ตอนที่4 : เจ้าหุ่นยนต์วาวา
เนื่องจากเขาเห็นว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถพูดคุยและเคลื่อนไหวได้ นั่นหมายความว่าเจ้าหุ่นยนต์จากกองขยะที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่สามารถเรียกว่า”ขยะ”ได้อีก เขากลัวว่าถ้ามันได้ยินเขาเรียกมันว่าขยะแล้วมันจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวจนก่อให้เกิดอันตรายต่อเขาหรือไม่?
เฉินจินทำการทดสอบเล็กน้อย เขาหยิบไม้เบสบอลออกจากกระเป๋าด้านข้างแล้วใช้เคาะตัวเจ้าหุ่นยนต์เบาๆ สองสามครั้ง แต่มันไม่ได้ทำการป้องกันหรือตอบโต้ใด ๆ แค่บิดกล้องและมองดูเขาดูสายตาแปลกๆ
“สวัสดี!” เฉินจินโบกมือทักทาย
“วาวาวาวา ~” หุ่นยนต์ทำการตอบทันที
เขาโบกมือ “เป็นไงบ้าง”
มันโบกแขนกล “วาวา ~”
เฉินจินยื่นมือไปข้างหน้า “จับมือกันเถอะ!”
“คลิ๊ก คล๊าก ~” มันยืดแขนกลออกมาด้วย โลหะที่ปลายแขนของมันยื่นมาจับปลายถุงมือของเฉินจินและเขย่าเบาๆ ราวกับว่ามันจะจับมือเขาอย่างไร
“บ้าจริง!นี่มันก็ฉลาดนี่!” เฉินจินตกตะลึง หุ่นยนต์ตอบทุกสิ่งที่เขาพูดไป เพียงแค่เขายื่นมือออกไปมันก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเขาหมายถึงอะไร ด้วยสภาพแวดล้อมบนโลกนี้ไม่มีทางที่จะสามารถผลิตหุ่นยนต์ที่มีความฉลาดสูงเช่นนั้นได้
เฉินจินบ่น“ โลกนี้ไม่ใช่โลกที่ยังไม่พัฒนา แต่ในทางกลับกันมันก้าวหน้ามาก!”
เจ้าหุ่นยนต์กองขยะมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับครุ่นคิดอยู่ว่าควรเป็นมิตรกับเขาดีหรือไม่ แต่เฉินจินมั่นใจว่าหากเจ้าหุ่นยนต์นี้คิดร้ายกับเขา เขาจะจัดการกับมันด้วยไม้เบสบอลได้อย่างทันท่วงที เพราะขนาดของมันก็เล็กกว่ากระเป๋าสะพายของเขาอีก แค่เขาทำลายกล้องมันทิ้งซะ มันก็จะตาบอดมองไม่เห็นอะไรทันที แค่นี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีก
เฉินจินตัดสินใจเก็บหุ่นยนต์ตัวนี้ไว้ มันได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงแต่เขาก็จำเป็นต้องซ่อมแซม มัน เขาเรียนด้านวิศวกรรมเครื่องกลเป็นเวลา4ปีในมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงมีพื้นฐานเกี่ยวกับการซ่อมแซมอยู่บ้าง เพราะเขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นเกมส์เป็นส่วนใหญ่
แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเคยซ่อมของได้สำเร็จ แต่มันก็เพียงแค่การเปลี่ยนอะไหล่ใหม่เท่านั้นไม่ถือว่าเป็นการซ่อมแซมที่ยากอะไร เขาฉุกคิดเหตุการณ์นั้นสักพัก ว่าแล้วก็เริ่มควานหาสิ่งของที่หลงเหลือในถังขยะ โดยการยกถังขยะขึ้นแล้วเทขยะออกจนหมด ตามที่คาดไว้เขาพบชิ้นส่วนน็อตที่อยู่กระจัดกระจายกันซึ่งสามารถนำมาเชื่อมต่อด้านข้างทั้งสองให้เชื่อมติดกันได้ เขาเริ่มซ่อมเฟืองทั้ง 2ด้านบนตัวหุ่นยนต์ได้ เว้นแต่ว่าถ้าน็อตตัวนี้ไม่สามารถนำมาเชื่อมชิ้นส่วนได้มันก็ไร้ประโยชน์
สำหรับกล้องที่เป็นตาด้านขวา เขาต้องหากล้องใหม่มาแทนที่ ดังนั้นเป้าหมายถัดไปของการสำรวจของเฉินจิน คือการหาสายพานขับเคลื่อนที่ไม่เสียหายและกล้องที่สามารถใช้งานได้ โดยเจ้าหุ่นยนต์ขยะที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้แม้จะดูลำบากมากก็ตาม
เฉินจินตระหนักว่าเขามีคู่สนทนาที่ดีหลังจากพบว่าสามารถมันเข้าใจบางส่วนที่เขาพูดได้ เขายังตั้งชื่อให้กับมันอีกด้วย
“วา – วา เจ้าพูดตามที่ที่พูดได้ไหม? …มันไม่สามารถพูดคำที่ซับซ้อนได้ แต่เอ๊ะ เหมือนฉันได้ยินว่าเรียก ฉันเป็นอาจารย์ เหรอ “
“พลังงานน้อยลงพลังงานน้อยลง” วาวา พูด
ตามที่คาดไว้หุ่นยนต์จากกองขยะที่เฉินจินตั้งชื่อว่า “วา – วา” พูด แต่สิ่งที่แสดงออกคือ “พลังงานไม่เพียงพอ” หน้าอกของมันมีแสงสีแดงๆเรียงกันเป็นแถว ท่าทางมันดูอิดโรยมากขึ้นและค่อยๆหมดแรงลง
“แบตเตอรี่ใกล้หมดแล้วเหรอ?” เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเจ้าวาวาเฉินจินรีบคว้ามันมาวางไว้บนรถสกู๊ตเตอร์ของเขา เขาใช้เชือกยึดมันอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้มันหล่นลงจากรถ เขาพยายามขี่รถอย่างระมังระวังแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความรีบเร่ง
แต่เมื่อเขาต้องขี่ผ่านช่วงผิวขรุขระทำให้เขาต้องชะลอความเร็วลง พร้อมกับลงเดิน ในขณะที่มือถือถุงที่เต็มไปด้วยขยะและการดึงสกู๊ตเตอร์ไปด้วย อีกทั้งเจ้าวาวาทำให้เขาลดความเร็วในการเดินลงไปอีก
เวลาบ่ายสามโมง
เฉินจินใช้เวลาทั้งหมดประมาณแปดชั่วโมง ในการการสำรวจบริเวณปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่รอบที่หนึ่งเสร็จสมบูรณ์
ระยะการเดินทางรวมเกิน 40 กิโลเมตร โดยหนึ่งในสามของการเดินทางเป็นการเดินเท้า ตอนนี้ขาทั้งสองข้างเกิดอาการบวม ร่างกายของเขารู้สึกหนักขึ้น ก้าวขายากลำบาก แต่ยังโชคดีอยู่เพราะนอกเหนือจากถุงใส่ขยะที่เขาพกมาด้วยแล้ว เขายังพบกล้องสำรองที่จะใช้เปลี่ยนกับกล้องบนตัวเจ้าวาวาที่เสียหายอยู่อีก
ในขณะที่เขาไม่พบสายพานขับเคลื่อนที่ไม่เสียหาย เขาตั้งใจจะนำสายพานของเจ้าวาวากลับสู่โลก เพื่อซ่อมแซมมันด้วยการเชื่อมส่วนที่ขาดออกจากกัน ให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ เมื่อถึงตอนนี้หุ่นยนต์วาวากำลังพลังงานจะหมดลงและเข้าสู่โหมดพักผ่อน อีกทั้งเฉินจินยังคงต้องครุ่นคิดถึงวิธีการชาร์จพลังงานด้วย
“ ถึงเวลาต้องย้อนกลับไปแล้ว ฉันพบขยะเต็มถุงแล้วหุ่นยนต์ด้วย”
เฉินจินไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้าขนาดนี้มาก่อน เขาแค่อยากกลับไปนอนพัก
ดังนั้นเขาจึงขับวินรันเนอร์ เข้าสู่ด้านในของหลุมอุกกาบาตและใช้ประโยชน์จากพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ทั้งสูงชันและลาดลงสลับไปมา เขาจึงเพิ่มความเร็วถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่เฉินจินไม่กล้าที่จะใช้ความเร็วมากกว่านี้แล้ว เพราะเขาต้องกะระยะในการใช้เบรกเพื่อลดความเร็วอีกด้วย
4 นาทีต่อมาเขากลับมาถึงเต็นท์ชั่วคราวที่เขาสร้างไว้
…
เฉินจินกางบันไดเอเฟรมออกแล้วเหยียบบนมันกลับไปที่ห้องน้ำบนโลก เขาอาบน้ำเพื่อล้างเหงื่อที่ส่งกลิ่นเหม็น เขาสวมกางเกงขาสั้นออกมา มองไปที่ประตูมิติห้องแล้วดึงเชือกดึงผ้าม่านที่ห้อยอยู่เพื่อบังประตูอย่างชาญฉลาด
ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าใครเข้าห้องน้ำของเขา จะมองไม่เห็นประตูมิติอย่างแน่นอนอีกทั้งเขาตั้งใจจะไม่บอกใครเกี่ยวกับประตูมิติอยู่แล้ว รวมถึงพ่อแม่ของเขาด้วย
ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ เขาไม่ต้องการให้ใครมาขัดขวางความสงบสุขระหว่างที่เขาอยู่ในอีกโลกนึงได้ นั่นคือโลกที่เป็นของเขา จะว่าไปมันก็เป็นความสุขและความเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียวสำหรับเขาและเขาไม่ต้องการที่จะแบ่งปันกับใคร
“ลองคิดดูสิว่า…มันเป็นเกมคอนโซลชนิดหนึ่งที่ฉันเป็นผู้เล่นแต่เพียงผู้เดียว”
เฉินจินผู้เหนื่อยล้าอย่างมากล้มตัวลงนอนบนเตียงคว้า กาซูมิเกากะ ยูทาต้า มากอดอย่างรวดเร็ว
…
“เปิดประตู!”
ปังปังปัง!
“เฉินจิน! ลูกลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แม่ทำอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เปิดประตู! เฉินจินลูก! ถ้าลูกยังไม่เปิดประตูแม่จะให้พ่อพังประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
แม่ของเขายืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยความรู้สึกกังวล เธอเคาะประตูห้องเขาทุกเช้าจนไม่มีประโยชน์ที่จะเคาะอีก เธอจึงปล่อยให้เขานอนต่อ แต่เขาจะไม่ออกมาเลยจนเลยเวลาเที่ยงได้ยังไง เธอครุ่นคิด
เขาไม่ขานรับเธอเลย แม้ว่าเธอจะเรียกมากกว่า 10 ครั้ง เป็นไปได้ไหม… .. ลูกชายของเธอเสียชีวิตอย่างกะทันหันหลังจากเล่นเกมตลอดทั้งคืน?
สีหน้าเธอเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกทันที เธอหันไปทางระเบียงด้านนอกห้องนั่งเล่นและตั้งใจจะหยิบถังดับเพลิงมาพังประตูซะ!
คลิก!
เมื่อเธอตัดสินใจที่จะไปหยิบถึงดับเพลิง ประตูก็เปิดออก เฉินจินหันมองแม่ด้วยสายตาอันไม่พอใจ “แม่จะตะโกนใส่ฉันทำไมแต่เช้า?”
“ไม่เช้าเลย นี่มันเที่ยงแล้ว ลูกทำอะไรเมื่อคืนนี้ทำไมเพิ่งตื่นนอน ทุกครั้งก็ไม่เคยล็อคประตูแล้วทำไมวันนี้ล็อคเสียได้” เธอถามเขาอย่างยาวเยียด
“แม่ไม่ต้องถามอะไรมาก เมื่อคืนฉันไปออกกำลังกายมามากเกินไป… “
“ออกกำลังกายนี่นะ?”
ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ เธอยิ้มแล้วพูดว่า
“ลูกออกไปเจอเด็กผู้หญิงที่ไหน สนุกไหม เธอชอบลูกไหม แล้วลูกดีกับเธอรึเปล่า แต่ต้องทำทุกอย่างให้พอเหมาะนะอย่าเร่งรีบจนเกินไป”
เฉินจินไม่ตอบ
“แม่ ฉันหิวแล้ว มีอะไรอร่อยๆให้กินบ้างเหรอ?” ท้องของเขาเริ่มคำราม
“มีสิ อาหารกลางวันพร้อมแล้ว ล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปกินนะ… .. ลูกดูเหนื่อยมากเลยต้องบำรุงซะหน่อยแล้ว” เธอพูดในขณะที่เห็นโครงร่างอันผอมแห้งของเขา
เขาส่ายหัวไปมาราวกับไม่สนใจที่แม่พูด รีบล้างหน้าเสียดีกว่าท้องร้องไปหมดแล้ว
ว่าแล้วก็รีบเดินกลับเข้าห้องไป