EP 59 ปรับกลยุทธ์
By loop
มันอาจเป็นเรื่องน่าแปลกว่าเฉินจินไปเอาเงิน 200 ล้านหยวนนั้นมาจากไหนกัน ? แน่นอนว่ามันมาจากกำไรของร้านขายเครื่องประดับของเฉินจินภายในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
มันจะมีร้านขายเครื่องประดับแห่งใดบ้างที่สามารถทำกำไรได้ถึง 200,000,000 หยวนภายในสามเดือน ซึ่งหมายความว่ารายได้จากการขายของร้านอาจสูงถึงหนึ่งพันล้านหยวนเลยหรอ? นี่หมายความว่าร้านขายเครื่องประดับของเฉินจินขายเครื่องประดับหลายสิบล้านชิ้นทุกวัน? นี้มันเหมือนกับไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่ก็ร้านขายของชำที่ลูกค้าต้องไปที่นั่นทุกวันเพื่อซื่ออะไรซักอย่าง?
แน่นอนว่าเรื่องที่กล่าวมานั้นไม่ได้เกินจริงไปเลย ในความเป็นจริงกำไรจากการขายเฉลี่ยต่อวันจากร้าน มรดกแห่งอัญมณี อยู่ที่ประมาณ 3,000,000 หยวนเท่านั้น ลูกค้าหนึ่งในสามมีแนวโน้มที่จะลงทุนกับเครื่องประดับเหล่านี้น เนื่องจากทองคำแท่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ราคาของพวกมันถูกมากพวกเขาจึงซื้อทองพวกนั้นที่ละเยอะๆ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง ยังมีลูกค้าประเภทที่เป็น “คนบ้านนอกทำค่อนข้างร่ำรวย” ที่นิยมซื้อท่องแท่งเก็บไว้ หลายครั้งลูกค้าประเภทนี้จะเดินทางมาหลายครั้งและซื้อทองคำแท่งมากกว่า 100 กิโลกรัมกลับไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีร้านขายเครื่องประดับที่ต้องการทองที่ไม่ได้ตรีตรา เนื่องจากร้านเหล่านั้นไม่สามารถหาแหล่งทองคำราคาถูกได้จึงตัดสินใจเดินทางมาเพื่อซื้อทองคำจากร้านเครื่องประดับที่เฉินจินเป็นเจ้าของโดยให้ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 298 ต่อกรัมซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก พวกเขาเหล่านี่นตั้งใจจะซื้อทองคำพวกนี้กลับไปและเอาไปขายต่อในร้านของพวกเขาเอง สิ่งนี้จะช่วยให้ร้านของพวกเขาเองที่รับทองจากร้านของเฉินจินไปทำกำไรได้เล็กน้อยในฐานะคนกลาง
ลูกค้าและนักลงทุน ไม่ได้สนใจเรื่องแบร์นของร้าน มันมีส่วนทำให้รายได้จากการขายของร้านมากกว่าครึ่ง จากลูกค้าค้าปลีกทั่วไปรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,500,000 หยวนด้วยทำเลที่ตั้งที่ยอดเยี่ยมของร้านมรดกแห่งอัญมณี มันตั้งอยู่ในส่วนที่เจริญรมากที่สุดและมีคนอยู่เดินผ่านไปมากมายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกมากที่ยอดขายของร้านจะสูงลิ่วเช่นนี้
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเฉินจินจะต้องไปนำทองคำเพิ่มมาเป็นสองเท่าจากดาวไฮเออร์แอลฟา เพื่อตอบสนองความต้องการด้านเงินทุนของบริษัท เซี่ยงไฮ่เทคโนโลยีที่เขาเป็นเจ้าของ ในแต่ละเดือนเขาไปนำทองคำออกมาจากดาวไฮเออร์แอลฟาถึง 200 กิโลกรัมและแบ่งออกเป็น 10 ชุดละ 20 กิโลกรัม จากนั้นเขาก็จะส่งพวกมันให้กับ ผู้จัดการชิววันติงจัดการต่อ ทีละชุดเพื่อ รวมแล้วช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเขาขายทองไปได้เกือบ 600 กิโลกรัม และ รวมกับ วันเปิดร้านที่ขายทองช่วงโปรโมชั่นรวมกันได้ 100 กิโลกรัม
รวมเป็น 700 กิโลกรัมซึ่งคำนวนเป็นเงิน 18,200,000,000 หยวน นอกจากนี้ยังมีกำไรเกือบ 20,000,000 หยวนที่ได้จากการขายเครื่องประดับอื่นๆ ในร้านช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเฉินจินเก็บเงินเอาไว้ 18,000,000 หยวน ดังนั้นเขาจึงเงินเหลือราว 200 ล้านหยวนเพียงพอที่จะทำสัญญาธุรกิจกับบริษัทหลิงเฟิงเทคโนโลยีได้
ในอีกสองเดือนข้างหน้าเฉินจินต้องหาเงิน 200,000,000 หยวน สำหรับการจ่ายเงิน 10% ครั้งที่สองให้กับหลิงเฟิงเทคโนโลยี นั่นหมายถึงว่าสำหรับต้นทุนครั้งต่อไปของเขาเฉินจินยังคงต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อขายทองคำให้ได้ เขาจะต้องขายทองคำอย่างน้อย 700 กิโลกรัมขึ้นไป เฉินจินเริ่มคิดคำนวณว่าเขาจะหาทองคำมากขนาดนั้นได้จากไหนกัน? ตอนนี้เขามีทองคำสำรองเท่าไหร่?
สรุปแล้วเฉินจินยังเหลือทองคำอยู่ประมาณสามตัน ด้วยความพยายามของทีมสำรวจซึ่งได้สำรวจไปรอบฐานบัญญาชการเกือบ 400 กิโลเมตร เฉินจินทองคำสำรองเพิ่มขึ้นเกือบสี่ตัน ทั้งหมดถูกโยนเข้าไปในโรงงานแคปซูลและละลายในความร้อนสูง หลังจากนั้นพวกมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นทองคำแท่ง แท่งล่ะ 1 กิโลกรัม การสร้างทองคำ 700 ถึง 800 แท่งแล้วขายมันบนโลกและได้เป็นเงินสดกลายเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา เฉินจินวางแผนที่จะขายทองคำของเขาให่มากที่สุดในช่วงวันตรุษจีน มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเนื่องจากความต้องการเครื่องประดับอย่างเช่นทองคำจะสูงมากขึ้นด้วย
“ ในช่วงวันตรุษจีนจะมีคนจัดงานแต่งงานมากมายและจัดงานรื่นเริงอื่น ๆอีกมาก ผู้คนจำนวนมากจะเลือกซื้อทองคำโดยเฉพาะ ยอดขายในเดือนนี้เพียงอย่างเดียวคิดเป็น 30% ของตัวเลขยอดขายต่อปี เมื่อเร็ว ๆ นี้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้านเริ่มเพิ่มขึ้น รายได้จากการขายก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าฉันต้องคว้าโอกาสนี้ในการขายทองคำให้ได้มากที่สุด!”
แน่นอนว่าจะมีความเสี่ยงในระดับหนึ่งแน่นอน ตัวอย่างเช่นแม่ของเฉินจิน จะรู้สึกอย่างไรถ้าหลังจากที่เธอเห็นแท่งทองคำ 800 แท่งนอกเหนือจากทองคำก้อนใหญ่ที่ชั่งน้ำหนักได้ 30 กิโลกรัม; เธอถึงกับอ้าปากค้างและแววตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธออดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ สายตาของเป็นเป็นประกายแวววาวและเธอเริ่มกระโดดโลดโผนก่อนจะพูดว่า“ นี่…. นี่มันท่องคำจำนวนมหาศาล เพื่อของลูกคนนั้นส่งมันมาขายทั้งหมดเลยหรอ?”
เฉินจินพยักหน้า “ ใช่ครับ สิ้นปีเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการขายทองคำ เขาต้องการให้ยอดขายเพิ่มขึ้น”
“ แม่เชื่อแล้วว่าเพื่อนของลูกมีสมบัติมากมาย แค่ทองในห้องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดอันตรายมากมายกับเขา” ในขณะที่สายตาของเธอส่องประกายด้วยความโลภ เฉาหลี่ถึงเรื่องที่เฉินจินเคยพูดไว้และคิดในใจว่า ลูกชายของฉันนั้นช่วยเหลือเธอทุกอย่างแต่เธอกับใช้ลูกชายของฉันเป็นเครื่องมืออย่างงั้นหรอ มันไม่มากเกินหรอกที่จะแบ่งปันทองคำครึ่งหนึ่งให้กับลูกชายของฉันใช่ไหม? เธอยังคิดว่าเธอยากจะไปต่อรองเรื่องทองคำนั้นกับเพื่อนของเฉินจินด้วยตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตามลูกชายของเธอนั้นเป็นคนดีและมีบุคลิกที่อ่อนโยน เฉินจินนั้นยืนกรานที่จะไม่ทำลายจรรยาบรรณและเชื่อมั่นในความภักดีกับเพื่อนมากเกิน ถ้าเป็นฉันละกัน …
ถ้าเฉินจินรู้ว่าแม่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้เขาคงจะต้องแย่แน่ๆ ในแง่ของการคำนวณ เฉินจินจะเปรียบเทียบกับแม่ที่ใช้เวลาครึ่งชีวิตในการทำบัญชีได้อย่างไร เขายอมที่จะโกหกแม่ของเขาดีกว่าจะต้องเสียส่วนแบ่งทางการตลาดนี้ไป
หลังจากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากแม่ ชุดทองคำน้ำหนัก 830 กิโลกรัมถูกส่งมายังร้านเครื่องประดับของเฉินิจน อย่างครบถ้วน ผู้จัดการร้านชิววันติง จะช่วยจัดการกับทองคำเหล่านี้ทั้งหมด
ชิววันติงก็ถึงกับตกใจเช่นกันเธอ โบกมือของเธอพร้อมพูดว่า“ ทองคำชุดนี้มันมากเกิน ฉันไม่กล้าขายต่อให้กับผู้ผลิตเครื่องประดับอีกแล้ว” การที่เขาเธอเห็นทองมากมายอยู่ตรงหน้าทำให้ชิววันติงแสดงอาการกลัวออกมา
เฉินจินกล่าวว่า“ ป้าชิวเราจะไปด้วยกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจางชุนเฟยและเสี่ยวซินจะตามเรามาด้วยรถอีกคัน เราจะจัดการกับทองคำและพวกเขาจะทำหน้าที่เฝ้าระวัง” นอกจากนี้เฉินจินยังนำปืนพกกลับมาจากไฮเออร์แอลฟา ซึ่งบรรจุกระสุนเต็มแม๊ก เขาซ่อนมันไว้ในเสื้อกันลมของเขาเผื่อว่าจะใช้ในยามจำเป็น
“ตกลง.” ภายใต้คำรับรองของเฉินจินหลายครั้งในที่สุดชิววันติงก็เอาชนะความกลัวของเธอและตกลงที่จะช่วยเขาจัดการกับทองคำมากมายเหล่านี้ ในขณะนั้นเธอตระหนักว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับเงินเดือนมากถึง 60,000 หยวนต่อเดือนเช่นนี้ เราต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง
เธอใช้ระยะเวลาสามวันกับทองคำ 800 กิโลกรัมที่ผิดกฎหมายเปลี่ยนไปเป็นทองคำที่ถูกกฏหมายอย่างแนบเนียน
ในวันต่อมามันเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดของร้านมรดกแห่งอัญมณี อาจเป็นช่วงพีคที่สุดของธุรกิจ เพราะมันมีโปรโมชั่นเกิดขึ้นเกือบทุกวัน พนักงางสาวใช้ความพยายามอย่างเต็มที่กับลูกค้าที่มีกำลังทรัพย์และพยายามอย่างดีที่สุดในการสร้างความเชื่อถือให้กับทางร้าน
ทางร้านได้จัดกิจกรรมสองอย่างที่น่าสนใจมาก หนึ่งในนั้นคือ“ เลือกทองคำแท่ง” ที่วางกล่องแก้วใสวางตรงกลางห้องโถงของร้าน ในกล่องแก้วมีทองคำแท่งละ 30 กิโลกรัม ลูกค้าที่มาและใช้สองนิ้วลองหยิบก้อนทองคำขึ้นได้และนำออกจากกล่องทองก้อนนั้นก็จะเป็นของลูกค้าในคนนั้นในทันที!
“ จริงหรือ ทองคำจะเป็นของใครก็ตามที่หยิบมันขึ้นมาด้วยนิ้วสองนิ้วหรอ? งั้นฉันต้องลองหน่อยแล้ว!”
“ ทองคำ 30 กิโลกรัมมีมูลค่าหลายสิบล้านเหรอ? ฉันทนรอที่จะหยิบมันขึ้นมาไม่ไหวแล้ว?”
“ มันขึ้นมาแล้ว มันขึ้นมาแล้ว! อ้าลื่น!”
“ ไปให้พ้นนิ้วของฉันแข็งแรงพอที่จะบดขยี้เม็ดวอลนัทได้ ให้ฉันลอง…อ้าวไม่ แท่งนี้มันลื่นขนาดนี้!” ทุกคนถอนหายใจขณะที่หลายคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอาทองคำนี้ขึ้นมา
“ ฉันขอดูใกล้ๆหน่อย หากชายคนนั่น สามารถหยิบทองแท่งละ 30 กิโลกรัมได้ด้วยนิ้วของเขามันจะเป็นของเขาทันที แล้วดูเหมือนว่ามันจะเป็นทองคำแท้เสียด้วย! ดูสิดูชายคนนั้นเกือบจะทำสำเร็จแล้ว อ๊าห์ ~! มันตกลงไปอีกแล้ว เงินหลายสิบล้านหายไปในพริบตา!”
เน็ตไอดอลชื่อดังหลายคนพยายามถ่ายทอดสดสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านเครื่องประกับของเฉินจินลงไปบนโซเชียลโดยใช้มือถือถ่ายทำ สิ่งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากวัดได้จากการเพิ่มปริมาณการเข้าชมถ่ายทอดสอและที่สำคัญนี้คือการโฆษณาร้านเครื่องประดับของเฉินจินด้วย แม้แต่สื่อหนังสือพิมพ์บางฉบับก็ส่งนักข่าวไปรายงานสถานการณ์ทำให้เกิดการพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ต
กิจกรรมที่สองเพื่อดึงดูดความสนใจคือ“ เครื่องก้ามปูทองคำ” เครื่องก้ามปูทองคำสี่เครื่องถูกวางไว้ที่ทางเข้าหน้าร้าน มันไม่ใช่ตุ๊กตา แต่เป็นทองคำแท่ง เหรียญเงินและเครื่องประดับเช่นสร้อยคอกำไลและต่างหู (ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำจากทองคำหรือเงิน) มูลค่าของพวกมันอยู่ระหว่างร้อยหยวนถึงหมื่นหยวนอยู่หน้าร้าน เพื่อให้ผู้คนมาจับฉลากกัน
สำหรับความเป็นไปได้ในการรับรางวัลต่างๆแน่นอนว่าทองคำเป็นรางวัลที่มีโอกาสน้อยที่สุดที่จะประสบความสำเร็จประมาณ 1 ใน 1,000 ความน่าจะเป็นในการหยิบเครื่องประดับชิ้นหนึ่งมีค่าประมาณ 1 ใน 100 ความน่าจะเป็นในการหยิบเหรียญเงินสูงที่สุดประมาณ 1 ใน 10
การลองใช้“ เครื่องก้ามปูทองคำ” แต่ละครั้งมีค่าใช้จ่าย 10 หยวน ยิ่งจ่ายเงินมากขึ้นโอกาสที่จะได้ของสุ่มดีๆก็มีมากขึ้น
ถึงกระนั้นตั้งแต่เช้าจรดค่ำมีคิวยาวอย่างน้อย 10 เมตรในแต่ละเครื่อง มีผู้เล่นจำนวนมากให้ความสนใจพวกมัน!
เป็นเพราะเครื่องก้ามปูชนิดนี้ถูกตั้งค่าด้วยอัตรารางวัล 100% หากมีใครใส่ใน 100 หยวน จะสามารถเลือกบางอย่างที่มีมูลค่า 100 หยวนได้ ร้านใช้เครื่องเหล่านี้เป็นวิธีการลับในการขายสินค้าของพวกเขามากกว่า เพื่อไม่ให้ได้ผลกำไรพิเศษจากผู้เล่น ดังนั้นผู้เล่นที่โชคดีจึงสามารถใช้ประโยชน์จากผู้เล่นที่โชคไม่ดี ผู้เล่นที่มีเทคนิคที่ดีสามารถเลือกไอเท็มที่ผู้เล่นที่มีเทคนิคไม่ดีไม่สามารถทำได้
ทุกคนคิดว่าจะต้องลองอีกครั้งเพื่อนำทองคำแท่งที่ห้อยอยู่ซึ่งมีมูลค่านับหมื่นออกจากเครื่องเล่นให้ได้ มันอาจตกอยู่ในมือของฉันได้…. และฉันต้องจ่าย 10 หยวน เพื่อเอาทองคำนั้นมาให้ได้
ลูกค้าถูกล่อลวงจากรางวัลที่มีมูลค่ามากกว่าค่าธรรมเนียม 1,000 หยวน ลูกค้าหลายคนหักห้ามตัวเองไม่ให้เล่นเครื่องเล่นนี้ไม่ได้ เครื่องก้ามปูทองคำสี่เครื่องมีรายรับรายวันสูงถึง 300,000 หยวน มันมีราคาที่ไม่แน่นอน! มันคิดเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมดของร้านขายเครื่องประดับ
มันเห็นได้ชัดว่าการวางกลุยุทธ์ทางการตลาดใหม่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจร้านเครื่องประกับของเฉินจินนั้นดีขึ้นมาก