ตอนที่ 5 : เจ้าวาวาผู้โง่เขลา
วันนี้เป็นวันเสาร์ พ่อแม่ของเขาจึงอยู่ที่บ้าน เมื่อผู้เป็นพ่อมองไปที่เฉินจินกำลังเดินลงบันไดมาในสภาพเพิ่งตื่นนอน ทำให้เฉิงกังพ่อของเขาที่กำลังรับประทานมื้อเที่ยงอยู่ในขณะนั้นรู้สึกโกรธขึ้นมา
เขาจ้องที่แก้วน้ำและขมวดคิ้วก่อนมองไปที่เฉินจิน
“ฉันเห็นแกนอนตื่นสายจนเที่ยง การที่แกอยู่ในห้องเล่นแต่เกมส์ ไม่ออกไปไหน แกอายุ24แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ต่อไปถ้าฉันเป็นอะไรไปแกอยู่ยังไง จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ห่ะ?”
พ่อของเขาพร้อมที่จะด่าลูกชายคนนี้แล้ว ในฐานะวิศวกรอาวุโส เขาเห็นลูกๆของเพื่อนร่วมงาน ต่างมีรายได้ดีหรือไปเรียนต่างประเทศกันซะส่วนใหญ่ แต่สำหรับลูกชายของเขาเอง กลับอยู่แต่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรเป็นหลักแหล่ง เขากังวลว่าเพื่อนร่วมงานจะรู้เข้า เลยบอกคนอื่นๆไปว่าลูกชายของเขาได้ทำงานในตำแหน่งที่ดี ได้รับเงินเดือนสูงและมีอาชีพที่มั่นคง
เฉินจินไม่กล้าตอบ เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ หยิบชามและตะเกียบพร้อมกับทานอาหารอย่างช้าๆ ในทางกลับกัน หลี่ แม่ของเขาปกป้องเฉินจินไว้ เธอวางมือลงบนเอวและตอบโต้สามีทันที
“อย่าพูดอย่างนั้นนะ! ฉันให้กำเนิดลูกคนนี้มา ฉันจะจัดการเรื่องของเขาเองโดยไม่รบกวนคุณเด็ดขาด หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย!” แม่ของเขารีบออกมาปกป้อง
“คุณจะจัดการเรื่องของเขาไปตลอดทั้งชีวิตของคุณเลยเหรอ เขาโตแล้วต้องเลือกทางเอง ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆแหละ” เฉินกังได้ถามคำถามนี้นับครั้งไม่ถ้วนและได้ก็รับการตอบกลับแบบเดียวเท่านั้น
หลี่พูดว่า “ถ้าลูกของฉันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆฉันก็เต็มใจและมีความสุขที่จะได้ดูแลเขาตลอดชีวิต”
“คุณ….” เฉินกัง ชี้ไปที่เธอแล้วถอนหายใจ “คุณกำลังใช้ความใจกว้างของคุณทำลายลูกนะ!”
เฉินจินตักซุปซี่โครงหมูลงไปในถ้วยของตัวเอง หลี่เห็นการแสดงออกของเขาแล้วก็ยิ้มออกมา เธอหยิบซี่โครงหมูอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้ววางลงในชามของเฉินจินแล้วพูดว่า “กินเถอะ! แม่แบ่งเนื้อเพิ่มมาอีกหน่อยเพื่อให้ลูกกินอิ่มนะ”
“ขอบคุณครับแม่” เฉินจินกล่าว
“โอ๊ะ!” เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินกัง ส่ายหัวอีกครั้ง
…
หลังจากนั้น เฉินจินเดินเข้าไปในครัวเพื่อช่วยแม่ล้างจาน จากนั้นเขาก็ดึงแม่ออกไปและถามความลังเลว่า
“แม่! มีบางอย่างที่ผมอยากคุยด้วย.. “
เขามองดูเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า เธอยกคางขึ้นมาแล้วถามว่า
“คุยกันครั้งนี้ลูกต้องการให้แม่โอนเงินให้เท่าไหร่?”
เฉินจินหัวเราะเบาๆและตบไหล่ของเธอ
“แม่ยังคงเป็นคนที่เข้าใจผมดีที่สุดเลย… “
เขาหรี่ตามองเธออย่างสบาย ๆ
“อะไรกันแม่คลอดลูกออกมาเองแท้ๆ จะไม่รู้ทันลูกได้อย่างไรกัน”
“นี่…. ครั้งนี้แม่ให้ฉัน 20,000 หยวน นะ”
“โอเค แต่เธอต้องสัญญากับแม่นะ ลูกต้องหาแฟนที่ลูกรักเขาจริงๆภายใน 3 เดือน”
เฉินจินพูดอย่างสบายใจ “อืม ผมจะพยายามละกันนะ”
พูดตรงๆว่าคุณสมบัติของเขา เพียบพร้อมมากมาย ไม่ว่าจะหน้าตาหรือฐานะ การหาแฟนนั้นง่ายการกินและดื่มเสียอีก เพียงแค่เขายังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้เท่านั้นเอง
แม่ของเขาเบิกตากว้างแล้วพูดด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญว่า “ลูกไม่ใช่เด็กแล้วนะ ลูกโตพอที่จะเริ่มคิดถึงการแต่งงานได้แล้ว แต่ถ้าลูกยังไม่มีครอบครัวตอนนี้ แม่จะทันได้อุ้มหลานตอนเกษียณแล้วไหม? “
หลี่ถูกขนานนามมาโดยตลอดว่าตามใจลูก แต่เธอก็หวังดีกับลูกชายเธอเสมอ นับตั้งแต่เขายังเด็กเธอสอนให้เขามีระเบียบวินัยและคาดหวังให้เขาเติบโตไปอย่างราบรื่น แน่นอนว่ามาตรฐานของเธอจะดูต่ำไปเมื่อเทียบกับผู้ปกครองคนอื่น แต่เธอก็คอยติดตามลูกชายเธอเสมอและคอยชี้นำเฉินจินไปในเส้นทางที่เธอตัดสินใจให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธออย่างแน่วแน่
เฉินจินก็ทำได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหาร ล้างจาน รักษาความสะอาดในบ้าน พูดเพราะและมีมารยาทดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังญาติและเพื่อนๆ เฉินจินสร้างความประทับใจให้กับคนส่วนใหญ่ว่าเป็นคนที่มีมารยาทดีและเมื่อคนอื่นกล่างถึงเฉินจิน ทุกคนก็พูดแต่ในทางที่ดีน่าเอ็นดู
ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนติดบ้านและยังคงได้รับการดุแลจากพ่อแม่อยู่ แน่นอนสิ่งเหล่านี้เกิดจากความพยายามที่จะวางแผนชีวิตลูกชายสุดที่รักของหลี่นั่นเอง
เขาบอกได้เลยว่า แม่ดูเหมือนจะกำหนดชีวิตเขาและทำให้เขาหลงกลอุบายของเธอ หน้าผากของเฉินจินมีเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อย เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้วแม่”
“ติ้ง เงิน 20,000 หยวน ได้ฝากเข้าบัญชี อันลิเพย์ ของคุณจากแม่!”
เมื่อเห็นข้อความนี้ เฉินจินส่ายหัวและพูดพึมพำว่า
“ถ้าฉันไม่ขอเงินจากแม่เงินนี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เลย….เหมือนเงินนี้กำลังกลับมารัดคอฉันเสียนี่ “
…
ในตอนบ่ายเฉินจินไปที่บริเวณแฮปปี้เนสคอร์ทและพบร้านขายเครื่องทองขนาดเล็กที่เชี่ยวชาญในการทำประตูและหน้าต่างอลูมิเนียม เขาขอให้เจ้าของร้านช่วยซ่อมแซมสายพานที่ชำรุด เขาต่อรองราคาอยู่ที่ 200 หยวน เพื่อแลกกับการซ่อมเข้าสายพานอันนี้
เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางและเป็นคนช่างพูด “คุณเป็นนักออกแบบโมเดลอันนี้ใช่มั้ย สายพานนี้ทำออกมาได้ดีจริง ๆ คุณต้องการให้ฉันติดตั้งกับถังนั้นเลยหรือไม่ มันยากที่จะเชื่อมมันนะ แต่โชคดีที่ฉันเคยทำงานในอู่ต่อเรือมาสองสามปี ฉันเก่งที่สุดเลยไม่ว่าจะเป็นพวกเทคนิคการเชื่อมต่างๆ แค่สายพานเข็มเล็กๆอันนี้ ไม่ยากสำหรับฉันเลยนะ แต่เกิดอะไรขึ้นกันนี้! ฉันเชื่อมมานานแล้วนะ โลหะนี้หลอมอย่างไรก็ไม่แดงเลย น่าแปลกเสียจริง “
เจ้าของร้านถือหน้ากากกันความร้อนไว้ในมือ “ฉันจะเปลี่ยนเป็นแท่งเชื่อมความร้อนสูงแล้วจะลองอีกครั้ง”
เขานำแท่งเชื่อมความร้อนสูงออกมาเชื่อมเป็นเวลานาน ถึงแม้จะใช้อุณหภูมิถึง 2,400 องศา แต่โลหะบริเวณที่สายพานก็เริ่มมีแสงสีแดง แต่ไม่หลอมละลาย
“ไอ้เหล็กบ้านี่ มีจุดหลอมเหลวมากกว่า 2,000 องศามันเป็นสายพานขับเคลื่อนจากโมเดลของเล่นที่ทำจากวัสดุชนิดใด?” เข้าของร้านรู้สึกตกตะลึงและเขินอาย มันเป็นเพียงสายพานขับเคลื่อนเครื่องยนต์แต่มันกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อเขา
เขาลองเชื่อมโลหะนี้ในเตาไม่ค่อยได้ใช้และใช้อุณหภูมิสูงกว่า 3000 องศาที่ผลิตโดยการเผาเอทิลีนในออกซิเจนบริสุทธิ์ในที่สุด ส่วนโลหะที่หักของสายพานในที่สุดก็เริ่มละลายและในที่สุดก็เชื่อมต่ออีกครั้ง จนซ่อมแซมสายพานขับเคลื่อนที่หักได้สำเร็จ
…
นอกจากการซ่อมสายพานนี้แล้วเฉินจินยังซื้อสายไฟไปอีกจำนวนหนึ่ง หลังจากกลับถึงบ้านเขาดึงสายไฟจากห้องนอนผ่านประตูมิติเข้าไปสู่โลกใบใหม่ นอกจากนี้เขายังซื้อหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อแปลงแรงดันไฟฟ้าในครัวเรือนที่อันตรายกว่าของ 220 โวล์ต ให้เป็น ขนาด 6โวลต์, 12โวลต์ และ 24โวลต์เพื่อให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
หลังจากจัดเส้นวงจรไฟฟ้าเสร็จ เขาแยกสายทองแดงสองเส้นที่ยื่นออกมาจากหม้อแปลงแดงและน้ำเงินเข้าไปในขั้วบวกและขั้วลบ จากนั้นเขาเสียบสายไฟทั้งสองเข้าไปในรูเล็กๆทั้งสองรูที่อยู่ด้านหลังของเจ้าวาวาซึ่งดูเหมือนว่าจะทำการชาร์จไฟเข้าไป
“พลังงานเพิ่มขึ้น” เสียงแจ้งเตือนมาจากแสงที่ตั้งอยู่บนหน้าอกของเจ้าวาวา ฝั่งซ้ายสุดเริ่มกะพริบเป็นสีแดงเพื่อส่งสัญญาณว่ากำลังชาร์จ
ในที่สุดเฉินจินก็คลายความกังวล เนื่องจากเขายังติดตั้งสายพานขับเคลื่อนใหม่ที่พร้อมใช้งาน อีกทั้งตาขวาของเจ้าวาวาก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเย็นกับที่บ้านแล้วเขาก็กลับไปที่โลกใบใหม่อีกครั้ง
เจ้าหุ่นยนต์วาวาเพิ่งถูกชาร์จจนมีระดับพลังงานเพียงพอที่จะให้ตื่นจากโหมดพักผ่อน จากนั้นเฉินจินกดสวิตซ์บนตัวของเจ้าวาวาเรียบร้อยก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนออกมา ดวงตาทั้งสองข้างของกล้องที่เคลื่อนไหวไปมาขณะที่มันลุกขึ้น มีเสียงคลิกเมื่อมันเคลื่อนไหวตาซ้ายและตาขวา มันเห็นเฉินจินยืนอยู่ข้างหน้ามันจากกล้อง
“ปี๊บปี๊บ”
กลไกสีเทาของเลยส์กล้องที่เปรีบยเสมือนดวงตากะพริบปริบๆสองถึงสามครั้ง ดวงตาของมันลุกวาวเมื่อเห็นสายพานขับเคลื่อนด้านซ้ายที่ถูกซ่อมแล้ว
“วาวา! วาวา!” มันตื่นเต้นสุดๆ หมุนแขนกลไปมาและสลัดตัวหลุดออกจากสายชาร์จด้านหลัง มันเดินวนรอบเฉินจินที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คล๊าก คล๊าก คล๊าก” มันหมุนไปทางตามเข็มนาฬิกา
“ คล๊าก คล๊าก คล๊าก” มันหมุนทวนเข็มนาฬิกาไปสองสามรอบ
จากนั้นมันวิ่งไปมาตลอดขณะที่ตะโกนว่า “วาวา, วาวา!”
เฉินจินรู้สึกขบขันอย่างมากราวกับได้ดูการแสดงตลก เขาชี้ไปที่เจ้าวาวาแล้วพูดว่า
“ฮ่าฮ่า เจ้าวาวาช่างโง่เหลือเกิน!” ทันใดนั้นดวงตาของเฉินจินก็แทบถลนออกมา
เมื่อเขาเห็นว่า เจ้าวาวา วิ่งไปที่หม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าขนาดเล็ก มันยกแขนกลขึ้นแล้วเอาสายเคเบิลที่ใช้ในครัวเรือนที่เชื่อมต่อกับหม้อแปลง มันจับปลายลวดทองแดงเส้นหนึ่งซึ่งมีกระแสไฟฟ้าร้อนจัดพร้อมกับประกายไฟจำนวนมาก มันเริ่มชาร์จตัวเองผ่านการใช้วงจรครัวเรือนของ 220โวลต์โดยตรง และมันยังคงวิ่งไปมา
เฉินจินตกใจมากจนร้องออกมา เมื่อเขาเห็นแถบแสงสีแดงเล็กๆบนหน้าอกของเจ้าวาวากระพริบอย่างบ้าคลั่งในอัตราที่เร็วมากกว่า10 เท่าของก่อนหน้านี้ “ไม่นะ!”