้นลุงฉินนั้นยังโสดและไม่มีลูก เขาไม่รู้หนังสือและเครื่องหมายบางอย่างลุงฉินเองก็อ่านไม่ออก ทำให้เฉินจินมั่นใจว่าจะจ้างเขาให้มาทำงานนี้ ไอรีนโนเวล
ถึงแม้เงินเดือนจะเดือนละ 3,000 หยวนแต่นี้ก็เป็นค่าจ้างสูงสุดที่ลุงฉินเคยได้รับจากการทำงานมานานหลายปี ลุงฉินยิ้มอย่างมีความสุข ลุงฉินถึงกับอุทานออกมา“ มันมากเกินไป! พ่อหนุ่ม ฉันได้เงิน 2000 หยวนต่อเดือนก็เหลือๆแล้ว!”
“ ลุงฉินราคา 3,000 หยวน ต่อเดือนไม่มากเกินไป รับมันไว้เถอะผมให้ด้วยความเต็มใจ ลุงสามารถออมได้มากขึ้นสำหรับกองทุนเกษียณอายุของลุง ตอนนี้ลุงก็อายุมากแล้วลุงจะไม่ต้องกังวลถ้าเกิดอะไรขึ้นในอนาคต และถ้าลุงทำผลงานได้ดีผมจะเลื่อนเงินเดือนให้และโบนัสให้ลุงตอนสิ้นปี!”
เพิ่มอย่างงงั้นหรอ โบนัสสิ้นปี? ลุงฉินตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินภาษาต่างประเทศเหล่านี้ จากนั้นเขาก็เริ่มร้องไห้ “ พ่อหนุ่มลุงไม่ได้ต้องการสิ่งนั้น ลุงแค่เป็นยามและมันไม่คุ้มกับเงินเดือนที่สูงขนาดนี้ ลุงอายุเกือบ 70 เป็นเรื่องยากที่จะหางานทำและลุงก็ยังคิดอยู่ว่าลุงจะไปทำงานส่งอาหารสักหน่อยเพื่อหาเงินสักเล็กสักหน่อย ลุงไม่เคยคิดที่จะพบพ่อนุ่มผู้ใจดีเช่นนี้” ลุงฉินผู้มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและมีผมงอกเกือบครึ่งหัวพึมพำกับตัวเอง“ อา…ลุงหวังว่าธุรกิจของพ่อหนุ่มคนนี้ประสบความสำเร็จและฉันเองก็สามารถทำงานที่โรงงานแห่งนี้ได้….”