34 พายุทราย!
ความประหลาดใจยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ในวันที่ 4 ของการสำรวจพวกเขายังคงอยู่ในเขตอุตสาหกรรมทางตอนเหนือของเมือง แต่อยู่ในโรงงานเล็กๆ แทนที่จะพบแกนหลักของปัญญาประดิษฐ์ในโรงงานหุ่นยนต์อีกทีมหนึ่งพบรถยนต์สองคันในคลังสินค้าที่ปิดอยู่ในโรงงาน รถสองคันนี้บินได้! มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่เขาจะได้พบกับรถยนตร์บินได้จริงๆ?
ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่ามันมีอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการบิน แต่มันก็ยังมีสี่ล้อเหมือนเดิมและดูเหมือนกับรถธรรมดาทั่วไป สิ่งที่แตกต่างกันคือการออกแบบมีการปรับให้เหมาะสมตามหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งหมายถึงโครงสร้างของรถนั้นโฉบเฉี่ยวและที่นั่งคนขับวางอยู่ในห้องโดยสารรูปทรงหยดน้ำ นอกจากนี้รถยังมีตัวถังแบนและเบรกสามเหลี่ยมสองตัวที่ยื่นออกมาจากทั้งสองด้านของรถพร้อมกับโครงรถแนวตั้งรูปตัวทีที่มีปีกที่เคลื่อนที่ได้ซึ่งสามารถให้ความมั่นคงขณะที่มันบินขึ้นไปได้
สำหรับระบบไฟฟ้านั้นจะถูกใช้เมื่อเครื่องยนต์ขับบนพื้นดินและช่วยสร้างพลังงานย้อนกลับเข้าไปในมอเตอร์ของรถยนต์ซึ่งเหมือนกับรถไฮบริดที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน แม้กระนั้นเมื่อเปิดโหมดการบินเปิดอยู่เจ็ตกังหันไฟฟ้าขนาดเล็กทั้งหมดที่ด้านล่างของรถจะเริ่มทำงานเพื่อยกรถขึ้นไปในอากาศและกังหันไฟฟ้าสองตัวที่มีแรงม้า 100 แรงม้าที่ด้านหลังช่วยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
ยานพาหนะเช่นนี้ต้องการแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง 20 ก้อนเพราะทั้งตัวรถใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด รถสามารถเคลื่อนที่ได้สูงถึง 800 กิโลเมตรในอากาศในขณะที่มันสามารถขับได้ไกลถึง 2,000 กิโลเมตรบนพื้นดิน
พวกมันถูกเรียกมันว่า “ยานพาหนะ แอร์ฟิเบียน” ในดาวไฮเออร์แอลฟาแห่งนี้ รถพวกนี้อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อมีการจราจรหนาแน่น
ความจริงที่ว่าทีมหุ่นยนต์พบรถยนต์ที่บินได้เหล่านี้ในโรงงานขนาดเล็กเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่าเมืองฟอร์ตเวิร์ธกำลังดำเนินการพัฒนารถยนต์ที่หลากหลายหลีกเลี่ยงการผลิตรถยนต์ประเภทเดียว นอกเหนือจากยางรถยนต์รุ่นเก่าแล้ว รถบินได้ทั้งสองคันยังคงสภาพเหมือนเดิมเนื่องจากถูกเก็บไว้ในโกดังที่ปิดอยู่
เมื่อเฉินจินติดตั้งแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง 20 ก้อนลงในรถแต่ละคันเขาจะสามารถขับมันบนพื้นและบินขึ้นไปบนฟ้าได้! เขาหัวเราะอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่า! นี้มันเป็นเหมือนเพชรเม็ดงามสองก้อนที่เข้ามาอยู่ในกำมือของฉันแล้ว! ถึงแม้ว่ามันอาจบินได้ไม่ไกลมาก แต่มันสามารถบินด้วยความเร็ว 700-800 กม. / ชม. ด้วยความสามารถนี้มันจะทำให้การสำรวจของฉันในดาวไฮ้ออร์แอลฟามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น! ฉันจะใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการกลับไปยังแคมป์ที่พัก! อีกทั้งฉันสามารถใช้มันหลบหนีได้อย่างรวดเร็วหากมีอันตรายใด ๆ ” การมีรถอย่างนี้ก็เหมือนการมีบอดี้การ์ดดีนี้เอง
ไม่ว่าเขาจะชอบขับรถมากแค่ไหนเฉินจินก็อยากที่จะรออีกหน่อยเพราะเขาไม่เคยขับมาก่อนและท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยฝุ่นมากทำให้ง่ายต่อการหลงทางจากทัศนวิสัยต่ำเช่นนี้ . ถึงแม้เขาต้องการที่จะขับรถ แต่เฉินก็ไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตอันมีค่าของเขาเช่นกัน นอกจากนี้พวกมันก็อยู่ในคลังสินค้ามานานแล้วตอนนี้อาจมีปัญหาบางอย่างกับมันก็ได้อาจเกิดปัญหาขึ้นกับเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์ส่วนอื่นๆ เฉินจำเป็นต้องทำการตรวจมันอย่างละเอียดก่อนที่จะพามันบินขึ้นไปบนฟ้า
เฉินจินจึงใช้โอกาสนี้ตั้งชื่อรถสองคัน “ สำหรับสีน้ำเงินฉันจะเรียกมันว่า แอร์หมายเลข.1 และสำหรับสีขาวฉันจะเรียกมันว่าแอร์หมายเลข 2 ” หากฉันพบพวกมันเยอะขึ้นในภายหลังฉันจะเรียกหาพวกมันว่า แอร์หมายเลข.3, แอร์หมายเลข.4, แอร์หมายเลข.5 และเรียกมันไปเรื่อยๆ”
ทีมหุ่นยนต์ทั้งหมดได้ดำเนินการสำรวจครอบคลุมและค้นหาทุกมุมของเมือง พวกมันค้นพบอัญมณีมาได้มากมาย เฉินจินในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมาก ในเย็นวันที่สี่ของการสำรวจ ดาเต่าหุ่นยนต์ที่รับผิดชอบการพยากรณ์อากาศรายงานข่าวด่วนกลับมาหาเขา
“ เจ้านาย! ผมตรวจพบว่าสภาพอากาศทางภาคเหนือมีฝุ่นมากและลมก็แรงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเมฆดำขนาดใหญ่ที่มาทางนี้ด้วยความเร็วสูง! ไม่นะ! มันเป็นพายุทราย! เจ้านายผมสามารถเห็นมันผ่านเลนส์กล้องที่อยู่ในสายตาของผม! ได้โปรดเตรียมตัวเจ้านาย พายุทรายจะกวาดไปทั่วทั้งเมืองภายในห้านาที!”
อะไร!?
เฉินจินตกใจ
ดาหลินฉายข้อความวิดีโอที่ส่งจากดาเต่า ราวกับว่าสึนามิที่ดำสนิทที่มาจากท้องฟ้าสีเหลืองกำลังจะทำลายล้างเมืองทั้งเมืองด้วยความเร็วที่เร็วจนดูเหมือนพายุกำลังมาพร้อมกับกองทัพทหารนับพันเข้ามาบุกเมือง
เฉินจินตกใจอย่างมาก “ซ่อนตัว! หุ่นยนต์ทั้งหมดที่กำลังค้นหาเมืองหาที่ซ่อนตัวเร็วเข้า! ซ่อนตัวเร่งด่วน! ค้นหาจุดที่ปลอดภัยแล้วหลบให้พ้นจากพวกมัน !! พายุทรายกำลังจะมาหยุดการสำรวจทั้งหมด !” เฉินจินออกคำสั่งด้วยความหวาดกลัว สภาพอากาศที่อยู่ใกล้กับหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่อาจมีฝุ่นและทรายเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่เคยมีพายุที่รุนแรงเช่นนี้ เขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยและไม่ได้เตรียมตัวสำหรับสภาพอากาศที่เลวร้ายแบบนี้
โชคดีที่คลังสินค้าปิดที่เก็บยานบินสองคันนี้มีความแข็งแรงและทนทานมาก เฉินจินปิดประตูไฟฟ้าหลังจากจอดรถแลนด์โรเวอร์หมายเลข 1 และรถบลูแองเจิ้ลสำรองในนั้นคิดว่ามันน่าจะแข็งแรงพอที่จะรอดจากลมพายุที่พัดถล่มมาได้ แม้ว่าสิ่งที่เขาเป็นห่วงจริงๆคือหุ่นยนต์ที่กระจายอยู่ทั่วทุกส่วนของเมือง ไม่มีเวลารวบรวมมันทุกตัว เขาทำได้เพียงปล่อยสัญญาณเตือนสภาพอากาศเพื่อให้พวกมันสามารถหาที่หลบภัยได้อย่างปลอดภัย
ว้าวววววว!
ในเวลาไม่นานเมืองโฟตเวิร์ธ ทุกคนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันในขณะที่พายุทรายปะทะกับพวกมัน แม้แต่ประตูโลหะที่แข็งแรงก็สั่นสะเทือนจากการกระทบของเม็ดทรายและฝุ่น จากข้อความวิดีโอหุ่นยนต์ส่งเขามาจากข้างนอกเฉินจินเห็นว่า เมืองนี้มันอยู่ในสถาณการณ์ที่เลวร้ายมากๆ ข้างนอกมันมืดมาก สิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงชีวิตคือเสียงของลมที่พัดมาจากทุกมุมของเมือง ลมที่แรงที่สุดเท่าที่ในระดับ10ของความแรงพายุมันสามารถถอดถอนโครงสร้างที่ไม่ได้ยึดติดกับพื้นที่มั่นคงไปได้อย่างสบายๆ
เฉินจินไม่รู้สึกอะไรนอกจากความสิ้นหวังในสถานการณ์เช่นนี้ เฉินจินถามดาเบ่าว่าจะซ่อนตัวในโกดังเพื่อเจาะรูบนผนังเพื่อให้อากาศเข้ามาเพื่อเขาจะได้หายใจได้ เพราะเขาไม่กล้าออกไปข้างนอก ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือรอประมาณสองวันสองคืน ถึงกระนั้นพายุก็ดูเหมือนจะไม่อ่อนกำลังลงเลย
เฉินจินเริ่มวิตกกังวล “ วันหยุดประจำชาติมันจะจบลงแล้วแล้วแม่ของฉันน่าจะกังวลอยู่ถ้าแม่ไม่เห็นฉันที่บ้าน! เธออาจจะโทรหาตำรวจและเริ่มโพสต์ประกาศคนหายไปทุกที่ เธอยังอาจบุกเข้าไปในห้องของฉัน … ” เฉินจินสวดอ้อนวอนและสวดภาวนาให้พายุนี้จบลงสักที “ พอแล้วพายุทราย ช่วยหยุดสักที. ฉันต้องกลับบ้าน!”
และบางทีคำอธิษฐานของเขาส่งไปถึงพระเจ้าและได้รับการตอบรับ พายุทรายในที่สุดก็หยุดลงตอนเช้าในวันที่สาม รังสีของดวงอาทิตย์ผ่านเมฆดำส่องบนเม็ดทรายที่นับไม่ถ้วนและฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ แสงแดดสีเหลืองที่หายไปนานได้ส่องสว่างทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามฝุ่นและทรายทั้งหมดที่เกิดจากพายุได้ปิดกั้นถนนไปทางทิศใต้
โชคดีที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเส้นทางของเฉินจินที่จะต้องกลับไปยังแคมป์เนื่องจากเขามีเข็มทิศอยู่กับเขาและหุ่นยนต์ส่วนใหญ่มีฟังก์ชั่นหน่วยความจำในตัวที่เก็บข้อมูลเส้นทางทั้งหมด นอกจากนี้มันเป็นเพียงระยะทาง 200 กิโลเมตร การหลงทางดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์ในทีมของเขาก็ได้รับความเสียหายอยู่บาง เขาขาดการติดต่อกับหุ่นยนต์สามตัวและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 15 คันก็หายไปพร้อมกับเครื่องประดับบางชิ้น แต่โดยรวมเฉินจินไม่ได้สูญเสียอะไรมากมาย “ สิ่งที่คุ้มค่าที่สุด” ถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยในห้องเก็บของโรเวอร์หมายเลข.1
เขามอบหมายหุ่นยนต์สองตัวให้ใช้รถยนต์บินได้กลับไปที่แคมป์และขับรถแลนด์โรเวอร์ที่เต็มไปด้วย“ รางวัล” ขณะที่เขานั่งอยู่ในที่นั่งคนขับเขาหันกลับมามองเมืองที่ดูเหมือนจะถูกทะเลทรายกลืนกิน
“ ฉันไม่คิดว่าฉันอยากไปที่นี่อีกแล้ว เกิดอะไรขึ้นถ้ามีพายุทรายอีกละลอกเกิดขึ้นอีกครั้ง?” เฉินจินพึมพำกับตัวเอง “ หุ่นยนต์สามารถกลับมาที่นี่เพื่อรับโรงงานแคปซูลที่เหลืออยู่และอุปกรณ์การพิมพ์ ฉันจะใช้คำสั่งจากระยะไกล นอกจากนี้ดูเหมือนว่ายิ่งเราไปทางทิศเหนือมากเท่าไรสภาพของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติก็จะแย่ลงและพายุทรายก็มีมากขึ้น มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลที่จะขยายการสำรวจออกไปทางทิศเหนือเนื่องจากถนนทางหลวงทางรถไฟเมืองและสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมดปกคลุมด้วยทราย มันดูดีกว่าถ้าจะไปในทางทิศใต้แม้ว่า; มันจะดูแล้งกว่า ฉันจะขยายอาณาเขตของฉันลงทางใต้ต่อไป ตามแผนที่มหาสมุทรอยู่ห่างออกไปทางใต้ของแคมป์ประมาณ 500 กิโลเมตร…”
มหาสมุทรและพื้นที่ชายฝั่งทะเลมีทรัพยากรที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่มีประสิทธิผลสำหรับเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆได้ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองที่อาจเป็นเมืองสำคัญของดาวดวงนี้ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเฉินจินจึงรู้ว่าเขาควรจะไปที่ไหนเพื่อออกเดินทางครั้งต่อไปและเริ่มคิดแผนที่จะไปให้ถึงเป้าหมายการเดินททางของเขาให้ได้